'ไชน่า เรลเวย์' ได้งานสร้างศาลมีนบุรี 782 ล. ยอดรวมพุ่ง 8 พันล้าน

'ไชน่า เรลเวย์' ได้งานสร้างศาลมีนบุรี 782 ล. ยอดรวมพุ่ง 8 พันล้าน

เจออีก! 'ไชน่า เรลเวย์' ใช้กิจการร่วมค้า คู่สัญญาสร้างศาลแพ่ง-อาญามีนบุรี 782 ล้านบาท เจออีก 2 เอกชนเครือข่ายคว้างานรัฐ ยอดรวมกวาดงานรัฐพุ่ง 23 สัญญา 8 พันล้านบาท

ปมร้อน “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” บริษัทเครือข่าย “รัฐวิสาหกิจจีน” ที่เข้ามาเป็นหนึ่งใน “กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี” ร่วมกับ “อิตาเลียนไทยฯ” กำลังถูกตรวจสอบอย่างหนักจากภาครัฐ และถูกตั้งคำถามจากภาคประชาชน ภายหลังเป็นผู้ชนะการประมูลก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ มูลค่ากว่า 2.1 พันล้านบาท แต่ยังไม่ทันสร้างเสร็จ อาคารแห่งนี้กลับถล่มลงยับเยิน หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อ 28 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้คนงานนับร้อยต้องติดภายใต้ซากปรักหักพัง มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ รวมถึงผู้สูญหายจำนวนมาก

ปัจจุบันเรื่องนี้กำลังถูกตรวจสอบจาก คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งขึ้น รวมถึงคณะกรรมการตรวจสอบฯ ของกระทรวงมหาดไทยที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย แต่งตั้ง โดยขีดเส้นดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ซึ่งหมายความว่า จะทราบผลไม่เกินสัปดาห์หน้า

ล่าสุด พบว่า ในปีงบประมาณ 2565 "ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" ยังเข้าเป็น "กิจการร่วมค้า" และคว้างานรัฐ โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลแพ่งมีนบุรีและศาลอาญามีนบุรี พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงิน 782,666,000 บาท โดยสำนักงานศาลยุติธรรม โดยมี กิจการร่วมค้า เอ ซี คอนสตรัคชั่น เป็นผู้ชนะการเสนอราคา

เท่ากับว่า ยอดรวมขณะนี้ที่ "ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" ในฐานะ "กิจการร่วมค้า" เป็นคู่สัญญาหน่วยงานรัฐอย่างน้อย 15 สัญญา รวมวงเงินไม่ต่ำกว่า 8,014,764,777 บาท หรือราว 8 พันล้านบาท

กรุงเทพธุรกิจ รายงานก่อนหน้านี้ว่า "ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" ใช้โมเดลธุรกิจในลักษณะเป็น “กิจการร่วมค้า” กับเอกชนรายอื่น ๆ โดยเริ่มจากเข้าไป “ซื้อซอง” เอกสารการประมูลงานรัฐ แต่ไม่ได้เข้าร่วม “ยื่นซอง” หรือ “ยื่นเสนอราคา” แต่กลับไปดีลกับเอกชนไทยที่ “ทุนหนา” เพื่อเข้าร่วมเป็น “กิจการร่วมค้า” ดำเนินการ “ยื่นซอง” ประมูลแทน 

นับตั้งแต่ปี 2561 ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเป็นต้นมา พบว่า “กิจการร่วมค้า” ที่มี “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” เริ่มจากประมูลงานรัฐขนาดกลาง วงเงินราว 100 ล้านบาทขึ้นไป จนถึงงานขนาดใหญ่หลัก 300-500 ล้านบาท จนมาถึงงานระดับสัมปทานรัฐหลัก 1 พันล้านบาท

จากการสืบค้นข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 (ดำเนินการ ต.ค. 2561 เป็นต้นไป) จนถึงปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 2567 เป็นต้นไป) พบว่า “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” เข้าเป็นกิจการร่วมค้า และคว้างานประมูลภาครัฐไปแล้วอย่างน้อย 14 แห่ง  (รวมสร้างตึก สตง.) ระหว่างปีงบประมาณ 2562-2565 มูลค่ารวม 7,232,098,777 บาท หรือราว 7.2 พันล้านบาท

นอกจาก “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” แล้ว ยังมีบริษัทที่ปรากฏชื่อคนไทย 3 คน ทั้ง โสภณ มีชัย มานัส ศรีอนันท์ และประจวบ ศิริเขตร อย่างน้อย 2 แห่ง เข้าไปจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วย ได้แก่

บริษัท เอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีมานัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 52.1% ประจวบ ศิริเขตร ถือหุ้น 27.9% และบิงลิน วู สัญชาติจีน ถือหุ้น 20% โดยเป็นคู่สัญญากับภาครัฐกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) อย่างน้อย 3 สัญญา วงเงินรวม 69,259,388 บาท

บริษัท สันติภาพ อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต จำกัด มีประจวบ ศิริเขตร เถือหุ้น 10% มานัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 48% บิงลิน วู สัญชาติจีน ถือหุ้น 42% โดยเป็นคู่สัญญารัฐกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในการจ้างเหมาซ่อมรถยนต์ของทางราชการ อย่างน้อย 6 สัญญา รวมวงเงิน 341,489 บาท

หากนับรวมทั้ง 3 บริษัทในเครือ ทั้ง “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” พร้อมด้วย บริษัท เอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท สันติภาพ อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต จำกัด เท่ากับว่าจะเป็นคู่สัญญารัฐอย่างน้อย 23 รายการ รวมวงเงินไม่ต่ำกว่า 8,084,365,654 บาท

'ไชน่า เรลเวย์' ได้งานสร้างศาลมีนบุรี 782 ล. ยอดรวมพุ่ง 8 พันล้าน

อนึ่ง จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า "ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" เข้าร่วมซื้อเอกสาร (ซื้อซอง) ประมูลงาน ประกวดราคาหลายสิบสัญญา แต่ไม่พบข้อมูลว่า ได้เข้าร่วมกิจการร่วมค้าใด และชนะประมูลงานเพิ่มหรือไม่ ยกตัวอย่าง การประมูลโครงการจ้างก่อสร้างอาคารปฏิบัติการควบคุมการประมงพร้อมอาคารประกอบ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 1 แห่ง ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เมื่อปีงบประมาณ 2562 พบว่าบริษัทในเครือข่ายอย่าง บริษัท สันติภาพ อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต จำกัด ได้เข้าร่วมซื้อเอกสาร (ซื้อซอง) ประมูลด้วย

นอกจากนี้ในการประมูลดังกล่าวยังปรากฎชื่อ กิจการร่วมค้า CCS (CHO-CREC-SUNTIPHAB CONSTRUCTION) เข้าซื้อเอกสาร (ซื้อซอง) และได้ยื่นเสนอราคา "ยื่นซอง" ด้วย อย่างไรก็ดีผู้ชนะการเสนอราคาคือ กิจการร่วมค้า ทีซี ซินเนอยี ที่เสนอราคาต่ำสุด 251,275,800 บาท ซึ่งไม่มีข้อมูลว่า กิจการร่วมค้าแห่งดังกล่าว มีบริษัทใดร่วมกันบ้าง