เช็คลิสต์ ‘หนุน-ต้าน’ ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

เช็คลิสต์ ‘หนุน-ต้าน’ ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องของ "เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ที่เป็นเรือธง "พรรคเพื่อไทย" กลายเป็นชนวนให้การเมืองร้อน และอาจสั่นคลอนถึงเสถียรภาพรัฐบาล-แพทองธาร

KEY

POINTS

Key Point : 

  • เรื่อง ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่สภาฯจะถกวาระแรก 9เม.ย.
  • กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง ที่ปลุกกลุ่มต้าน  ทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ ให้ประสานเสียง "คัดค้าน"
  • เช็คเสียงในฝั่ง "พรรคร่วมรัฐบาล" แตกเป็น 3 สาย ขณะที่ฝ่ายค้าน เองก็แปลกแยก "ต้านไม่สุดตัว" เพราะกำลังหยั่งเชิงกระแสสังคม
  • ขณะที่ "สว." ยังรอรับสัญญาณ จาก "ครูใหญ่" แม้ท่าทีดูเหมือนไม่เอาด้วย แต่กลับเสนอตั้ง "กมธ.ศึกษาฯ"
  • ส่วน "สว.พันธุ์ใหม่" กำลังหาช่องชะลอการพิจารณาร่างกฎหมาย ด้วยการเสนอทำประชามติ
  • ไม่ว่ากระแสเสียงต้าน-หนุน ฝ่ายไหนจะมากหรือน้อยกว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าเชื้อนี้ ส่อลามไปถึง เสถียรภาพของ "รัฐบาล-แพทองธาร" 

สังเวียนการเมืองสัปดาห์นี้ ถูกจับจ้องไปที่เวทีของสภาฯ นัดหมายวันที่ 9-10 เม.ย. พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ… หรือ เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่ง “คณะรัฐมนตรี” เป็นผู้เสนอ 

โดยในบทนิยาม “ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” กำหนดไว้ 8 ประเภท อย่างตายตัว หมายถึง ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานบริการ สนามกีฬา ยอร์ช และครูซซิ่งคลับ สถานที่เล่นเกม สระว่ายน้ำและสวนน้ำ และอีก 1 กิจกรรมปลายเปิดที่ขึ้นอยู่กับ “คณะกรรมการนโยบาย” ประกาศ และกำหนดด้วยว่า ต้องรวมกับ “กาสิโน”ด้วย 

แม้ในสาระของร่างกฎหมายจะขีดเส้นให้ “กาสิโน” มีได้ไม่เกิน 10% ของที่ดิน หรือพื้นที่ใช้สอยของสถานบันเทิงครบวงจร

“กรุงเทพธุรกิจ” รวบรวม “กลุ่มหนุน-กลุ่มต้าน” เพื่อสะท้อนภาพรวมทางการเมืองให้เห็น เพราะต้องยอมรับว่า เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือนโยบาย “เรือธง” ที่รัฐบาลมุ่งหวังทำให้สำเร็จ แต่ในมุมกลับ ถือเป็นปมเสี่ยงให้ “คู่แข่ง-คู่แค้น” ใช้ปลุกมวลชน เพื่อโค่นรัฐบาลเช่นกัน

แม้ “ขั้วรัฐบาล” จะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสนับสนุน โดยมีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้เลื่อน ร่าง พ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มาพิจารณาเป็นญัตติเร่งด่วน แต่ในชั้นรับหลักการวาระหนึ่ง อาจมีปรากฏการณ์ “เสียงแตก”

ทำให้มีข่าวปล่อยออกมาว่า “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องออกแรงกำชับ “แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล” ให้โหวตรับหลักการในวาระแรก เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ หากพบว่าพรรคใดแตกแถว จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที

เช็คลิสต์ ‘หนุน-ต้าน’ ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

แม้ข่าวปล่อยดังกล่าว จะไม่มีที่มาที่ไปแน่ชัด แต่ก็ไม่อาจมองข้ามเสียงคำรามของ “ทักษิณ” ที่สะท้อนให้เห็นความเป็นเอกภาพของ พรรคร่วมรัฐบาลในการช่วยกันผลักดัน ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ยังมีปัญหา แม้จะเป็นร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.มาแล้วก็ตาม

