'กทม.' แจ้ง 'คนกรุง' ยื่นเรื่องรับเยียวยา แผ่นดินไหว ถึง27 เม.ย.

'กทม.' แจ้ง 'คนกรุง' ยื่นเรื่องรับเยียวยา แผ่นดินไหว ถึง27 เม.ย.

"โฆษก กทม." เผยกู้ซากตึก สตง. ถล่ม คืบหน้าด้วยดี พร้อมแจ้งให้ "คนกรุง" ติดต่อรับเรื่องเยียวยา แผ่นดินไหว ถึง 27 เม.ย.

ที่กทม. นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้า การกู้ซาก ตึก สตง. ถล่ม ว่า จากการทำงานลดความสูงของยอดซากอาคาร ล่าสุดเหลือเพียง 13 เมตร จากความสูงทั้งหมด 26 เมตร ทั้งนี้ ความสูงที่ลดลงทำให้การทำงานสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น โดยได้มีการปรับยุทธวิธีด้วยการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทีมอาสา ทหาร และกทม. เร่งดำเนินการตัดเหล็ก โดยการใช้แก๊สซึ่งสามารถทำได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถกระจายกำลังเจ้าหน้าที่ไปได้ ในหลายจุดพร้อมกัน นอกจากนี้มีการเพิ่มจำนวนรถในการขนเศษปูนและเหล็กจากซากอาคาร จากเดิม 14 คัน โดยเพิ่มเติมอีก 8 คัน ทำให้เมื่อวานนี้สามารถลำเลียงออกไปได้กว่า 170 เที่ยว จากเดิมได้วันละประมาณ 100 เที่ยว

"การตัดเหล็กได้รวดเร็วและขนซากออกไปจากพื้นที่ได้รวดเร็ว ทำให้หน้างานสามารถรุดหน้างานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งลำดับต่อไปต้องเตรียมสถานที่ในการทิ้งซากอาคารไปพักไว้ ให้รองรับกับจำนวนเที่ยวรถบรรทุกและปริมาณเศษปูนและเหล็กที่ขนไปให้สอดคล้องกันด้วย" โฆษก กทม.  กล่าว

โฆษก กทม. กล่าวถึงมาตรการเยียวยาบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวว่า  เจ้าหน้าที่ ฝ่ายโยธาของสำนักงานเขต ได้ขอนัดวันในการเข้าไปดูสถานที่ เพื่อประเมินความเสียหายของโครงสร้างอาคารและบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว แต่ติดปัญหาและอุปสรรคคือ เจ้าของบ้านไม่อยู่ตามนัดหมายเนื่องจากวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ จึงขอความร่วมมือหากเจ้าของบ้านกลับมาแล้วให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อนัดหมายเข้าดูสถานที่ต่อไป

ทางด้านนายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า สำหรับการเยียวยาที่กรม ปภ. ประกาศเพิ่มเติมนั้น จะครอบคลุมเฉพาะกลุ่มที่ได้รับการรับรองแล้ว 15 ราย โดยมีการสนับสนุนทั้งจาก กทม. และ ปภ. ครอบคลุมค่าใช้จ่ายหลายประเภท ได้แก่ ค่าเช่าบ้านในกรณีบ้านได้รับความเสียหายจนไม่สามารถพักอาศัยได้ เดือนละ 3,000 บาท ไม่เกิน 2 เดือน หรือไม่เกิน 6,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ที่มีบ้านได้รับความเสียหายสามารถยื่นขอค่าซ่อมแซมได้ตามค่าใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 49,500 บาทต่อหลัง นอกจากนั้นยังมีเงินปลอบขวัญสำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ รายละ 2,300 บาท เงินช่วยเหลือสำหรับครอบครัวที่เครื่องมือประกอบอาชีพได้รับความเสียหาย ครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท

