'เนวิน' สไตล์ การเมืองครบเทอม วัดใจ 'นายใหญ่' บีบแลกกระทรวง

“นายใหญ่เพื่อไทย” พยายามเช็ก 1 กระแสลม ฟ้า อากาศ เคลื่อนเกมสู้ ย้อนศรบีบกลับ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” วางเกมแลกกระทรวง หรือยึดกระทรวง โดยเล็งไปที่ “กระทรวงมหาดไทย”
KEY
POINTS
- ธงของ “นายใหญ่ - นายกฯ อิ๊งค์” โฟกัสไปที่การแก้เกม “ครูใหญ่-ภูมิใจไทย” เนื่องจากระยะหลัง เครือข่ายสีน้ำเงินออกฤทธิ์ “ภูมิใจขวาง” เกือบทุกเรื่อง
- "เนวิน" สไตล์ไม่เคยคิดบีบจนยุบสภา แต่บีบให้ “นายใหญ่ - เพื่อไทย” เหลือทางเดินน้อยที่สุด เพื่อเปิดดีลต่อรองทางการเมือง
- “นายใหญ่เพื่อไทย” พยายามเช็กลม ฟ้า อากาศ เพื่อเคลื่อนเกมสู้ โดยอาจจะย้อนศรบีบกลับ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” วางเกมแลกกระทรวง ยึดกระทรวง
กระแสปรับคณะรัฐมนตรี พูดกันหนาหูอีกระลอก ธงของ “นายใหญ่ - นายกฯ อิ๊งค์” โฟกัสไปที่การแก้เกม “ครูใหญ่-ภูมิใจไทย” เนื่องจากระยะหลัง เครือข่ายสีน้ำเงินออกฤทธิ์ “ภูมิใจขวาง” เกือบทุกเรื่อง จนงานรัฐบาลชะงักงัน
เหลี่ยมการเมืองของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร สูสีกับ “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ แม้ไม่ได้มองตา แต่ก็รู้ใจกันว่า ปฏิบัติการของอีกคน จะเคลื่อนหมากการเมืองอย่างไร
ตามจังหวะที่ “นายใหญ่” อ่านออกว่า “เบอร์หนึ่งสีน้ำเงิน” ต้องการคุมกำเนิด “พรรคเพื่อไทย” ไม่ให้พลิกกระแส กลับมาติดลมบนเหมือนวันเก่าก่อน หากรัฐบาลที่นำโดย “คนชินวัตร” ฟื้นเศรษฐกิจกลับมาได้ ความน่ากลัวในสนามเลือกตั้ง จะกลับมาทันที
เมื่อ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” คือคู่แข่งในสมรภูมิเลือกตั้ง หากวัดกระแส “ค่ายสีแดง” อาจเหนือกว่า “ค่ายสีน้ำเงิน” แต่ระบบจัดตั้ง “ค่ายสีแดง” ก็อ่อนหัดกว่ามาก ดังนั้นเกมดับกระแสสีแดงให้อ่อนแรงลง จึงเป็นหมากสำคัญของเครือข่ายสีน้ำเงิน
เช่นเดียวกับ “ครูใหญ่” ที่มองทะลุว่า “นายใหญ่” ไม่พร้อมยุบสภาฯ เพื่อลงสนามเลือกตั้งใหม่ เกมของบิ๊กบอสบุรีรัมย์ จึงใส่เต็มกำลัง ชกเต็มหมัด รู้ทั้งรู้ว่า “นายใหญ่-นายกฯ อิ๊งค์” ไม่ปลื้ม แต่ก็ไม่กลัว
ย้อนไปดูสไตล์ของ “เนวิน ชิดชอบ” ย่อมประเมินได้ว่า แม้จะเดินแรงแค่ไหน หมากยุบสภาฯ ไม่ใช่คำตอบเช่นกัน
ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เป็น “เนวิน” ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ “อภิสิทธิ์” ไปสัญญาในวงเจรจาลับ ช่วงการชุมนุมของ นปช.ปี 2553 จะรีบยุบสภาฯ ให้เร็วที่สุด หลังยุติการชุมนุม
