รบคู่ขนาน‘รัฐบาล-นอกสภาฯ’ พท.-ภท.อนิจจัง‘ครม.แพทองธาร’

รบคู่ขนาน‘รัฐบาล-นอกสภาฯ’ ‘นายกฯ-อนุทิน’ประสานเสียง อนิจจัง‘ปรับครม.’ พท.-ภท.ไม่แตก จับตา 2 ปมร้อน‘คอมเพล็กซ์-ฮั้วสว.’ แดง-น้ำเงินวัดพลัง
KEY
POINTS
- "แพทองธาร-อนุทิน" เพื่อไทย-ภูมิใจไทย “อนิจจัง” ครม.แพทองธาร?
-
“เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” พ่วง “กาสิโน”10% ที่ต้องทอดเวลาออกไป 3 เดือน จนกว่าสภาผู้แทนราษฎรจึงจะเปิดสมัยประชุมในวันที่ 3 ก.ค.จังหวะนี้เอง ที่อาจได้เห็นการเปิดฉากต่อรอง
-
คดี“โพยฮั้วสว.” เมื่อ “หมากสภาสูง”กลายเป็นแต้มต่อ ที่ฝั่งสีน้ำเงินหยิบมาใช้ต่อรอง อาจเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อีกฝั่งกำลังเปิดฉากรุกกลับด้วยการ “ล้างกระดาน” เพื่อลดความอหังการ์ของพรรคสีน้ำเงิน
-
แม้สูตร“ขับภูมิใจไทย”ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะถูกตีตกจาก“2 พ่อลูก”พรรคเพื่อไทย แต่เกมการเมืองในซีกรัฐบาล ก็ยังคงซ่อนไว้ ภายใต้เงื่อนไขต่อรองอีกมาก
อาการของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ล่าสุดพูดถึงข่าวคราว “ปรับครม.” หลังถูกถามถึงผลสำรวจ “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจเมื่อวันที่ 20 เม.ย.โฟกัสไปที่ “ความต้องการปรับครม.” ที่พบว่า 48.24% ระบุว่า จำเป็นต้องปรับครม.โดยเร็วที่สุดรองลงมา 16.18% ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องปรับครม.
เหนือไปกว่านั้น กระทรวงที่ประชาชนอยากให้ปรับรัฐมนตรี มากที่สุดคือ คือ กระทรวงพาณิชย์โดย 57.02% ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ขณะที่ 41.60% ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน
ชั่วโมงนี้แม้ “นายกฯอิ๊งค์” จะยังคงยืนยันหนักแน่นว่า กระแสปรับครม. เป็นเรื่อง “อนิจจัง” ไม่ว่าตำแหน่งทุกอย่าง หรือแม้แต่ตำแหน่งของนายกฯ ก็เช่นกัน ไม่ใช่แค่ตำแหน่งของใครคนใดคนหนึ่ง ตำแหน่งของนายกฯ ก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นเราก็ทำใจให้นิ่งไว้
“ทุกอย่างยังเหมือนเดิม และทราบมาว่ามีเรื่องของผลโพลที่ทุกคนให้ความสนใจ พร้อมรับฟังทุกความเห็น ไม่ว่าจะเป็นผลโพลหรือความเห็นของประชาชน จะนำไปคิด ความจริงแล้ว ใด ๆในโลกล้วนอนิจจัง ไม่ใช่แค่ตำแหน่งของใครคนใดคนหนึ่ง ตำแหน่งของนายกฯ ก็เช่นกัน เพราะฉะนั้น เราก็ทำใจให้นิ่งไว้”
ไม่ต่างจากสูตรเตะ“ภูมิใจไทย” ออก แล้วนำ “พลังประชารัฐ”เข้ามาแทนที่ นายกฯย้ำอีกรอบว่า คำถามนี้แรง "พรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นเหมือนในปัจจุบัน จนจบรัฐบาล"
สอดคล้องกับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ร่ายกลอน รับลูกนายกฯ ว่า “ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง คนบ่ดูหนังสือยังสอบได้ คนดูหัวแทบพังยังสอบตกนา เพราะฉะนั้นไซร้ อย่าได้ดูมัน”
