เบื้องหลัง ค่าหัว'300 ล้าน' ‘เอกนัฏ’รบ ‘ทุนจีน’ค้าเหล็ก

เบื้องหลัง ค่าหัว'300 ล้าน'   ‘เอกนัฏ’รบ ‘ทุนจีน’ค้าเหล็ก

เบื้องหลังค่าหัว 300 ล้านบาท เลื่อยเก้าอี้ “เอกนัฏ” พ้นรมว.อุตสาหกรรม จนมาถึงวันที่ “บริษัทเหล็กจีน” ถูกตั้งคำถามถึงคุณภาพเหล็ก หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวจนตึก สตง. ถล่ม

 “ทุนจีน” แพร่ขยายกิจการภายในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว โดยมีรูปแบบแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจที่จะดำเนินการ แต่มีแนวคิดเดียวกันคือ ทุกกิจการ “นักธุรกิจจีน” จะต้องได้ผลประโยชน์มากที่สุด

ไล่ตั้งแต่ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ตั้งต้นที่การนำ “ชาวจีน” มาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยใช้บริการไกด์จีน โรงแรมจีน ร้านอาหารจีน ซึ่งเปิดกิจการผ่าน “นอมินีไทย” ผลสุดท้ายเงินเปลี่ยนกระเป๋าจากนักท่องเที่ยวจีนสู่นักธุรกิจจีน

ระยะหลัง “ทุนจีน” แฝงตัวมาอยู่ในภาคอุตสาหกรรม จนเรียกกันว่า “อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ” ใช้ทุนจีน จ้างแรงงานต่างด้าว บางบริษัทไม่จ่ายภาษี เพราะได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

ขณะเดียวกันภาคอุตสาหกรรมที่มี “ทุนจีน” เข้ามาลงทุน ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับมาตรฐานของสินค้า เนื่องจากหลายธุรกิจราคาสินค้ามักจะถูกกว่าท้องตลาด โดยเฉพาะ “ธุรกิจเหล็ก” ที่กำลังเป็นประเด็น ภายหลังเกิดแผ่นดินไหว จนตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มลงมา

“รมต.ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เอาจริงกับการตรวจสอบต้นตอของตึก สตง. ถล่ม โดยมีการนำ “เหล็ก” ไปตรวจสอบคุณภาพพบว่า ค่าเคมีไม่ผ่าน โดยเฉพาะค่า Yield stress (ความต้านทานแรงดึงที่จุดคราก ที่แสดงถึงจุดที่วัสดุจะมีการเปลี่ยนแปลงการแปรรูปจากการแปรรูปแบบยืดหยุ่น เป็นการแปรรูปแบบถาวร) และเหล็กเบากว่า มาตรฐาน มอก. มวลต่อเมตร รวมทั้งเตาหลอมแบบ Induction Furnace หรือ IF (เตาหลอมโลหะที่ใช้การเหนี่ยวนำทางไฟฟ้าเพื่อให้เกิดความร้อนจนโลหะหลอมละลาย) คุม Boron ไม่ได้

โดยเหล็กคุณภาพต่ำมาจาก “บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด” โรงงานผลิตเหล็กข้ออ้อย ตั้งอยู่ที่ ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มีชาวจีนและนอมินีคนไทย ร่วมกันถือหุ้น

ก่อนหน้านี้ “เอกนัฏ” เคยเปิดศึกกับ “ซิน เคอ หยวน สตีล” มาแล้ว โดยในช่วงปลายปี 2567 บริษัทดังกล่าวเกิดเหตุเพลิงไหม้ ทำให้ “ทีมสุดซอย” ของ “เอกนัฏ” เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบว่าข้อบกพร่องทั้งด้านความปลอดภัย และด้านสิ่งแวดล้อมหลายจุด

ขณะเดียวกันได้นำ “เหล็ก” มาตรวจสอบคุณภาพ พบเหล็กไม่ได้มาตรฐาน จำนวน 2,441 ตัน มูลค่าราว 49.2 ล้านบาท จึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

หลังจากนั้น จู่ๆ “เอกนัฏ” ออกมาเปิดเผยเรื่องถูก "ตั้งค่าหัว 200-300 ล้านบาท" โดยเขาใช้เวทีกระทู้ถามสดของ “ธีระชัย แสนแก้ว” สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในการประชุมสภาฯ เมื่อ 23 ม.ค.2568 เรื่องการปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี เปิดเกมส่งสัญญาณไปยัง “มือมืด” ว่า