“เนวิน” ยังได้รับโจทย์ ให้คิดค้นระบบเลือกตั้ง ที่จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลยุคอภิสิทธิ์ได้เปรียบ จนสามารถแก้รัฐธรรมนูญ จนได้สูตรการเลือกตั้งที่คิดว่าได้เปรียบที่สุดแล้ว แต่ “เนวิน” ก็ยังคัดค้านการยุบสภาฯ อยู่ดี เพราะมองว่าแรงกดดันจาก“กลุ่ม นปช.” แทบไม่มีพลัง
“เนวิน” พยายามยื้อ ไม่ให้มีการยุบสภาฯ โดยยื่นข้อเสนอให้ “อภิสิทธิ์” ทบทวนเรื่องนี้ ผ่าน “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ผู้จัดการรัฐบาลในขณะนั้น แต่ “อภิสิทธิ์” ยืนยันจะใช้วิธียุบสภาฯ กระทั่งสุดท้าย ประชาธิปัตย์ก็พ่ายเลือกตั้งแบบสู้ไม่ได้
เช่นเดียวกับช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีหลายครั้งที่ “เนวิน - ภูมิใจไทย” เดินเกมเขย่า ต่อรองอย่างหนัก จนสร้างรอยร้าวให้พรรคร่วมรัฐบาล แต่ท้ายสุดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็อยู่ยาวจนครบเทอม
ฉะนั้น เกมบีบให้ “นายใหญ่เพื่อไทย” เหลือทางเดินน้อยที่สุด แม้เป้าหมายของ “ครูใหญ่” อาจไม่ได้มุ่งหวังให้ยุบสภาฯ แต่ต้องการเปิดดีลต่อรองทางการเมือง ทำให้บรรยากาศของรัฐบาลแพทองธาร จะอยู่ในสถานการณ์ “รบไป-ดีลไป” อีกนาน
ทว่า “นายใหญ่เพื่อไทย” พยายามเช็กลม ฟ้า อากาศ เพื่อเคลื่อนเกมสู้ โดยอาจจะย้อนศรบีบกลับ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” วางเกมแลกกระทรวง หรือยึดกระทรวง โดยเล็งไปที่ “กระทรวงมหาดไทย”
แม้ตามสูตรการเมือง หากจะยึดกระทรวงเกรดเอ ต้องเอากระทรวงเกรดเอ มาแลกคืน แต่ปฏิบัติการครั้งนี้ “นายใหญ่” คิดใหม่ ทำใหม่
สูตรแรก อาจใช้กระทรวงเกรดบี เพียงกระทรวงเดียวไปแลก
สูตรสอง อาจใช้กระทรวงเกรดบี 2 กระทรวงไปแลก
“นายใหญ่” อ่านออกเช่นกันว่า การเมืองสไตล์ “ครูใหญ่” ไม่ต้องการยุบสภาฯ และไม่ต้องการถูกผลักไปอยู่ “ขั้วฝ่ายค้าน” เพราะการทำศึกเลือกตั้งของ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” จำเป็นต้องอาศัยอำนาจรัฐ - พลังกระสุน หากถูกแช่แข็งโดยไม่มีอำนาจรัฐ อาณาจักรสีน้ำเงินย่อมไปต่อได้ยากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม “สว.สีน้ำเงิน” ยังเป็นดุลอำนาจที่ทำให้ “นายใหญ่เพื่อไทย” เคลื่อนเกมการเมืองได้ยากลำบาก เพราะต้องนำปัจจัยของ “สว.” มาอยู่ในสมการก่อนตัดสินใจ
ศึก “ทักษิณ” รบ “เนวิน” นับวันจะรุนแรงมากขึ้น ฉากแตกหัก มีให้เห็นอย่างแน่นอน อยู่ที่ว่าฝั่งใดจะเปิดเกมรุกไล่ก่อน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







