จุดแตกหัก ก๊ก‘แดง 2 เฉด’ - ‘นายใหญ่’ปั่น‘แดงเพื่อไทย’ไม่กินส้ม

จุดเปลี่ยนของ “แดงเสรีนิยมประชาธิปไตย” ปีกของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” และปีก “ธิดา-เหวง” มาจากชนวนพรรคเพื่อไทยจับมือก๊กอนุรักษนิยม จนอุดมการณ์ของ 2 ปีกไม่เหมือนวันวาน
KEY
POINTS
- จุดแตกหักของ “แดงเสรีนิยมประชาธิปไตย” ในปีกแดงเพื่อไทย จนเป็นแดง 2 เฉด เกิดจากวินาทีที่ “เดอะเต้น” ประกาศกลับมาช่วยงานรัฐบาลพรรคเพื่อไทย หลังวางมือชั่วคราวหลังเสร็จภารกิจเลือกตั้งปี 2566
- คนเสื้อแดงในหัวขบวน แตกเป็น 2 ขบวน ที่อุดมการณ์อาจเดินคนละปีก เมื่อปีก "ณัฐวุฒิ" ยืนข้าง "เพื่อไทย" ส่วนปีก "เหวง-ธิดา" เลือกยืนข้าง "แดงกินส้ม" พรรคประชาชน
- งานรำลึก 15 ปีเหตุการณ์สลายชุมนุม นปช.ที่ถนนราชดำเนินหัวมุมถนนดินสอ จัดโดย “แดงเพื่อไทย” ขณะที่สี่แยกคอกวัวเวทีของ “แดงกินส้ม”
- ยุทธศาสตร์ “แดง” ไม่เอา “ส้ม”ในการเลือกตั้งปี 2570 จึงเดิมพันสูงยิ่ง หาก “คนเสื้อแดง” ยังไม่ยอมกลับพรรคเพื่อไทย
ขุมกำลัง สส.พรรคเพื่อไทย ใน 142 รายชื่อ ซึ่งเป็นผลจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 จะพบว่า สส.สายคนเสื้อแดง หรือ กลุ่ม นปช. เข้ามาเป็น สส. ได้ ไม่เท่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2554
ในปัจจุบัน “พรรคเพื่อไทย” มี สส.สาย นปช.ปีกของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี นั่งอยู่ในสภาฯ ประกอบด้วย นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ ขณะที่ สส.เขตสาย นปช. กลับพลาดเป้ากระแสตกสอบตกระนาว
เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้ “แดงเพื่อไทย” กระแสนิยมลดลง เพราะ “พรรคก้าวไกล” แย่งฐานเสียงคนเสื้อแดงไปจาก “พรรคเพื่อไทย”
พิสูจน์ได้จากผลคะแนนเลือกตั้งปี 2566 “พรรคก้าวไกล” ได้ คะแนน สส.บัญชีรายชื่อ 14 ล้านเสียง “พรรคเพื่อไทย” อันดับ 2 ได้คะแนน สส.บัญชีรายชื่อ 10 กว่าล้านเสียง
วิเคราะห์การเลือกตั้งทั่วไป 3 ก.ค. 2554 ยุค “เพื่อไทยฟีเวอร์” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ หญิงคนแรก ครั้งนั้น “เสื้อแดง” หลอมรวมไปอยู่ที่ “พรรคเพื่อไทย”เพียงพรรคเดียว ไม่มีพรรคใดเข้ามาแชร์อำนาจทางการเมืองได้
“พรรคเพื่อไทย” ครองความนิยมจากกระแสคนเสื้อแดงปี 2553 ได้รับคะแนนบัญชีรายชื่อ 15 ล้านเสียง ส่วนอันดับ 2 คือ พรรคประชาธิปัตย์ 11 ล้านเสียง
เลือกตั้งทั่วไป 24 มี.ค. 2562 พรรคเพื่อไทย แม้จะเข้าวินมาเป็นที่หนึ่ง แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์ บัตรเลือกตั้งใบเดียว ผสมสูตรคำนวณ บัตรเขย่ง เพราะ สส.บัญชีรายชื่อ กาได้เพียงบัตรใบเดียว คือเลือก สส.เขต ทำให้ “พรรคเพื่อไทย”เสียเปรียบคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ได้มาเพียง 7 ล้านเสียง ส่วน สส.บัญชีรายชื่อเป็นศูนย์
