17 ปี อหังการน้ำเงิน ‘ภูมิใจไทย’ -‘ครูใหญ่’ชิงธงนำ'ก๊กอนุรักษ์'

17 ปี อหังการน้ำเงิน ‘ภูมิใจไทย’ -‘ครูใหญ่’ชิงธงนำ'ก๊กอนุรักษ์'

ฉายภาพฉากการเมืองเบื้องหลัง พรรคภูมิใจไทย ภายใต้การบัญชาการของ ครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ ที่อยู่ฉากหลัง กำลังผงาดชิงธงนำเบอร์หนึ่งก๊กอนุรักษนิยม

KEY

POINTS

  • ลงสนามเลือกตั้งครั้งแรกของพรรคภูมิใจไทย คือ 3 ก.ค. 2554 ใช้แบรนด์ “ประชานิยม สังคมเป็นสุข” ได้ สส.ไม่ถึงฝัน 34 สส.นั่งเป็นฝ่ายค้าน เพราะพรรคเพื่อไทย กาหัวให้เป็นศัตรูทางการเมือง อันดับต้น
  • หมากทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยที่มี "อนุทิน ชาญวีรกูล" หัวหน้าพรรคยังคงเน้นการเป็นรัฐบาล อาศัยแต้มต่อรองทางการเมืองที่สูง เขี้ยวลากดินสไตล์ “คนบุรีรัมย์” ทำให้เกิดภาพชิงเหลี่ยม รอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง
  • นายใหญ่ แห่ง “พรรคเพื่อไทย” ลดระดับ สส.เหลือ 200 สส.อย่างต่ำ เพราะประเมินว่า ในภาคอีสานบางจังหวัดอาจสู้พลังอิทธิพลบ้านใหญ่ของค่ายสีน้ำเงินไม่ได้
  • ก๊กสีน้ำเงินเดินเกมโชว์ความอหังการ หวังชิงธงนำ “เบอร์หนึ่ง” ก๊กอนุรักษนิยม ภายใต้บริบทที่พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ อ่อนกำลังลง ไม่เหมือนเดิม

การก่อกำเนิดเกิดขึ้นของ “พรรคภูมิใจไทย” เมื่อ 17 ปีก่อน หากคอการเมืองจำกันได้ ภาพของพรรคภูมิใจไทย ถูกมองเป็นพรรคงูเห่า เพราะการแตกตัว แตกหักกับ “พรรคพลังประชาชน” ภายหลังการยุบพรรคการเมือง 3 พรรรคที่เป็นพรรครัฐบาล เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2551 คือพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย

ขั้วพรรคมัชฌิมา นำโดย “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมืองอยู่ฉากหลังขณะนั้น ได้ระดม สส.ในเครือข่าย จัดตั้งพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2551

เซียนการเมืองวิเคราะห์การจัดตั้งพรรคภูมิใจไทย ของกลุ่มมัชฌิมา หรือเครือข่ายกลุ่มวังน้ำยมเก่า เกิดขึ้นเพราะต้องการรองรับ สส.ที่ถูกผลพวงคดียุบพรรค

จุดแตกหัก"ก๊กเพื่อนเนวิน" เกิดขึ้นอย่างมีรอยร้าว ในห้วงรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ที่มี “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 26

ครูใหญ่อย่าง “เนวิน” เก็บสะสมความกระอักเลือดจุกอก ที่ไม่สามารถนำพา “สมัคร สุนทรเวช” กลับมานั่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ได้ ทนเก็บความบอบช้ำ รอจังหวะทางการเมืองที่เหมาะสม

นับวันดีเดย์เมื่อพรรคพลังประชาชนแตกสลายกลายเป็น “พรรคเพื่อไทย” กลุ่มเพื่อนเนวิน ที่ประกอบด้วย สส.ภาคอีสานและภาคกลางบางส่วน ยกคณะ สส.ไปสังกัด “พรรคภูมิใจไทย”

เปิดตำนาน วลี “มันจบแล้วครับนาย” ที่เปล่งออกมาในวันที่ “กลุ่มเพื่อนเนวิน” แตกหัก “นายใหญ่” หนีไปจับมือ กอด “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะนั้น เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 เมื่อปลายปี 2551

