รัฐบาลฝ่าแรงต้าน‘กาสิโน’10% ฝ่ายแค้นจุดชนวนล้มรัฐบาล

คิวร้อนเร่งด่วน เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเสนอร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ ร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ โดยประธานสภาฯ บรรจุวาระดังกล่าวไว้ในการประชุมสภาฯ เป็นพิเศษ ในวันนี้ 3 เม.ย.2568

วาระร้อนนี้ทำให้มวลชนนอกสภาฯ ถึงขั้นแตกตื่น ดีเดย์ปลุกมวลชนนออกมาคัดค้านถึงรัฐสภาทันที

ทว่าการพิจารณาของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จะยังไม่นำมาลงอภิปรายเพื่อลงมติรับหลักการในวันที่ 3 เม.ย.นี้ เพียงแต่จะเป็นการเสนอญัตติเพื่อขอที่ประชุมพิจารณาลงมติว่า จะเห็นชอบให้เลื่อน ร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระด่วนพิเศษ เพื่อนำไปสู่การอภิปรายวันที่ 9 เม.ย. นี้

การขอมติที่ประชุมสภาฯ เพื่อเลื่อนวาระไม่มีอุปสรรคขัดขวาง แม้จะมีม็อบเครือข่าย คปท. รวมถึงแนวร่วมเข้ามาผสมโรงดีเดย์นัดชุมนุมหน้ารัฐสภา เพื่อต่อต้านการเปิดบ่อนกาสิโน 10% ของพื้นที่สถานบันเทิงครบวงจรก็ตาม

ขณะที่ฝ่ายการเมืองในซีกรัฐบาลประเมินว่า ม็อบไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการประชุมสภาฯ ถึงแม้ม็อบต้านกาสิโนจะอาศัยสถานการณ์แผ่นดินไหวมาปลุกเร้า เร่งขยายแนวร่วมเพื่อยับยั้ง พ.ร.บ.ดังกล่าว 

ไล่เรียงท่าทีของคีย์แมนแนวร่วมในปีกพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งหมดพร้อมใจลงมติโหวตรับหลักการในวันที่ 9 เม.ย.นี้ เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการ (วิสามัญ) ไปถกเถียงกันในช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภา

พรรคร่วมรัฐบาลจะมีเพียง พรรคประชาชาติเท่านั้น ที่จะสงวนท่าที ไม่รับหลักการ เพราะต้องโหวตตามคะแนนฐานเสียงของพรรคในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่่นับถือมุสลิม

อย่างไรก็ตาม เมื่อถอดรหัส ทำไมรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ต้องเร่งรีบผลักดันธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ก็พบว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งโชว์ผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรม ในแง่มิติทางเศรษฐกิจก่อน ในภาวะที่กำลังเผชิญกระแสศรัทธา ทั้งจากเหตุแผ่นดินไหว และเพิ่งเสร็จศึกซักฟอกนายกฯ ที่ได้แต้มไว้วางใจสูงสุดในประวัติศาสตร์

รัฐบาลจำเป็นต้องเข็นนโยบายนี้ที่เป็นเรือธงอีกหนึ่งช่องทาง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย ที่อ่อนกำลังจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกฝืดตัวในหลายประเทศ

ดังนั้น หนทางที่ทำให้จีดีพีของประเทศเติบโตนั้น จำเป็นต้องใช้เครื่องจักรเศรษฐกิจตัวใหม่ๆ ที่ไม่ใช่การพึ่งพาการส่งออกอย่างเดียว นั่นก็คือ เอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

โดยรัฐบาลคาดการณ์รายได้จากนโยบายดังกล่าวถึง 119,000 ถึง 238,000 ล้านบาท รวมทั้งเพิ่มอัตราจ้างงานได้ 9,000 ถึง 15,300 อัตรา รวมถึงสร้างรายได้จากการจัดเก็บภาษีให้ประเทศได้ 12,000 ถึง 40,000 ล้านบาทต่อปี

ตัวเลขเหล่านี้ ยังไม่นับรวมการใช้จ่ายที่เกิดจากการพนัน สามารถสร้างรายได้ ทำให้ประเทศไทยมีงบประมาณไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา การดูแลสวัสดิการสังคม และสาธารณะประโยชน์อื่น ๆ

รัฐบาลยืนยันในร่างกฎหมายที่เสนอเข้าสู่สภาฯ กาสิโนถูกกฎหมาย มีเพียง 10% จะเน้นลูกค้ากลุ่มวีไอพี โดยมีมาตรการป้องกันไม่ให้คนไทยติดการพนัน