ปีก นปช.พรรคเพื่อไทย แตกแบงก์พันไปอยู่ “พรรคไทยรักษาชาติ” (ทษช.) แต่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองแบบพลิกแผ่นดิน ต้องถูกยุบพรรค ทำให้ สส.สายคนเสื้อแดง ต้องบอบช้ำไม่สามารถพาเหรดเข้าสภาฯ ได้เช่นเคย
แดงพันธุ์“เพื่อไทย” ณ ปัจจุบัน หลังการเลือกตั้งปี 2566 ไม่เหมือนเดิม เพราะแตกเป็น 2 สาย คือ “แดงเพื่อไทย” ที่นำโดยปีกของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ก่อแก้ว พิกุลทอง วีระกานต์ มุสิกพงศ์ วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย เชิดชัย ตันติศิรินทร์ วรชัย เหมะ จักรภพ เพ็ญแข พายัพ ปั้นเกตุ
ขณะที่ “แดงเฉดส้ม” แตกตัวแตกหัวขบวนของ “ณัฐวุฒิ” ไปอยู่กับอุดมการณ์ของ “พรรคก้าวไกล” หรือ “พรรคประชาชน” ในปัจจุบัน คือ “นพ.เหวง โตจิราการ” และ “ธิดา ถาวรเศรษฐ” อดีตประธาน นปช.
ส่วน “จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตประธาน นปช. ชื่อนี้ไม่ต้องพูดถึงในแกนนำ นปช.เก่า เพราะ “ตู่ จตุพร” ได้เปลี่ยนจุดยืนอุดมการณ์ประชาธิปไตยไปอยู่กับ ปีกต้าน “ทักษิณ” อย่าง ทนายนกเขา นิติธร ล้ำเหลือ รวมถึงจับมือกับ “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” ประธานพรรคไทยภักดี
เห็นได้ชัด ในห้วงครบรอบ 15 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ในเดือน เม.ย.- พ.ค. เมื่อห้วง 10 เม.ย. 2568 แดง 2 เฉด จัดกิจกรรมรำลึกคนละหัวมุมถนนย่านราชดำเนิน
ว่ากันว่า “แดงเพื่อไทย”ไม่ต้องการร่วมรำลึกกับ “แดงเฉดส้ม” ที่มี “หมอเหวง” เป็นคีย์แมนหลักหน้าเวทีอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เพราะไม่ต้องการให้เกิดภาพปะทะกันทางความคิด เนื่องด้วยปีก่อน สส.พรรคเพื่อไทย ไปร่วมรำลึก แล้วเกิดภาพไม่ดี จนทำให้คนเสื้อแดงที่อกหัก “พรรคเพื่อไทย” รับไม่ได้ถึงขั้นไล่พ้นเวที
งานที่หัวมุมถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา จึงเป็น “แดงเพื่อไทย” สายที่ไม่กิน “ส้ม” ขนมวลชนมาเต็มสตรีมกว่าเวทีของ “แดงกินส้ม”
ส่วน “ตู่ จตุพร” ชื่อนี้ลบออกจากสารบบงานรำลึกคนเสื้อแดงในช่วงระยะหลัง เพราะ “จตุพร”เดินหน้าร่วมองคาพยพ ม็อบเสื้อสีขาว หวังปลุกกระแสจากการต่อต้าน “กาสิโน” นอกสภาฯ นวดรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ให้เพลี่ยงพล้ำก่อนยกระดับปั่นมวลชนนอกสภาฯผสมโรงพรรคการเมืองในสภาฯ รอวันปิดบัญชี “รัฐบาลเพื่อไทย”