กระนั้นด้วยเงื่อนไข “เศรษฐกิจ” ที่กำลังเขย่าเรตติ้งพรรคเพื่อไทย ไม่ต่างจากปมร้อน “การเมือง” ที่กำลังรุกไล่ จุดนี้เองที่อาจกลายเป็นไฟต์บังคับ บีบให้“นายกฯอิ๊งค์” อาจต้องปรับคณะรัฐมนตรีเร็วกว่าความตั้งใจ โดยเฉพาะ “รัฐมนตรี” ด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นจุดอ่อนของพรรคเพื่อไทย
จึงไม่แปลก ที่จะได้เห็นการซุ่มซ้อมปั้นทีมเศรษฐกิจ ของ “ทักษิณ ชินวัตร” พ่อนายกฯ ระดมทีมบ้านพิษณุโลก นายแบงก์ นักวิชาการ ออกโมเดลฟื้นเรตติ้งเศรษกิจ ครั้งสำคัญ
สั่งสส.แจงกาสิโนสกัดเกม“รัฐพันลึก”
ยิ่งไปกว่านั้น ท่ามกลางฉากต่อรองทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น ประเด็น “เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” พ่วง “กาสิโน”10% ที่ต้องทอดเวลาออกไป 3 เดือน จนกว่าสภาผู้แทนราษฎรจึงจะเปิดสมัยประชุมในวันที่ 3 ก.ค.
แน่นอนว่าจังหวะนี้เอง ที่อาจได้เห็นการเปิดฉากต่อรอง
ก่อนหน้านี้ มีการจับตาว่า การส่งบทเป็นทอดๆ ไล่ตั้งแต่ “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่สีน้ำเงิน ผู้เป็นพ่อ ไปที่ “ไชยชนก ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ผู้เป็นลูกชาย ออกแอ็กชั่น ขวาง “กาสิโน” กลางสภาฯ
หรือฉากการรับลูกของ “สว.สีน้ำเงิน” ที่ยื่นคำขาด ต้องประชามติร่างกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะร้องจริยธรรม
ทั้งหมดทั้งมวล ถูกตีความว่า เป็นการเล่นบท “เลือดสีน้ำเงินเข้มข้น” เพื่อรักษาแนวรุก ซื้อใจเครือข่ายอนุรักษนิยม ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายต้านกาสิโน “นอกสภาฯ” อีกทั้งมีการกล่าวอ้างถึงสัญญาณ “รัฐพันลึก” รอจังหวะเข้าเงื่อนไขการเมืองสุกงอม เปิดปฏิบัติการ “ปิดเกม”
ฉะนั้นด้วยยี่ห้อ “นายใหญ่” เพื่อไทย ที่เป็นรัฐบาลมาแล้ว 5 ยุค ย่อมอ่านเกมการเมืองได้อย่างแตกฉาน
จึงไม่แปลก ที่จะได้เห็นการรุกกลับจากทางฝั่ง “พรรคเพื่อไทย” ก่อนหน้า “สรวงศ์ เทียนทอง”รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พูดถึงมิติทางการเมือง ที่ต้องเดินหน้าทำความเข้าใจ ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงการเดินหน้าเจรจากับทุกฝ่าย เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในเรื่องนี้
สอดคล้องกับ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่พูดถึงกรณีการประชุมพรรคซึ่งนายกฯอิ๊งค์ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กำชับสส. ให้ลงพื้นที่ระหว่างปิดสมัยประชุมสภาฯ เพื่อพูดคุย ทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังต้องจับตา ประเด็น“เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่ซ่อนเงื่อนไขต่อรองไว้ตรงที่ กมธ.ศึกษากฎหมายเอนเทอร์เทนเมนต์ของสว. ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า กมธ.ศึกษาชุดถูกเซ็ตขึ้น เพื่อใช้เพื่อให้เป็น “เกมต่อรอง” ทางการเมืองระหว่าง“พรรคเพื่อไทย” และ “พรรคภูมิใจไทย” ล้วนๆ
เห็นชัดจากความพยายามของ ฝั่ง“สีน้ำเงิน” ในการดัน “ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์”อธิบดีกรมการปกครอง สายตรงบุรีรัมย์ นั่งประธานกมธ.