สถานการณ์นี้ ทำให้เห็นว่า เสียงจาก “ขั้วพรรคร่วมรัฐบาล” แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม 

กลุ่มแรก นำโดย พรรคเพื่อไทย พรรคกล้าธรรม พรรคไทรวมพลัง พรรคชาติพัฒนา ที่ “นายใหญ่ทักษิณ-นายกฯแพทองธาร” ค่อนข้างมั่นใจว่า จะแถวตรงไม่ผิดสัญญา

กลุ่มสอง นำโดย พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ในจำนวนนี้มี 2 พรรค อาจจะต้องรอประเมินสัญญาณจนวินาทีสุดท้าย หาก “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” ไฟเขียว “ลูกพรรคสีน้ำเงิน” ไม่มีปัญหา เช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ หาก “ผู้มากบารมี” เคาะจบ “ลูกพรรค”ก็พร้อมรวมใจเป็นหนึ่งเดียว

เช็คลิสต์ ‘หนุน-ต้าน’ ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

กลุ่มสาม โฟกัสหลักไปที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชาติ แม้จะอยู่ในสถานะพรรคพี่-พรรคน้อง กับ พรรคเพื่อไทยมาตลอด แต่ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่พ่วง “กาสิโน 10%” ขัดกับหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญ

ทำให้ “ทวี” ทำหนังสือด่วนเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ถึง “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” ประธานวิปรัฐบาล แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว โดยอ้างว่า อาจจะกระทบกับเด็กหรือเยาวชน ในนโยบายทางการศึกษาที่เคยมุ่งเน้นให้เยาวชน เป็นผู้ที่มีศีลธรรมอันดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด อบายมุข ตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ หลักการศาสนาอิสลาม หรือศาสนาอื่น

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่าง “นายใหญ่-นายหญิง” กับ “วันนอร์-ทวี” อาจไม่ถึงขั้นมีโนติส หากประชาชาติไม่โหวตผ่านวาระแรก อาจไม่ถูกขับพ้นพรรคร่วมรัฐบาล

เช็คลิสต์ ‘หนุน-ต้าน’ ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

อย่างไรก็ตาม เมื่อ “ขั้วพรรคร่วมรัฐบาล” แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ก่อนที่จะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ดีลการเมืองในทุกมิติอาจจะต้องปิดจ๊อบให้จบเสียก่อน

* ขั้วค้านเสียงแตก ปชน.กั๊ก-พปชร.ต้าน 

สำหรับ “กลุ่มต้าน” หลักโฟกัสไปที่ “พรรคฝ่ายค้าน” มีเพียง “พรรคพลังประชารัฐ” ที่ประกาศชัดถึงการไม่เอาร่างกฎหมายฉบับนี้ ไม่ว่าจะ “รัฐบาล” จะอ้างเหตุผลในแง่ของการสร้างเศรษฐกิจให้เติบโต ฟื้นประเทศเพียงไร ซึ่งตัวแทนของกลุ่มอำนาจเก่า อย่าง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศให้ลูกพรรค ฐานะ “สส.” ในสภาฯ ขวางให้เต็มที่

เช็คลิสต์ ‘หนุน-ต้าน’ ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

ส่วนพรรคฝ่ายค้านอันดับหนึ่ง คือ “พรรคประชาชน” ต้านไม่สุดกำลัง ยังมีท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ต่อร่างกฎหมายนี้ เพราะในใจหนึ่งก็อยากสนับสนุนการสร้างเศรษฐกิจใหม่เพื่อฟื้นประเทศ 

ทว่า อีกใจหนึ่งก็อยาก “คัดค้าน” เพราะตัวสาระของ ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ส่อซ่อนปม “ประโยชน์ทับซ้อน” ระหว่าง “ทุนเทาต่างชาติ” กับ “ผู้มากบารมี” เหนือรัฐบาล

