‘วิโรจน์’ จี้ 2 อธิบดีฯเร่งสอบ สาง 3 ปมใหญ่ ‘ตั๋ว PN-รร.หรู-ชั้น 14’

‘วิโรจน์’ จี้ 2 อธิบดีฯเร่งสอบ สาง 3 ปมใหญ่ ‘ตั๋ว PN-รร.หรู-ชั้น 14’

‘วิโรจน์’ อัปเดตโรยเกลือหลังซักฟอก ‘นายกฯ’ 3 ปม ‘ตั๋ว PN-โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่-ทักษิณชั้น 14’ บี้อธิบดีสรรพากร-ที่ดินสอบด่วน ลั่นไม่ยื่นศาล รธน.ฟัน ไร้ความชอบธรรม

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคประชาชน (ปชน.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ปชน. แถลงข่าวความคืบหน้า “ยุทธการโรยเกลือ” ว่า การดำเนินการทางกฎหมาย และกระบวนการต่าง ๆ หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พวกเราได้หารือกันแล้ว คิดว่ามีการดำเนินการทั้งสิ้น 3 เรื่อง

1.กรณีนายกฯ ใช้ “ตั๋วสัญญาใช้เงิน” หรือ “ตั๋ว PN” 9 ฉบับ โดยไม่กำหนดชำระเงิน ไม่มีดอกเบี้ย สร้างกระบวนการให้ดูเสมือนว่าซื้อหุ้นจากครอบครัวและเครือญาติ รวมมูลค่ากว่า 4.4 พันล้านบาท ทั้งที่ความเป็นจริง การดำเนินการดังกล่าวถูกตั้งข้อสงสัยว่า หลีกเลี่ยงภาษีการรับให้มูลค่า 218 ล้านบาทหรือไม่

จากพฤติการณ์ที่ปรากฏ หุ้น 4.4 พันล้านบาท เปลี่ยนมือจากบุคคลในครอบครัว และเครือญาติมาสู่นายกฯโดยสมบูรณ์แล้ว และนายกฯได้รับประโยชน์จากการถือหุ้นดังกล่าวเต็มรูปแบบ ในกรณีการปันผล ก็ได้รับการปันผลเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่เคยมีการชำระเงินค่าซื้อหุ้นมาก่อนแต่อย่างใด ไม่ระบุว่าจะชำระค่าซื้อหุ้นเท่าไหร่ ไม่มีภาระชำระดอกเบี้ยที่ค้างชำระจากการซื้อหุ้น

พิจารณาด้วยความสุจริต ลักษณะนี้ประชาชนทุกคนเข้าใจได้ว่าน่าจะเป็นการทำ “นิติกรรมอำพราง” เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีการรับให้มูลค่า 218 ล้านบาท ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่งสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่เป็นผู้นำของประเทศ และเป็นกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐอีกด้วย

กรณีนี้เทียบกับกรณีต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ หลายกรณีไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อหลีกเลี่ยงแบบนี้ ศาลภาษีสหรัฐฯ ล้วนมีคำวินิจฉัยให้กรมสรรพากรชนะคดีทั้งสิ้น โดยวางหลักเกณฑ์ที่เป็นหลักสากลไว้ว่า หากตั๋วสัญญาใช้เงินไม่มีเงื่อนไขชำระหนี้ชัดเจน ไม่มีหลักฐานว่าตั้งใจชำระหนี้ และมีเงื่อนไขเบี่ยงเบนไปจากธุรกรรมการค้าทั่วไป ศาลถือว่าไม่ได้มีเจตนาเป็นการสร้างหนี้ที่แท้จริง แต่หลีกเลี่ยงภาษีการรับให้

กรณีของนายกฯ เมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา เราได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากรเรียบร้อยแล้ว ขอให้อธิบดีฯดำเนินการตามมาตรา 13 (7) แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ได้วินิจฉัยกรณีนี้ว่า การซื้อหุ้น 4.4 พันล้านบาทจากบุคคลในครอบครัว โดยใช้ตั๋ว PN ดังกล่าว เป็นนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้หรือไม่ เพื่อให้เป็นธรรมกับการจัดเก็บภาษีต่อคนไทยทุกคน

