เทียบคดี‘โรฮิงญา’ถึง‘อุยกูร์’ ล็อกเป้า‘วีซ่า’เข้าสหรัฐฯ

เทียบคดี‘โรฮิงญา’ถึง‘อุยกูร์’   ล็อกเป้า‘วีซ่า’เข้าสหรัฐฯ

นาทีนี้คงต้องรอดูว่า รัฐบาลไทยมีแผนรับมือมาตรการแซงชั่น และการจำกัดวีซ่าสหรัฐฯ ต่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับวีรกรรมส่ง 40 อุยกูร์กลับจีนในทิศทางใด  

KEY

POINTS

  • สภาความมั่นคงแห่งชาติ ประเมิน รัฐบาลไทบ จะถูกมาตรการแซงชั่นตอบโต้กรณีส่ง 40 ชาวอุยกูร์กลับจีน หลังสภายุโรปรุมประณามละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ
  • รมว.การต่างประเทศ เร่งเจรจาทางลับ ทั้งสหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศยุโรป องค์การสหประชาชาติ

จับตา ไทยอาจถูกลดอันดับการรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2568 (TIP Report) ที่จะประกาศประมาณเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับ Tier 2

และไทยอาจถูกติด “ใบเหลือง” การทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือไอยูยูอีกครั้ง

เหตุเมื่อ 29 พ.ย.2567 เรือประมงไทย จำนวน 15 ลำ มีบางลำรุกล้ำน่านน้ำเมียนมา ออกไปจับสัตว์น้ำ จ.ระนอง จนถูกเรือรบเมียนมายิง มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต อีกทั้งยังพบแรงงานเมียนมาผิดกฎหมายบนเรือประมงไทย

มาตรการแซงชั่นตอบโต้รัฐบาลไทย กรณีส่ง 40 ชาวอุยกูร์กลับจีน ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ซึ่งมี “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะ มีการประเมินผลลัพธ์ที่จะตามมา

หลังสภายุโรปรุมประณามไทยละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ ภายใต้หลักการไม่ส่งกลับ (Non-refoulement) และอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานฯ และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย

แม้ “ภูมิธรรม”จะใช้เวทีศึกซักฟอก ยกหลักฐานมาค้ำยัน 40 ชาวอุยกูร์สมัครใจกลับจีน ไม่ได้ถูกบีบบังคับ และมีความเป็นอยู่ปลอดภัย ตอบโต้ข้อมูล “กัณวีร์ สืบแสง” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม

ขณะที่ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รมว.การต่างประเทศ เปิดเผยว่า เร่งเจรจาทางลับ ทั้งสหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศยุโรป องค์การสหประชาชาติ โดยชี้แจงเหตุผลความจำเป็นของรัฐบาลไทย หวังยื้อมาตรการแซงชั่น และการจำกัดวีซ่าของสหรัฐต่อเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการรัฐบาลไทย ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาส่งกลับ 40 ชาวอุยกูร์กลับจีน ทำด้วยความโปร่งใส ถูกต้อง ยึดหลักสากลทุกประการ

ย้อนไปเมื่อปี 2558 มีคดีใหญ่ หลังทางการไทยขุดค้นพบร่างชาวโรฮิงญาจากเมียนมา และบังกลาเทศ หลายสิบศพบนเทือกเขาแก้ว จ.สงขลา ซึ่งถูกใช้เป็นค่ายกักขังก่อนส่งไปประเทศที่สาม

มีการสืบสวนขยายผลไปสู่ขบวนการค้ามนุษย์ พบการเชื่อมโยงบุคคลทั้งข้าราชการระดับสูง นักการเมืองท้องถิ่น และนายหน้าจากเมียนมา โดยบุคคลสำคัญในกองทัพ คือ พล.ท. มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (ยศและตำแหน่งขณะนั้น)

ตำรวจส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการ ต่อมาพนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์เป็นโจทก์ฟ้องข้าราชการ และพลเรือนเป็นจำเลยที่ 1-103 ในความผิด 16 ข้อหา ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฯ พ.ศ. 2551 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ พ.ศ. 2546

นอกจากนี้ อัยการคดีพิเศษยังได้เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ท.มนัส และจำเลยอื่น ๆ อีกรวม 54 คน ในความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

ต่อมาศาลตัดสินสั่งจำคุก พล.ท.มนัส คดีค้ามนุษย์และฟอกเงินเป็นเวลา 40 ปี และ 82 ปี ตามลำดับ และในระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำ พล.ท.มนัส เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย

ทันทีที่ พล.ท.มนัส ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดคดีค้ามนุษย์และฟอกเงิน ส่งผลให้ทหารไทย ถูกสหรัฐอเมริกาปฏิเสธวีซ่าเข้าประเทศยกค่าย ไม่สามารถเดินทางไปฝึก หรืออบรมหลักสูตรต่างๆได้ หลังถูกตรวจพบว่าเคยรับราชการ และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาในช่วง พล.ท.มนัส เป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 จ.สงขลา ค่ายเสนาณรงค์ อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา

รวมไปถึงผู้บัญชาการจังหวัดทหารบกชุมพร ที่เคยดำรงตำแหน่ง ผอ.รมน.ส่วนแยก 1 ระนอง (ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ส่วนแยกที่ 1 จ.ระนอง) ที่รับผิดชอบการแก้ปัญหาชาวโรฮิงญา

มารอบนี้ ทหาร“รอด” เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาส่ง 40 ชาวอุยกูร์กลับจีน แม้ก่อนหน้านั้น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทยจะเดินทางพบ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.เพื่อขอให้ช่วยเจรจาชะลอการส่งตัว แต่ช้าเกินไป เพราะรัฐบาลไทยตัดสินใจไปแล้ว

คาดว่าเจ้าหน้าที่สังกัดหน่วยงานราชการไทย มีโอกาสสูงที่จะถูกจำกัดวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกา ทั้ง สมช. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม

นาทีนี้คงต้องรอดูว่า รัฐบาลไทยมีแผนรับมือมาตรการแซงชั่น และการจำกัดวีซ่าสหรัฐฯ ต่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับวีรกรรมส่ง 40 อุยกูร์กลับจีนในทิศทางใด