ล่าสุดมีข่าวว่าอาจมีการแก้เกมดัน “แล ดิลกวิทยรัตน์” สว.อิสระ เป็นผู้ท้าชิง
“โพยฮั้วสว.”ฉากล้างกระดาน
อีกหนึ่งปมร้อนที่ต้องจับตาคือ คดี“โพยฮั้วสว.” หลังคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับสอบในคดีฟอกเงิน จนได้เห็นฉากการเอาคืนจากฝั่ง “สว.สีน้ำเงิน” เปิดฉากยื่น ป.ป.ช.ฟันจริยธรรม “2 รมต.” คือ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รมว.กลาโหม และ ทวี สอดส่อง" รมว.ยุติธรรม
ล่าสุด “ทวี” พูดถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวที่อยู่ระหว่างสอบสวนของดีเอสไอ โดยพนักงานสอบสวนคดีนี้ รายงานว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าพอสมควร ซึ่งอยากทำให้ทันภายในกรอบเวลา ซึ่งอาจจะเป็นสิ้นเดือนเม.ย.นี้
เช่นนี้ต้องจับตาเมื่อ “หมากสภาสูง”กลายเป็นแต้มต่อ ที่ฝั่งสีน้ำเงินหยิบมาใช้ต่อรอง โดยเฉพาะการสรรหาบุคคลเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ อาจเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อีกฝั่งกำลังเปิดฉากรุกกลับด้วยการ “ล้างกระดาน” เพื่อลดความอหังการ์ของพรรคสีน้ำเงิน
ก่อนหน้านี้ “นันทิวัฒน์ สามารถ” อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เคยให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า นอกจากตั้งคำถามเลือก สว.มาร่วมปี แทนที่จะยื่นฟ้องต่อ กกต. กลับจะยื่นฟ้องต่อดีเอสไอแล้ว ยังทะลุกลางปล้อง เฉลยคำถามทำไมต้องมาทุบ สว.ในช่วงนี้ว่า
“เนื่องจากองค์กรอิสระหลายแห่ง ต้องมีการสรรหาคนใหม่แทนคนเก่าที่จะหมดวาระ ซึ่งเป็นอำนาจของ สว. หากปล่อยให้ สว.ชุดนี้ ที่มีเสียงบ่นว่า เป็น สว.สีน้ำเงิน คนที่ได้รับการสรรหาจะไม่เป็นคุณ อย่ากระนั้นเลย ทุบมันเสียเลยดีมั้ย”
ไม่ต่างข่าวคราวความเคลื่อนไหวการหยิบคดีโพยฮั้วสว.สร้างแต้มต่อรองด้วยการ เปิดตลาดการเมือง เดินเกมดูด สว.โดยเฉพาะ “สายสีน้ำเงินอ่อน” ที่มีอยู่ประมาณ 30 คน เพื่อเปลี่ยนสมการ จนถึงเวลานี้ยังถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง
ว่ากันว่า สาเหตุเหตุที่ “คีย์แมน”บางพรรค แสดงอาการมั่นอกมั่นใจว่า สว.กลุ่มนี้จะยอมเปลี่ยนสี เกิดจากความไม่พอใจการบริหารจัดการภายในสว.สีน้ำเงิน ที่ไม่เป็นตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ แถมบางตำแหน่งกลับถูกกินรวบโดย สว.สายบ้านใหญ่
จึงต้องจับตาข่าวคราวที่ออกมา "ฝั่งสีน้ำเงิน" ว่าจะออกมาแก้เกมตรงนี้อย่างไร
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นการตอกย้ำว่า แม้สูตร“ขับภูมิใจไทย”ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะถูกตีตกจาก“2 พ่อลูก”พรรคเพื่อไทย แต่เกมการเมืองในซีกรัฐบาล ก็ยังคงซ่อนไว้ ภายใต้เงื่อนไขต่อรองอีกมาก หลังจากนี้!