กรณีนี้ยืนยันตรวจสอบได้ไม่ยาก ไม่ว่าตรวจสอบสัญญาการซื้อขายว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เงื่อนไขในสัญญาสอดคล้องกับธุรกรรมซื้อหุ้นทั่วไปหรือไม่ ตรวจสอบตั๋ว PN ย้อนหลังของนายกฯที่เคยทำกันมาว่า เคยมีการชำระหนี้กันจริงหรือไม่ มีการพิจารณาต่อได้อีกว่า นำเงินปันผลมาชำระค่าหุ้นบ้างหรือเปล่า ทั้งหมดนี้คือพยานบ่งชี้ว่า นายกฯมีเจตนาซื้อหุ้นจริงหรือจัดฉากเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี

ปชน.พิจารณาเรื่องนี้ด้วยความสุจริต และกล้าหาญจะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยวินิจฉัยสอดคล้องกับหลักสากล ที่หลายประเทศวางเอาไว้ เชื่อว่าพฤติกรรมดังกล่าวนี้ของนายกฯ จะเป็นการทำนิติกรรมอำพราง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ต้องติดตามการชำระภาษีย้อนหลัง และแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อไต่สวน 2 ประเด็นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการทำนิติกรรมอำพรางเลี่ยงภาษี เข้าข่ายผิด 172 แห่ง พ.ร.ป.ป.ป.ช. รวมทั้งการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันมีข้อความอันเป็นเท็จ ตามมาตรา 167 ของ พ.ร.ป.ป.ป.ช. เพื่อไต่สวน และชี้มูลความผิดนายกฯต่อไป

2.โฉนด 10 แปลงที่ตั้งโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ แม้นิคมก่อสร้างตนเองลำตะคอง ตามประกาศคณะปฏิวัติปี 2515 จะประกาศให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อตั้งนิคม แต่ประกาศคณะปฏิวัติดังกล่าวไม่ได้ยกเลิก หรือแก้ไขมติ ครม. 2514 แต่อย่างใด ต้องยืนยันอีกครั้งว่า พื้นที่ดังกล่าวมีสถานะเป็นที่ดินที่ ครม.สงวนไว้เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่ต้นน้ำลำธาร ห้ามออกโฉนดเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพิจารณามติการจัดที่ดินแห่งชาติ 2527 ที่มติดังกล่าวกรมที่ดินนำมาอ้างว่า เห็นชอบให้กรมประชาสงเคราะห์อนุญาตให้ราษฎรครอบครองเพื่อทำประโยชน์ แต่มติดังกล่าวระบุไว้ชัดว่า อนุญาตให้ครอบครองเพื่อทำประโยชน์แต่ไม่ใช้การให้กรรมสิทธิ์แต่อย่างใด และมีหลักฐานว่ามติดังกล่าว จะมีการแก้ไข หรือยกเลิกมติ ครม. 2514 ด้วยเหตุผลทั้งหมดจึงควรเชื่อได้ว่า การออกโฉนด 4 แปลง เป็นการออกโฉนดโดยคลาดเคลื่อน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พรรค ปชน. เมื่อ 28 มี.ค.ได้ยื่นหนังสือกับอธิบดีกรมที่ดิน ดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ตั้งโรงแรมดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ทางพรรค ปชน. ก็จะติดตามกรณีนี้ต่อไป