นายสุริยชัย กล่าวต่อว่านอกจากนี้ ปภ. ยังให้การสนับสนุนเพิ่มเติม ได้แก่ ค่าจัดการศพ รายละ 29,700 บาท, เงินเยียวยาผู้บาดเจ็บสาหัส รายละ 4,000 บาท และหากมีผู้ได้รับบาดเจ็บจนพิการ จะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 13,300 บาท โดยจะจ่ายได้ในกรณีใดกรณีหนึ่ง เช่น ต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอย่างน้อย 3 วัน หรือไม่สามารถประกอบอาชีพตามปกติได้

"ผู้ประสบภัยสามารถยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่ พร้อมแนบหลักฐานที่เกี่ยวข้องภายในวันที่ 27 เม.ย.นี้ โดย กทม. และ ปภ. ยืนยันว่า จะเร่งรัดการช่วยเหลือให้ถึงมือผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด" ผู้อำนวยการ ปภ. กล่าว

ทั้งนี้ กทม. ได้แจ้ง ข้อมูล  ล่าสุด  17 เม.ย.68 เวลา 10.00 น. ผู้ประสบภัย 103 ราย เสียชีวิต 44 ราย บาดเจ็บ 9 ราย ติดค้าง 50 ราย นอกจากนี้สำนักอนามัย กทม. ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจากสำนักงานโรคติดต่อทางสาธารณสุข สำนักงานสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม และสำนักงานเขตจตุจักร ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่ เพื่อวางแผนในการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม และดูแลสุขอนามัย ณ บริเวณพื้นที่ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เขตจตุจักร.

ผอ.สปภ. กล่าวเสริมว่า เดิมสาเหตุที่ทำให้หน้างานล่าช้า คือ โครงเหล็กอาคารที่เป็นอุปสรรค แต่ปัจจุบันสามารถตัดโครงเหล็กได้รวดเร็วขึ้นเนื่องจากมีทีมกระจายกำลังกันใช้แก๊สตัดเหล็ก ในหลายๆ จุด พร้อมกัน แต่อุปสรรคในขณะนี้ คือ ต้องเร่งระบายซากเหล็กและปูนออกจากพื้นที่ให้รวดเร็วให้ได้ เพื่อรองรับซากอาคารชิ้นใหม่ที่เติมเข้ามาตลอดเวลาจากการทำงานที่รุดหน้ารวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยภาพรวมความคืบหน้ายังเป็นไปตามกำหนดเดิมคือต้องเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือน เมษายนนี้

ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 17 เม.ย.68 เวลา 10.00 น. ผู้ประสบภัย 103 ราย เสียชีวิต 44 ราย บาดเจ็บ 9 ราย ติดค้าง 50 ราย นอกจากนี้สำนักอนามัย กทม. ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจากสำนักงานโรคติดต่อทางสาธารณสุข สำนักงานสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม และสำนักงานเขตจตุจักร ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่ เพื่อวางแผนในการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม และดูแลสุขอนามัย ณ บริเวณพื้นที่ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เขตจตุจักร

ซึ่งสำนักงานโรคติดต่อทางสาธารณสุขได้ดำเนินการใส่สารเคมี โซเดียมไฮโปรออไรด์ในพื้นที่ที่มีน้ำขัง เพื่อบำบัดน้ำก่อนลงสู่ที่สาธารณะ พร้อมทั้งฉีดพ่นสารเคมีกำจัดแมลงวันและยุง รวมทั้งใส่ทรายกำจัดลูกน้ำยุง ทั้งนี้จะมีแผนดำเนินการต่อเนื่องในทุกวันพุธ และวันเสาร์ จนถึงเดือนพ.ค.68

นอกจากนี้ สำนักงานสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมได้เฝ้าระวังและตรวจสอบดิน รวมทั้งการเก็บตัวอย่างน้ำผิวดินที่ท่วมขังบริเวณตึกถล่ม และจะประสานกรมควบคุมมลพิษ เพื่อตรวจสอบการปนเปื้อนโลหะหนักในน้ำเสียและประสานสำนักการระบายน้ำ เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำเสียไปตรวจวิเคราะห์ทางจุลชีววิทยาต่อไป