'วิโรจน์' ตามต่อรอสมัยประชุมหน้า ปมยื่นถอด ปธ.ป.ป.ช. เซ่นคลิปฉาว

‘วิโรจน์’ เผยเปิดสมัยประชุมสภาฯครั้งหน้า ตามต่อปมยื่นถอด ‘ประธาน ป.ป.ช.’ – ชี้ปรับ ครม.รอบนี้ สะท้อนพรรคร่วมร้าวหนัก เหน็บยังไม่เห็นภาวะผู้นำนายกฯแก้กำแพงภาษีสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคประชาชน (ปชน.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ปชน. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าหลังยื่นถอดถอนประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า หลังจากเรายื่นผ่านทางนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นไปตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ก็ติดตาม เข้าใจว่าประธานสภาฯขอเวลาตรวจสอบข้อมูล เดี๋ยวเราติดตามต่อไป ในช่วงเปิดสมัยประชุม เพราะเข้าใจว่ามีกรอบเวลาอยู่
“เรื่องนี้ต้องยอมรับว่า กรณีประธาน ป.ป.ช. ไปพบกับประธานสภาฯ โดยมีคลิปปรากฏออกมา เป็นเรื่องเคลือบแคลงสงสัย ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์กันมากอยู่แล้ว และถอดคลิปเสียงที่คุยกัน เชื่อได้ว่า อาจเป็นเรื่องไม่สุจริตได้ หากปล่อยคลุมเครือและให้เงียบหายไป อาจส่งผลต่อเกียรติภูมิของประธาน ป.ป.ช. และประธานสภาฯด้วย แต่อย่างไรก็ดีต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ท่านด้วยเช่นกัน” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามถึงการปรับ ครม.ในช่วงเวลานี้มองอย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราเห็นความวุ่นวายที่จะปรับ ครม.ลองตามข่าวดูว่า ไม่ได้มีเนื้อหาสาระว่าจะปรับ ครม.เพื่อปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือปรับ ครม.เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างหนึ่งอย่างใดให้กับประชาชน แต่ปรับ ครม.ครั้งนี้ เอาอกเอาใจ บริหารความพึงพอใจพรรคร่วมรัฐบาล โดยไม่ได้เอาปัญหา หรือความทุกข์ร้อนของประชาชนให้ผาสุกมาเป็นตัวตั้ง แต่เชื่อว่า ณ วันนี้เลยจุดนั้นไปแล้วที่จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาล กลับมาปรองดอง สมาฉันท์ทำงานร่วมกันต่อไป เพราะมีร่องรอยไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ เป็นรอยร้าวรุนแรงมาก พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะกระชับอำนาจในการดึงกระทรวงสำคัญกลับมาดูเอง ทำให้รอยร้าวของพรรคร่วมขยายตัวในระดับรุนแรงขึ้น
“นี่แหละถึงบอกว่า การตั้งรัฐบาลของพรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้ เป็นการติดกระดุมเม็ดแรกที่ผิด ไม่ได้เอาประชาชนมาเป็นโจทย์ที่จะแก้ แต่เอาดีลที่ทำไว้กับผู้มีอำนาจหลังม่าน กลุ่มทุนศักดินาที่ได้ประโยชน์เป็นตัวตั้ง มองประชาชนรอคอยผลประโยชน์ ผลพลอยได้เท่านั้น การปรับ ครม.ล้วนไม่มีประชาชนเป็นตัวหลักในสมการเลย พยายามเกี๊ยะเซียะ กวนน้ำที่เสียแล้วให้กลับมาพอไปได้ นี่คือต้นตอของปัญหา” นายวิโรจน์ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวว่าอาจผลักดันพรรคภูมิใจไทยมาเป็นฝ่ายค้าน เคยได้ยินเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยังไม่เคยได้ยิน เรื่องนั้นเป็นเรื่องฝ่ายรัฐบาลไป เรายืนยันว่า ในสมัยนี้ ปชน.ไม่ร่วมรัฐบาลแน่ ๆ เราก็ทำหน้าที่ของเราไป ยืนยันได้เลยว่า เราจะไม่ร่วมรัฐบาลในสมัยนี้ ในสภาฯชุดนี้แน่ ๆ ส่วนการปรับ ครม.เป็นหน้าที่นายกฯ ปัญหาอยู่ที่ว่า การซักฟอกยังไม่เจอภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ตอนนี้ประเทศเราเผชิญหน้ากับพลวัต และการเปลี่ยนไปมาของมาตรการภาษีสหรัฐฯ ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร ในสถานการณ์ลักษณะนี้กระทบเศรษฐกิจโดยตรง ต้องการภาวะผู้นำอย่างมากของคนเป็นผู้นำประเทศคือนายกฯ แต่เรายังไม่เห็นตรงนั้น เรายังไม่เห็นภาวะผู้นำของ น.ส.แพทองธาร เลย ไม่เอาปัญหาที่ประเทศเผชิญหน้ามาเป็นโจทย์หลักในการปรับ ครม.เลย