3.ข้อสงสัยอดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร” บิดา น.ส.แพทองธาร นายกฯ ได้รับอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังรายอื่น เป็นการทำลายหลักนิติรัฐ ซึ่งกำหนดให้ประชาชนต้องมีความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย และอยู่ภายใต้บรรทัดฐานเดียวกัน ในฐานะนายกฯ บุตรสาวของนายทักษิณ ข้อเท็จจริงต้องทราบถึงอาการเจ็บป่วย รวมถึงการได้รับสิทธิ์ หรืออภิสิทธิ์ใด ๆ ของคุณพ่ออย่างชัดเจนแต่แรก เมื่อสังคมวิพากษ์วิจารณ์สะท้อนความไม่สมเหตุสมผล บริบทโดยรอบ การได้รับสิทธิ์รักษาพยาบาล รวมถึงความลักลั่นในการได้รับสิทธิ์ของผู้ต้องขังรายอื่น นายกฯแทนที่จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และชี้แจงสาธารณะด้วยความสุจริตโปร่งใส แต่กลับบ่ายเบี่ยงซ่อนเร้น อำพรางข้อเท็จจริง ปล่อยให้ความคลุมเครือยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน บั่นทอนความเชื่อมั่นของหลักนิติรัฐและกฎหมาย พวกเราวิเคราะห์แล้วเชื่อว่า มีการกระทำผิดตามมาตรา 172 ของ พ.ร.ป.ป.ป.ช. ที่ระบุถึงเจ้าพนักงานของรัฐที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยทุจริต และผิดตามมาตรา 11 (1) ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ โดยมิได้สั่งการให้สอบสวนข้อเท็จจริงในการปฏิบัติงานของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลเรือนจำ เป็นต้น กรณีนี้ ปชน.มอบหมายให้นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ ร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน และชี้มูลความผิดนายกฯต่อไป

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องที่ต้องการให้ ปชน.ใช้กลไกด้านจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นเครื่องมือจัดการนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าชื่อกันส่งประธานสภาฯ เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 เพื่อถอดถอนนายกฯ เนื่องจากไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ หรือข้อเสนอที่ให้ ปชน.ดำเนินการตาม 235 (1) ประกอบ 234 (1) ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ ป.ป.ช. ไต่สวนฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ส่งศาลฎีกาวินิจฉัยนั้น

ทั้ง 2 กรณี ปชน.ขอชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาว่า ในเรื่องจริยธรรม บุคคลดำรงตำแหน่งนายกฯ มีอำนาจรัฐในมือ และแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบในทางสาธารณะในระดับที่สูง หากถูกสังคมตั้งคำถามถึงความมีจริยธรรมต่อเนื่อง ไม่อาจชี้แจงได้สิ้นข้อสงสัย นายกฯควรต้องมีหิริโอตัปปะ ควรสำนึกในตัวเอง พิจารณาความเหมาะสมของตัวเอง และแสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณะ ลาออกจากตำแหน่งโดยสมัครใจ ไม่จำเป็นต้องให้กลุ่มบุคคลใด ที่เป็นมรดกบาปจากรัฐประหาร ขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย และไม่ยึดโยงเจตจำนงของประชาชน มาเป็นผู้ชี้นิ้วไล่ให้ออกจากตำแหน่ง เพราะนั่นทำลายเกียรติภูมินายกฯในระบอบประชาธิปไตย อันไม่อาจประเมินค่าได้

“เรายืนยันว่า การใช้ผ้าสกปรกถูบ้าน ไม่อาจทำให้บ้านสะอาดขึ้นมาได้ การใช้น้ำเน่า ไล่น้ำเสียไม่อาจทำให้น้ำในคูคลองใสสะอาด พรรค ปชน.ยืนยันว่า จะไม่ใช้กลไกที่เราไม่ยอมรับในความชอบธรรม ในการจัดการกับสิ่งไม่ชอบธรรมเด็ดขาด เพราะถ้าเราทำเช่นนั้น บ้านเมืองจะติดในวังวนนิติสงครามที่คณะรัฐประหารได้วางเอาไว้ และประเทศชาติไม่อาจกลับคืนสู่นิติรัฐได้อีกเลย” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า กรณีการสร้างนิติกรรมซื้อขายหุ้น 4.4 พันล้านบาท โดยชำระค่าซื้อหุ้นเป็นตั๋ว PN ไม่กำหนดว่าชำระเมื่อใด ไม่มีดอกเบี้ย ประชาชนล้วนเข้าใจดีว่า เจตนาแอบแฝงเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และต่อให้ผู้กระทำสามารถหลีกเลี่ยงหรือหลบเลี่ยง โดยที่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะเป็นช่องว่างกฎหมาย แต่บุคคลดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่ถืออำนาจรัฐ เป็นประมุขฝ่ายบริหาร เพื่อพบช่องว่างทางกฎหมาย ที่กฎหมายเอาผิดไม่ได้ ย่อมต้องมีหน้าที่ปิดช่องว่างทางกฎหมายนั้น มิให้ฉกฉวยโอกาส เพื่อหาผลประโยชน์จากช่องทางนั้นเสียเอง เรายังเรียกร้องให้นายกฯ สำนึกในความดีความชั่วของตน และแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ในขณะที่ยังรักษาเกียรติภูมิของผู้นำประเทศเอาไว้ได้ โดยไม่ต้องรอให้กลุ่มบุคคลใดชี้หน้ากล่าวหาว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริต จนถูกไล่ออกจากตำแหน่ง เหมือนทรชนที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