ยุทธศาสตร์“พรรคเพื่อไทย” จะเห็นได้จากการขึ้นเวทีปราศรัยรวมถึงการสื่อสารทางการเมืองของ“นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่บ่อยครั้งเรียกร้องให้“คนเสื้อแดง”บางส่วนที่ตีจาก กลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยเช่นเดิม
นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ “เต้น ณัฐวุฒิ” ต้องกลับมาช่วยงานทางการเมืองกับ “พรรคเพื่อไทย” ยอีกครั้งแบบเปิดหน้าเต็มตัวโดยอยู่เบื้องหลังการคุมทิศทางการสื่อสารให้กับ “นายกฯ แพทองธาร”
การตอบโต้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กลางสภาฯ ผ่านศึกซักฟอกนายกฯ อิ๊งค์ ล่าสุด
ถ้อยวลี “ที่ท่านสมาชิกผู้อาวุโสพูด ไม่เป็นความจริง” ของนายกฯ แพทองธาร ก็มาจากการวางยุทธศาสตร์สื่อสารของ “เดอะเต้น”
จุดนี้ทำให้มีการมองว่า การใช้สปีชดังกล่าวไม่เหมาะสมในบทบาทนายกฯ เพียงแต่ได้ไวรัลในโลกโซเชียลฯ
สำหรับจุดแตกหักของ “แดงเสรีนิยมประชาธิปไตย” ในปีก แดงเพื่อไทย จนออกมาเป็น แดง 2 เฉด เกิดจากวินาทีที่ “เดอะเต้น” ประกาศกลับมาช่วยงานรัฐบาลพรรคเพื่อไทย หลังวางมือชั่วคราวหลังเสร็จภารกิจเลือกตั้งปี 2566
จุดนี้เองทำให้กลายเป็นรอยร้าวทางอุดมการณ์ระหว่าง “แดงเพื่อไทย” และหัวขบวน “แดงเฉดส้ม” อย่าง “หมอเหวง”
หลายครั้ง “หมอเหวง” และ “ธิดา” เลือกตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนถึงอุดมการณ์ของ “ณัฐวุฒิ” และแดงปีกเพื่อไทย ว่าเป็นอุดมการณ์ “ตระบัดสัตย์ซ้ำซาก” ไม่จริงใจต่อประชาชน
ในขณะที่ “แดงเพื่อไทย” ปีกเดอะเต้น กลับมองตรงกันข้ามกับ “แดงกินส้ม” ปีก “เหวง-ธิดา” ว่า นี่คือความจำเป็นของ “พรรคเพื่อไทย” เพื่อให้ประเทศเดินหน้า ถ้าไม่จับมือกับก๊กอนุรักษนิยมเก่า อาจทำให้ประเทศถึงทางตัน เศรษฐกิจประเทศไม่กระเตื้อง การเลือกเป็นแกนนำรัฐบาลย่อมเป็นผลดีมากกว่า
ทว่า ภายใต้วาระซ่อนเร้นที่สำคัญ ต้องไม่ลืมว่า “นายใหญ่” มีดีลลับในการกลับประเทศ เพราะหากไม่ร่วมรัฐบาลกับก๊กอนุรักษนิยม การกลับประเทศของ ผู้นำจิตวิญญาณแห่ง “พรรคเพื่อไทย” จะเท่ากับศูนย์
สงกรานต์ปี 2568 จึงเป็นครั้งแรกที่ “2 นายกฯ ชินวัตร” เดินควงแขนเล่นน้ำสงกรานต์ที่ จ.เชียงใหม่ แตกต่างจาก 20 ปีก่อนที่ “แพทองธาร” เป็นเพียงบุตรสาวเดินตาม “นายกฯ ทักษิณ”
ส่วนปัจจุบันกลายเป็น “ทักษิณ” เดินตาม “นายกฯ ลูกสาว” เจาะพื้นที่หวังปลุกกระแส “แดงเพื่อไทย” จ.เชียงใหม่ ให้กลับคืนมา
เพราะ จ.เชียงใหม่ เป็นอีกจังหวัดที่ “พรรคเพื่อไทย” บอบช้ำพ่ายแพ้พลังกระแส “แดงกินส้ม”ในการเลือกตั้งปี 2566
ยุทธศาสตร์ “แดง” ไม่เอา “ส้ม”ในการเลือกตั้งปี 2570 จึงเดิมพันสูงยิ่ง หาก “คนเสื้อแดง” ยังไม่ยอมกลับพรรคเพื่อไทย โอกาสที่ “พรรคแดงเพื่อไทย” อาจพ่ายซ้ำรอยปี 2566 ไปไม่ถึงชัยชนะที่หนึ่งอย่างที่หวัง