ก่อนหน้านั้นพรรคประชาชนเตรียมเล่นใหญ่ เปิดหน้าขวางการเลื่อนระเบียบวาระให้ร่างกฎหมาย จากที่รั้งอยู่ในเรื่องด่วน ลำดับที่ 15 ให้มาเป็นอันดับแรกของการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 9 เม.ย. โดยอ้างเหตุสำคัญ คือ 1.ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน 2.ผลการศึกษาโดยละเอียดนั้นไม่รอบด้าน 

แม้สภาฯจะเคยตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาศึกษาแล้ว 2 ชุด ในสมัยสภาฯชุดที่ 25 ที่มี “อธิรัฐ รัตนเศรษฐ” เป็นประธานกมธ. และอีกชุด ในสมัยสภาปัจจุบัน ที่มี “จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง เป็นประธาน กมธ. แต่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะหน่วยงานแม่ที่ศึกษา กลับไม่รองรับผลการศึกษาดังกล่าว

ด้วยความเป็นเสียงข้างน้อยจึงพ่ายให้กับเสียงข้างมากที่มี “พรรคเพื่อไทย” เป็นแกนนำ ด้วยมติ 249 เสียง ต่อ 136 เสียง ดังนั้นทำให้ต้องเดินหน้าตามโจทย์ที่ “รัฐบาล” เร่งรัดให้สภาฯ ผ่านวาระแรก ก่อนปิดสมัยประชุม

เช็คลิสต์ ‘หนุน-ต้าน’ ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

เมื่อเช็คเสียงโหวตแยกเป็นรายพรรคการเมือง จะเห็นได้ว่า “ฝ่ายที่ค้าน” เลื่อนระเบียบวาระ ประกอบด้วย พรรคประชาชน 134 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 1 เสียง พรรคเป็นธรรม 1 เสียง ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ มีท่าทีชัดเจนมากที่สุด โดยไม่ขออยู่ร่วมลงมติ

* อดีต สว.-สปช.ลงชื่อต้าน

“กลุ่มอดีต สว.” จำนวน 189 คน โดยได้ออกแถลงการณ์คัดค้าน พ่วง 6 ปมต้าน ประกอบด้วย 1. กาสิโนและการพนันไม่ใช่นโยบายที่พรรคร่วมรัฐบาลเคยประกาศรณรงค์ 2.ข้ออ้างของรัฐบาลพื้นที่สำหรับกาสิโนเพียง 10% ไม่มีเหตุผลเพียงพอ 3.อำนาจการพิจารณาอนุญาตและการบริหารจัดการในรายละเอียด เหมือนโอนลอยอำนาจไปอยู่ในมือของคณะกรรมการนโยบาย ที่เปิดทางเอื้อประโยชน์ให้กับผู้มีอำนาจ

4.โครงการการพนันครบวงจรตามกฎหมายสองฉบับนี้ ไม่สามารถสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจได้จริงตามที่กล่าวอ้าง 5.แหล่งกาสิโนและการพนันออนไลน์ คือที่รวมของการฉ้อฉลคดโกง 6.กาสิโนไม่ได้ทำให้ประเทศร่ำรวยจริง ตามคำโฆษณาของรัฐบาล

เช่นเดียวกับกลุ่มอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 102 คน ยก 5 เหตุผลมาคัดค้าน โดยเนื้อหาไม่แตกต่างจากกลุ่มอดีต สว.