เมื่อถามถึงจุดยืนการไม่ใช้กลไกยื่นศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน นายวิโรจน์ กล่าวยืนยันว่า จะไม่ใช้กลไกของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ การประพฤติตนที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ไม่ว่าการยื่นศาลรัฐธรรมนูญก็ดี หรือการยื่น ป.ป.ช.ก็ดี เรายืนยันไม่ทำ แต่เราจะยืนยันว่า กรณีที่พบว่า คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอาการ วินิจฉัยเรียบร้อยแล้วว่าพฤติกรรมนี้หลบเลี่ยงภาษี เราดำเนินการร้อง ป.ป.ช.สอบข้อหาประพฤติมิชอบต่อไป แต่เราจะดูว่า จะดำเนินการแบบคู่ขนานได้หรือไม่ หรือรอผลวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรก่อน ส่วนกรณีชั้น 14 เราก็ดำเนินการเดี๋ยวนายรังสิมันต์ ยื่น ป.ป.ช.ต่อไป ส่วนเรื่องที่ดินโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ เราใช้กลไกเพิกถอน เข้าใจว่ายังไม่มีการดำเนินการ เพราะเราเชื่อว่าอาจออกโฉนดคลาดเคลื่อนได้ แต่ถ้าพบความประพฤติมิชอบด้วย ก็จะยื่น ป.ป.ช.ต่อไป คือเราไม่ยอมใช้กลไกที่เราไม่ยอมรับในการไม่ชอบธรรม กลไกที่ คสช.ดำเนินการ ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองไม่อาจกลับคืนสู่หลักนิติรัฐได้เลย 

ส่วนประเด็นการเตรียมยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า เข้าใจว่าหนังสือที่เตรียมยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว ไม่สัปดาห์นี้ก็สัปดาห์หน้า รอตรวจรายละเอียดว่าครบถ้วนหรือไม่ พวกเราต้องฝากถึงอธิบดีกรมสรรพากร หลายคนก็บอกว่า อธิบดีกรมสรรพากรอาจดึงเรื่องไม่ส่งคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร หรืออธิบดีกรมที่ดินอาจดึงเรื่อง ไม่นำไปสู่กระบวนการเพิกถอนโฉนดที่ตั้งโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ ปชน.จะติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อความเป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับประชาชนทุกคน การเรียกร้องให้นายกฯเสียภาษีประหนึ่งประชาชนทั่วไปคนหนึ่ง ไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่มากเกินไป พฤติกรรมการใช้ตั๋ว PN ถ้าเรายอมรับกันได้ ผู้ประกอบการทั่วไป เจ้าของบริษัททั่วไป ทำตามโมเดลของนายกฯ ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร มันไม่ได้เป็นข้อเรียกร้องที่สูงเกินไปเลย การเรียกร้องให้คนหนึ่งคนเสียภาษีให้ถูกต้อง ไม่ใช่เป็นการจับผิดเลย ถ้าปกป้องหรือชะลอเรื่อง จะดำเนินการทางกฎหมายกับอธิบดีกรมสรรพากร และอธิบดีกรมที่ดินเช่นเดียวกัน