รื้อ‘ทีมเศรษฐกิจ’กู้วิกฤติรัฐบาล เปลี่ยนนโยบายเรือธง

รื้อ‘ทีมเศรษฐกิจ’กู้วิกฤติรัฐบาล เปลี่ยนนโยบายเรือธง

รื้อ‘ทีมเศรษฐกิจ’กู้วิกฤติรัฐบาล ปรับแผนฟื้นเศรษฐกิจ เปลี่ยนนโยบายเรือธง “ทักษิณ” เล็งปั้นแก้หนี้ครัวเรือน หนี้สินเกษตรกร

KEY

POINTS

  • ผ่านมาเกือบ 2 ปี รัฐบาลเพื่อไทย ตั้งแต่ยุคนายกฯเศรษฐา ส่งไม้ต่อให้นายกฯ แพทองธาร สถานการณ์ทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ขาลง สวนทางกับภารกิจกอบกู้แต้มของ "เพื่อไทย" ที่ต้องทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
  • ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา "ทักษิณ ชินวัตร" จึงต้องออกแรง เดินสายประชุมลับ-ประชุมเปิด กับบรรดานักยุทธศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ นักคิด เพื่อหาแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจ ทิ้งนโยบายเรือธงไว้ข้างหลัง ปั้นนโยบายกระชากกระแสเฉพาะหน้า
  • โดยมีความเป็นไปได้สูงที่จะรื้อ "ทีมเศรษฐกิจ" เสียใหม่ ทาบทามนักปฏิบัติเข้ามารับตำแหน่งในครม. เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเฉพาะหน้า

หากย้อนไปในช่วงจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 “เพื่อไทย” พลิกขั้ว สะบั้นดีล “อดีตพรรคก้าวไกล” มาจับขั้วกับ “พรรคร่วมรัฐบาล” จากเครือข่ายของ “สองลุง”

เหตุผลหน้าฉาก ต้องการให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้ โดยไม่ติดเดดล็อกทางการเมือง เหตุผลหลังฉากถูกเชื่อมโยงกับ “ซูเปอร์ดีล” ส่งผลให้ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย โดยไม่เฉียดเข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว

“ทักษิณ - เพื่อไทย” เทหมดหน้าตัก เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ก่อนต่อยอดมาถึงรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าจะสูญเสียคะแนนนิยมจาก “แฟนคลับเสื้อแดง” แต่เต็มใจเอาอุดมการณ์เข้าแลก

ผลของการเลือกตั้งปี 2566 “อดีตพรรคก้าวไกล” คว้าชัยเหนือ “เพื่อไทย” เนื่องจากการประกาศจุดยืนทางการเมืองชัดเจน “มีเรา ไม่มีลุง” ตรงกันข้ามกับ “เพื่อไทย” ที่พูดได้ไม่เต็มปากว่าจะจับมือกับ “ทีมลุง” หรือไม่ ทำให้เสียแต้มการเมืองให้ “ขุนพลสีส้ม”

หลังการพลิกขั้วการเมือง “ทักษิณ - เพื่อไทย” รู้ดีว่าจะกระทบต่อฐานเสียงของพรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องหาจุดเปลี่ยนสร้างกระแสให้กลับมาได้รับความนิยมเหมือนวันเก่าก่อน

ความหวังของ “ทักษิณ – เพื่อไทย” ที่ต้องการกอบกู้คะแนนนิยม โฟกัสไปที่การฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องจากความสำเร็จตั้งแต่ยุครัฐบาลไทยรักไทย - รัฐบาลพลังประชาชน - รัฐบาลเพื่อไทย ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

ทว่าผ่านมาเกือบ 2 ปี รัฐบาลเพื่อไทย ตั้งแต่ยุคนายกฯเศรษฐา ส่งไม้ต่อให้นายกฯ แพทองธาร สถานการณ์ทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ขาลง แม้จะมีปัจจัยจากภายนอกมาช่วยฉุดตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่ต้องยอมรับว่า “รัฐบาลเพื่อไทย” ตั้งรับไม่ดีพอ

ที่สำคัญนโยบาย “เรือธง” ของรัฐบาล ซึ่ง “ทักษิณ - เพื่อไทย” ฝากความหวังเอาไว้ กลับติดกับดัก ทางการเมือง จนไม่สามารถขับเคลื่อนได้เต็มกำลัง

นโยบายแจกหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต โดนแรงต้านจาก “เครือข่ายอนุรักษนิยม” จนต้องตัดต่อ-ตัดแปะ ซอยงบประมาณ ทำให้มีปัญหาในการแจกเฟสเดียวทั้งประเทศ จึงต้องปรับโครงการเป็นแจกทีละเฟส แม้จะแจกไปแล้วสองเฟส แต่กลับกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้

นโยบายสร้างสถานบันเทิงครบวงจร แม้จะอยู่ระหว่างการร่างกฎหมาย แต่กลับมีแรงต้านจาก “พรรคร่วมรัฐบาล - เครือข่ายอนุรักษ์” จนต้องยอมเลื่อนวาระการพิจารณาในสภาฯออกไป