ปัจจุบัน พรรคภูมิใจไทยขับเคลื่อนเบ็ดเสร็จ ด้วยการบัญชาการคุมเกมโดย “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ มี “อนุทิน ชาญวีรกูล” น้องรัก เป็นหัวหน้าพรรค และดันลูกชายอย่าง “ไชยชนก ชิดชอบ” เป็นเจนใหม่ รุ่นที่ 3 ของตระกูลชิดชอบเข้าสู่เส้นทางการเมือง

17 ปี อหังการน้ำเงิน ‘ภูมิใจไทย’ -‘ครูใหญ่’ชิงธงนำ'ก๊กอนุรักษ์'

พรรคภูมิใจไทย ในวันที่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 17 ถือฤกษ์ วันจักรี 6 เม.ย. ของทุกปี เป็นวันสัญลักษณ์ก่อตั้งพรรค ไม่ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ถือ 6 เม.ย. เป็นวันก่อตั้งพรรคเช่นกัน

อุดมการณ์แรกของพรรคภูมิใจไทย ระบุไว้ในข้อบังคับพรรค เมื่อปี 2552 ชื่อพรรคหมายถึง การดำเนินงานทางการเมืองโดยยึดมั่นในวิถีความเป็นคนไทย

ภาพประเทศไทยบนรูปหัวใจ สื่อถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คนไทยทั้งชาติอันมีหัวใจดวงเดียวกันอยู่ร่วมกันบนผืนแผ่นดินเดียวกัน ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

17 ปี อหังการน้ำเงิน ‘ภูมิใจไทย’ -‘ครูใหญ่’ชิงธงนำ'ก๊กอนุรักษ์'

ลงสนามเลือกตั้งครั้งแรกของพรรคภูมิใจไทย คือวันที่ 3 ก.ค. 2554 ใช้แบรนด์ “ประชานิยม สังคมเป็นสุข” มี ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค และ พรทิวา นาคาศัย เลขาธิการพรรค ผลปรากฎได้ สส.ไม่ถึงฝันได้ 34 สส.ต้องนั่งเป็นฝ่ายค้าน เพราะถูกพรรคเพื่อไทย กาหัวให้เป็นศัตรูทางการเมือง อันดับต้น

ถัดมาเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 พรรคภูมิใจไทย ขยับมาเป็น สส.ขนาดกลาง ได้ สส.รวม 51 ที่นั่ง ร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ที่ผลักดัน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรี

“ครูใหญ่” วางหมากใช้คนหนุ่มมีประสบการณ์อย่างเพื่อนรัก “อนุทิน” เป็นแคนดิเดตนายกฯ ล้างภาพประชานิยม เน้นมาแก้ปัญหาปากท้อง นำความสงบสุขกลับคืนสังคม เน้นสไตล์ทางการเมือง แชร์ริ่งจัดสรรปันส่วนอำนาจในการเข้าร่วมรัฐบาล ผลปรากฎ พรรคภูมิใจไทยมีแต้มต่อรองทางการสูง

พรรคพลังประชารัฐ จัดสรรกระทรวงเบอร์ใหญ่ให้ พรรคครูใหญ่ คือกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข

เลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 พรรคภูมิใจไทย ขยับไซส์มาเป็นพรรคตัวแปรจัดตั้งรัฐบาล ได้ สส.เจาะได้ทั้งภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง และเจาะพื้นที่ภาคใต้ได้ สส. 71 ที่นั่ง แบ่งเป็น สส.เขต 68 คน บัญชีรายชื่อ 3 คน

หมากทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยในปัจจุบัน ยังคงเน้นการเป็นรัฐบาล อาศัยแต้มต่อรองทางการเมืองที่สูง เขี้ยวลากดินสไตล์ “คนบุรีรัมย์” ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อรองการแก้ไขกฎหมายประชามติ ต่อรองนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ยังไม่นับการขู่จาก ก๊ก สว.สีน้ำเงิน ตัวแทนองคาพยพคนบุรีรัมย์

ทำให้เกิดภาพ ครูใหญ่และอนุทิน ควงกันเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า หรือพบกับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ในห้วงที่เกิดภาพไม่ลงรอย หรือเคลียร์กันยังไม่ลงตัว ในบริบททางการเมืองระหว่าง ก๊กสีแดง และก๊กสีน้ำเงิน