เช็คลิสต์ ‘หนุน-ต้าน’ ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

* สารพัดม็อบจุดร่วมเดียวต้านกาสิโน

ขณะที่แนวต้านบนท้องถนน รวมตัวกันเป็น “คณะหลอมรวมประชาชน” มีเครือข่ายแตกย่อยมาจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) กองทัพธรรม พรรคไทยภักดี

สำหรับ “แกนนำรวมกาลเฉพาะกิจ” มาจากทั้งอดีตแกนนำแดง-อดีตแกนนำเหลือง ประกอบด้วย จตุพร พรหมพันธุ์ - พิชิต ไชยมงคล - นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นต้น โดยจัดการชุมนุมไปเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่รัฐสภา ยื่น112,498 รายชื่อ คัดค้านร่างกฎหมาย

เช็คลิสต์ ‘หนุน-ต้าน’ ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

โดย “จตุพร” นัดหมายมวลชนสวมเสื้อขาว ร่วมชุมนุมคัดค้าน ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในวันที่ 9 เม.ย. หน้าอาคารรัฐสภา แม้ “ขั้วรัฐบาล” จะประเมินว่ากระแส “ม็อบต้าน” ยังไม่ก่อตัวรุนแรง แต่การจุดกระแส เพื่อนำไปต่อยอดปั่นกระแสต่อ รอจังหวะรัฐบาลก้าวพลาด สามารถปูทางได้มีพลังในระดับหนึ่ง

* สว.สีน้ำเงิน รอสัญญาณ“ครูใหญ่”

ด้าน “สว.สีน้ำเงิน” ยังไม่ประกาศชัดเจนว่า จะสนับสนุนหรือคัดค้าน สอดคล้องกับท่าทีของ “พรรคสีน้ำเงิน” ซึ่งอาจจะต้องรอความชัดเจนจาก “ครูใหญ่” จึงทำให้ “สว.สีน้ำเงิน” ออกแอ็กชันน้อยมาก 

อย่างไรก็ตาม วงลับ “สว.สีน้ำเงิน” มีหลายเสียงสนับสนุน แต่ก็มีหลายเสียงที่ไม่เอา “กาสิโน” ทำให้มีการเดินเกมส่ง “ลูกหาบ” ออกมาชงแนวทางตั้งคณะทำงานศึกษาก่อน

* “สว.พันธุ์ใหม่” ยื้อเกมยาว 

ด้านท่าทีของ “สว.พันธุ์ใหม่” นำโดย “นันทนา นันทวโรภาส” เตรียมเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เพื่อขอให้ “วุฒิสภา” เห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะส่งถึงรัฐบาลต่อการทำประชามติ ร่างกฎหมายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่พ่วงเข้ากับ “กาสิโน”

“นันทนา” มองว่าควรใช้ช่องทางของกฎหมายที่มีเพื่อนำไปสู่การลดความขัดแย้งของสังคม 2 ฝั่ง ที่เห็นต่าง และเป็นความขัดแย้ง การเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณา เชื่อว่าเป็นทางออกของสังคมได้ดีที่สุด เพราะฝ่ายรัฐบาลไม่ได้เสนอเป็นนโยบายตอนหาเสียง 

เช็คลิสต์ ‘หนุน-ต้าน’ ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

สำหรับท่าทีของ สว. “สรชาติ วิชย สุวรรณพรหม” เตรียมเสนอญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร และ "วีระพันธ์ สุวรรณนามัย” เตรียมเสนอญัตติขอเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาผลกระทบจากการดำเนินการเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าว

คาดการณ์ว่าญัตติของ “สว.สรชาติ” อาจจะได้รับการสนับสนุนจาก “สว.เสียงส่วนใหญ่” เพราะมีความชัดเจนถึงการเลือกบุคคลเพื่อเป็นกรรมาธิการวิสามัญแล้ว และหากเดินหน้าได้ จะใช้เวลาศึกษาราว 180 วัน

ทั้งหมดคือ “กลุ่มหนุน-กลุ่มต้าน-กลุ่มกั๊ก” ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาวาระแรกในวันที่ 9 เม.ย. แต่ก่อนถึงวันเดดไลน์ “นายใหญ่-แกนนำรัฐบาล-บิ๊กหลังฉาก” ต้องเคลียร์ข้อต่อรองให้จบบนโต๊ะเจรจา ไม่เช่นนั้น “รัฐบาลแพทองธาร” อาจจะอายุสั้นกว่าที่คาดการณ์เอาไว้.