“ผมยืนยันว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติแน่นอน ตั้งแต่ทำหน้าที่ รมว.อุตสาหกรรม ไม่ได้นั่งเฉย ๆ ในห้องแอร์ แต่ออกไปตรวจจับและจัดระบบใหม่ในภาคอุตสาหกรรม ปัญหากากอุตสาหกรรม ผมสั่งปิดและจับดำเนินคดีเด็ดขาด จนวันนี้เขาวางค่าตัวไว้แล้ว 200-300 ล้านบาท เพื่อย้ายรัฐมนตรี แต่ผมไม่กลัว”

 รวมทั้งให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า “กลุ่มทุนสีเทาได้มีการวิ่งเต้นให้เจ้าหน้าที่มีการไตร่ตรอง เมื่อเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ารัฐมนตรีอุตสาหกรรม สั่งเข้มงวด ก็ได้มีการขู่ว่าจะทุ่มเงินหลัก 200-300 ล้านบาท เพื่อเอารัฐมนตรีอุตสาหกรรม ออกจากตำแหน่ง ผมคิดว่าทำไม่ได้ เพราะไม่ได้ตั้งตนมานั่งรัฐมนตรี คนแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี"

ขณะนั้น จึงมีการโฟกัสว่า “เอกนัฏ” อาจจะมีปัญหากับ “บิ๊กเนม” โรงงานน้ำตาล เนื่องจากถูกผูกปมกับการปิดโรงงานน้ำตาล ซึ่งหลายพื้นที่เป็นฐานเสียงของ “พรรคร่วมรัฐบาล” ด้วยกัน

ในทางลับ “บิ๊กรัฐบาล” ต่างรับรู้ข้อมูลกันดีว่า “เอกนัฏ” เปิดเกมท้าชน “บริษัทเหล็กยักษ์ใหญ่” ซึ่งมี “ทุนจีน” มาเปิดกิจการ สาเหตุมาจากที่ “เอกนัฏ-ทีมสุดซอย” สั่งปิดโรงงาน จนไม่สามารถดำเนินการผลิตเหล็กได้

ว่ากันว่า “ทุนจีน” พยายามเดินสายล็อบบี้ทุกช่องทาง โดยทางแรก เปิดดีลทีมตรวจสอบคุณภาพเหล็ก เสนอให้ “ปลอมผลตรวจสอบเหล็ก” เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินการต่อได้ ทว่า “สมาคมอุตสาหกรรมเหล็กไทย” ไม่เอาด้วยกับ “ทุนจีน”

ปมร้อน รู้ไปถึงหู “เอกนัฏ” จึงสั่งการเฉียบขาด ให้ “ทีมตรวจสอบ” ดำเนินการตรงไปตรงมา หากพบว่ามีหน่วยงานใดบกพร่อง จะต้องรับผิดชอบ จนกระทั่งผลสอบพบว่า “บริษัทเหล็กทุนจีน” ผลิตเหล็กคุณภาพต่ำ โดยเกณฑ์ตกทางกล

อย่างไรก็ตาม “ทุนจีน” ยังไม่ลดละความพยายาม จึงเปิดดีลกับ “เครือข่าย” เพื่อวางบิล 200-300 ล้านบาท เดินเกมใต้ดิน-บนดิน ยื่นโนติสทุกช่องทาง ตั้งค่าหัวปลด “เอกนัฏ” ออกจากตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม

ทว่าปฏิบัติการดังกล่าวกลับคว้าน้ำเหลว เมื่อ“เอกนัฏ”ออกมาเปิดเผยข้อมูลสำคัญ เรื่องดีลที่ “ทุนจีน” พยายามเดินสายล็อบบี้ และไม่มี “บิ๊กเนม” คนไหนเอาด้วย  

ทั้งหมด คือเบื้องหลังค่าหัว 300 ล้านบาท เลื่อยเก้าอี้ “เอกนัฏ” พ้นรมว.อุตสาหกรรม จนมาถึงวันที่ “บริษัทเหล็กจีน” กำลังถูกตั้งคำถามถึงคุณภาพเหล็ก หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวจนตึก สตง. เพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ถล่มลงมา