ยิ่งส่องภาพสนามเลือกตั้งท้องถิ่น นายก อบจ. เกมใหญ่ระดับจังหวัดใน 76 จังหวัด จะพบว่าผ่านศึกเลือกตั้ง ทั้งก่อนครบวาระ หรือครบวาระ ไปเมื่อปลายปี 2567 และ 1 ก.พ. 2568 บ้านใหญ่บุรีรัมย์ภายใต้คนสีน้ำเงิน ทำสงครามเลือกตั้งกับ “พรรคเพื่อไทย” ถือเป็นศัตรูทางการเมืองหลักในภาคอีสาน ภาคกลาง

แน่นอนว่า “ครูใหญ่” ต้องการให้พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมืองท้องถิ่นนิยม ศึกเลือกตั้งนายก อบจ. 76 จังหวัดล่าสุด ค่ายสีน้ำเงินกวาดไปถึง 20 จังหวัด พอๆ กับ พรรคเพื่อไทยที่ได้ นายก อบจ. 20 จังหวัด

อุ่นเครื่องวัดใจในศึกเลือกตั้งท้องถิ่นไปแล้ว “ครูใหญ่” คาดหวังกับการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2570 ไม่ว่ารัฐบาลแพทองธาร จะอยู่ครบวาระหรือยุบสภา แน่นอนว่า โอกาสที่พรรคสีน้ำเงินจะจับมือ ก๊กสีส้มเป็นไปได้ยาก

โอกาสเป็นพรรคตัวแปร จึงยังคงมีสูงใน 2 สูตรคือ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเอง หรือขอร่วมรัฐบาลกับพรรคแกนนำ

17 ปี อหังการน้ำเงิน ‘ภูมิใจไทย’ -‘ครูใหญ่’ชิงธงนำ'ก๊กอนุรักษ์'

ด้วยเหตุนี้ นายใหญ่ แห่ง “พรรคเพื่อไทย” จึงลดระดับ สส.เหลือเพียงแค่ 200 สส.อย่างต่ำ เพราะประเมินแล้วว่า ในภาคอีสานบางจังหวัดอาจสู้พลังอิทธิพลบ้านใหญ่ของค่ายสีน้ำเงินไม่ได้

ขณะที่ “ครูใหญ่” สั่งหมอช้างผูกข้อมือให้ “อนุทิน” เป็นนายกฯ ในวาระครบรอบวันเกิด 66 ปี ของ “เนวิน” เมื่อ 4 ต.ค. 2567

ภาพการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 เมื่อ 6 เม.ย. 2568 ตอกย้ำแบรนด์ “สีน้ำเงิน” ด้วยการใช้โลโก้พรรคด้วยสีน้ำเงินทั้งหมด สื่อว่า “ภูมิใจไทย” มุ่งหมายดำเนินงานทางการเมืองที่ยึดมั่นในวิถีของความเป็นไทย และสื่อสารว่าเป็นพรรคเทิดทูนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

17 ปี อหังการน้ำเงิน ‘ภูมิใจไทย’ -‘ครูใหญ่’ชิงธงนำ'ก๊กอนุรักษ์'

ศูนย์กลางอำนาจหลักทางการเมืองของ “ภูมิใจไทย” อยู่ที่ “ครูใหญ่เนวิน” และจัดสรรปันส่วนอำนาจให้กับคีย์แมนในบ้านใหญ่ภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่างแต่ละจังหวัด อาทิ ไทยเศรษฐ์ กลิ่นประทุม ปริศนานันทกุล พันธ์เจริญวรกุล ภัทรประสิทธิ์ เป็นต้น ส่วนภาคใต้ภายใต้การคุมทัพของ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รมว.แรงงาน

ภูมิใจไทย กำลังโชว์ความอหังการ หวังชิงธงนำ “เบอร์หนึ่ง” ก๊กอนุรักษนิยม ภายใต้บริบทที่พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ อ่อนกำลังลง ไม่เหมือนเดิม ขณะที่ “ครูใหญ่” กลับมีพลังอำนาจต่อรองที่แข็งแกร่ง และแข็งกร้าวขึ้นกว่าเดิม