โครงการแลนด์บริดจ์ สร้างท่าเรือเชื่อฝั่งทะเลอ่าวไทย - อันดามัน อยู่ในช่วงสำรวจความเห็นจากประชาชน ก่อนจะร่างกฎหมาย มีแนวโน้มถูกต่อต้านจาก “พรรคร่วมรัฐบาล - เครือข่ายอนุรักษ์” อีกเช่นเคย

เมื่อ 3 นโยบายเรือธง ไม่สามารถเดินไปตามแผนได้ ทำให้ภารกิจกอบกู้ภาพลักษณ์ของ “เพื่อไทย” ที่ติดหล่ม 2 ปีที่ผ่านมา แต้มการเมืองยังอยู่ในแดนลบ ระยะเวลาที่เหลืออีก 2 ปี จึงต้องเร่งสปีดงัดทุกกลยุทธ์กู้ศรัทธากลับมาให้ได้

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวจาก “ทักษิณ” เริ่มเดินสายเข้าร่วมวงประชุมลับ ร่วมกับทีมยุทธศาสตร์ โดยใช้ “ตึกชินวัตร” และ “บ้านพิษณุโลก” เป็นสถานที่หารือกับ “นักยุทธศาสตร์ - นักเศรษฐศาสตร์ - นักคิด” เพื่อเซ็ตแผนก้าวใหม่ของ “เพื่อไทย”

ว่ากันว่า “ทักษิณ” ต้องการเปลี่ยนเกมใหม่ ภายหลังนโยบาย “เรือธง” ไปต่อยาก จำเป็นต้องปรับมาใช้นโยบายระยะสั้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นคะแนนนิยม พร้อมกับเร่งกู้กระแสพรรคตามเกมถนัด

ล่าสุดกำลังตั้ง “ทีมด้านเศรษฐกิจ-ทีมด้านสังคม” วางนโยบายใหม่ อาทิ การแก้หนี้ภาคประชาชน การแก้หนี้เกษตรกร การแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมถึงการตั้งรับผลกระทบจากสงครามการค้าของ สหรัฐ - จีน

“ทักษิณ” ประกาศทั้งวงเปิด-วงลับ จะเร่งแก้หนี้ครัวเรือน วางนโยบายซื้อหนี้ โดยให้การบ้าน “ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่” ไปทำการศึกษา เพราะหากแก้หนี้ได้สำเร็จ จะส่งผลต่อการบริโภคในภาพรวม

มีกระแสข่าวว่า “ทักษิณ” ต้องการให้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะนำ “ยอดฝีมือ” ที่ลงทุนเดินสายทาบทามด้วยตัวเองเข้ามาทำงาน โดยไม่เน้นให้โควตากลุ่มการเมือง แต่จะคัดเลือก “มือทำงาน” ที่มีไอเดีย และมีวิธีการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย

โดยวางเป้ารื้อ “ทีมครม.เศรษฐกิจชุดเก่า” วาง “ทีมครม.เศรษฐกิจชุดใหม่” เข้าไปบัญชาการรบแทน ถือเป็นการวางเดิมพันครั้งสุดท้ายกับการกอบกู้ “พรรคเพื่อไทย”

โดยกระทรวงเศรษฐกิจที่อยู่ในความดูแลของ “เพื่อไทย” มีโอกาสปรับเปลี่ยนมือทำงาน อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ

จึงไม่แปลกที่จะมีกระแสข่าวทาบทาม “นายแบงค์” เข้ามาคุมกระทรวงการคลัง โดยอาจจะปรับ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แต่ติดอยู่ที่ “นายกฯแพทองธาร” ชื่นชอบการทำงานของ “ขุนคลัง พิชัย” จึงต้องรอติดตามว่า “พ่อ - ลูก” จะเคลียร์กันได้หรือไม่

ส่วนชื่อของ “พิชัย นริพทะพันธุ์” รมว.พาณิชย์ ที่เคยถูกสส.พรรคเดียวกัน ซักฟอกกลางวงประชุมสส.มาแล้ว จึงต้องลุ้นอย่างหนักในการรักษาเก้าอี้เอาไว้

ขณะเดียวกัน “ทักษิณ” อาจจะเดินเกมรุก เร่งนโยบาย “ปราบยาเสพติด” เพราะเคยประกาศด้วยตัวเอง โดยอาจจะใช้รูปแบบของการตั้งศูนย์ขึ้นมา ก่อนจะมอบหมายงานให้ “มือทำงาน” ระดับมืออาชีพเข้ามารับภารกิจ

ทั้งหมดคือความพยายามแก้ไขสถานการณ์ ที่นโยบาย “เรือธง”ไปต่อไม่ได้ ต้องลุ้นว่าวิกฤติจะพลิกมาเป็นโอกาส ในการขับเคลื่อนนโยบายระยะสั้น จุดพลุกอบกู้ “เพื่อไทย” ให้กลับมาโกยเรตติ้งได้ทันสู้ศึกเลือกตั้งปี 2570 หรือไม่