ส่วนรายได้ที่เข้ารัฐ จะมีการแบ่งเพื่อให้ประโยชน์ในประเทศ เช่น การเยียวยาปัญหาติดการพนัน และการบูรณาการสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ รวมทั้งพื้นที่กาสิโน 10% จะช่วยลดปัญหาการพนันผิดกฎหมายลง

สำหรับประเทศในเอเชียที่มีเอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ประกอบไปด้วย กาสิโน โรงแรม ศูนย์การค้า สวนสนุก และสถานที่จัดแสดงต่างๆ มี จีนมาเก๊า สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ มาเลเซีย ล่าสุด ญี่ปุ่น กำลังสร้าง Integrated Resort (IR) ที่โอซาก้า ซึ่งจะมีกาสิโนและศูนย์บันเทิงขนาดใหญ่

ด้านนายกฯ แพทองธาร ยืนยันด้วยตัวเองถึงการเร่งผลักดันสถานบันเทิงครบวงจรว่า ทั้งหมดนี้คือการ สร้างการท่องเที่ยวแบบใหม่โดยไม่รอการท่องเที่ยวตามฤดูกาล หรือการท่องเที่ยวที่มีอยู่เดิม เราเรียกว่า Man made tourism พร้อมยืนยันว่า มีผู้ให้ความเห็น 80,000 ราย โดย 80% เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว

เรือธงดังกล่าวยังหวังว่าจะสร้างการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่นได้ เพื่อให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 13%

“สถานบันเทิงครบวงจรจะประกอบไปด้วย สถานที่จัดแสดงศิลปะวัฒนธรรมของไทย ตลอดจนสินค้าโอทอป จะช่วยการส่งต่ออิทธิพลทางศิลปวัฒนธรรม(ซอฟต์พาวเวอร์)ของไทยสู่เวทีโลกเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการจัดกาสิโนในบางประเทศที่มุ่งเน้นการทำบ่อนการพนันของรัฐเป็นหัวใจสำคัญ มิได้มุ่งเน้นธุรกิจต่อเนื่อง และแง่ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม อย่างสถานบันเทิงครบวงจรของไทย” ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง ระบุ

ขณะที่กระแสม็อบนอกรัฐสภา โดยเฉพาะ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ขู่ขุมนุมหน้ารัฐสภา วันที่ 3 เม.ย.นี้ เพื่อยื่น รายชื่อ 112,498 รายชื่อต่อประธานสภาฯ เพื่อคัดค้าน ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว

เงื่อนไขการปลุกเร้านอกสภาฯ ม็อบนอกสภาพยายามจะโยงให้เห็นว่า พ.ร.บ.เอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือ พ.ร.บ.กาสิโน เพื่อสร้างกระแสให้แนวร่วมตรงข้ามออกมาคัดค้าน จุดชนวนไปสู่การล้มรัฐบาลในปลายทาง

“เขา (รัฐบาล) บอกว่าสอบถามความคิดเห็น 80,000 คน แต่ตัวเลขจริงๆ เท่าที่ผมตรวจสอบจากหลายๆ ส่วน คือ 71,000 คน ไม่ใช่ 8 หมื่นคน เขาอ้าง 80% เห็นชอบ 57,000 คน คุณเอา 57,000 คนมาอ้างกับประชาชน พวกเราหลายภาคส่วนรวบรวมหลายชื่อ กองทัพธรรมได้มา 50,000กว่ารายชื่อ ที่คัดค้าน พวกผมได้มา 112,498 รายชื่อ รวมตัวเลข 170,000 รายชื่อ ระหว่าง 170,000 รายชื่อที่คัดค้าน กับ 50,000 คนที่เห็นชอบ คุณอุ๊งอิ๊งค์บวกเลขไม่เป็นเหรอ ว่าคนส่วนใหญ่ไม่เอา คุณฟังเฉพาะ 57,000 คนที่เห็นชอบกับคุณ เป็นตัวเลขมั่วๆ” หมอวรงค์ ระบุ

ขณะที่ คณะทำงานในภายรัฐบาลที่ศึกษาเรื่องเอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถึงขั้นผิดหวังกับเสียงแรงต้านนอกรัฐสภา โดยระบุทำนองว่า “หรือประเทศไทยจะต้องรอให้ลูกรังหมดก่อน ถึงจะมี Mega Project ที่เป็น Man-Made Destination แบบประเทศเพื่อนบ้านได้”