‘จรัญ’ มองศาล รธน.สอบ 2 รมต.ปมเลือก สว. เชื่อปลายทางอาจไม่มีอะไร

‘จรัญ’ มองศาล รธน.รับคำร้องถอด ‘ภูมิธรรม-ทวี’ ปมแทรกแซงสอบฮั้วเลือก สว. เชื่อแค่บลัฟกันไปมา ไม่ถึงเลือดตกยางออก การไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ปลายทางอาจไม่มีอะไร
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2568 นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์รับคำร้องถอดถอนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี กรณีถูก 92 สว.ยื่นคำร้องกล่าวหาว่า มีพฤติการณ์แทรกแซง ครอบงำองค์กรอิสระที่เกี่ยวกับการเลือก สว. โดยกล่าวหาว่ามีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อย่างไรก็ดีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์เช่นกันว่า ยังไม่สั่งให้ทั้ง 2 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว
นายจรัญ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นกรณีบลัฟกันไปกันมา หมายความว่า ไม่ถึงตาย ไม่ถึงเลือดตกยางออกหรอก การที่ 92 สว.ทำเรื่องนี้เข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ ถือว่าเก่ง ไม่ใช่ง่ายเหมือนกัน หาช่องทางที่ศาลตีตกตั้งแต่ต้นไม่ได้ เพราะว่าเขาใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) และมาตรา 160 (4) (5) มาประกอบมาตรา 82 วรรคสอง วรรคสาม ตนว่า สว.กลุ่มนี้แตกฉาน กระบวนการยุติธรรมทางรัฐธรรมนูญมากเลย
นายจรัญ กล่าวอีกว่า ตอนแรกนึกว่าท่านน่าจะไปไหน ไปช่องทางผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือ กกต.อะไรบ้าง แต่ท่านส่งเข้ามาที่ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่ออ่านคำสั่งรับคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งมา ตนว่ามันตรงเป๊ะ ตรงตามกฎหมายล็อค ไม่มีทางที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตีตกตั้งแต่ต้นเลย ท่านก็ให้เหตุผล เป็นหลักการ
1.ตัวศาลเองจะมีหน้าที่อำนาจเฉพาะ ที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายให้อำนาจไว้ เรื่องไหนรัฐธรรมนูญและกฎหมายไม่บัญญัติให้ไว้รับไว้ได้ แต่เรื่องนี้อยู่ในหน้าที่และอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
2.ผู้เสนอเรื่องต้องอยู่ในฐานะเสนอเรื่องได้ตามกฎหมาย แล้ว 92 สว.เขาตรงเลย ไม่ต้อง 92 คนหรอก 20 คนก็ใช้ได้แล้ว เพราะรัฐธรรมนูญเขียนว่าไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 นี่มีมา 92 คนเกินเกณฑ์กฎหมายบังคับไว้ เพราะฉะนั้นตนคิดว่าศาลต้องรับไว้ถูกแล้ว
แต่ถามว่าแล้วจะไม่ดูในรายละเอียด เนื้อหา จะใช่หรือไม่ เราก็รู้ว่าในชั้นยื่นและรับคำร้องหรือไม่ จะก้าวล่วงไปตรวจสอบเนื้อหารายละเอียดไม่ได้ ดูเฉพาะเขตอำนาจของศาล และฐานะของผู้ร้องเข้ามาถูกช่องทาง ถ้าเข้ามาถูกต้องรับไว้ก่อน ทั้งนี้เมื่อรับแล้วก็เป็นไปตามครรลอง ส่งให้ผู้ถูกร้องได้ยื่นคำให้การ โต้แย้งได้ ฟังความทั้ง 2 ฝ่ายให้รอบด้าน เป็นไปตามครรลอง ไม่มีอะไรผิดปกติ
เมื่อถามว่า ประเด็นหลักในคำร้องคือกล่าวหานายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี แทรกแซง ครอบงำ กกต. นายจรัญ กล่าวว่า ก็ใช่ แต่ตัวนี้ไปครอบงำ ไปแทรกแซง กกต.เป็นเพียงข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา แต่ข้อหาคือไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นั่นแหละข้อหา ซึ่งข้อหานี้เริ่มตั้งแต่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพราะอะไร เพราะไปก้าวก่ายแทรกแซงการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระ ที่ทำหน้าที่สำคัญในการคนกลางอย่างแท้จริงในกระบวนการแข่งขันทางการเมือง แต่จะใช่หรือไม่ เพราะไม่เคยมีบรรทัดฐานมาว่า การกระทำอย่านี้มีเจตนาอย่างนั้นจริงหรือไม่ เพราะเรื่องความซื่อสัตย์ต้องพิจารณาองค์ประกอบภายในด้านจิตใจด้วย
ซักอีกว่า นายภูมิธรรม พ.ต.อ.ทวี และดีเอสไอ แยกคดีฮั้วเลือก สว.เป็น 2 ส่วน ส่วนกระบวนการเลือก สว.เป็นหน้าที่ กกต. ขณะที่คดีฟอกเงิน ดีเอสไอรับดำเนินการ ถ้าเป็นแบบนี้ผู้ถูกร้องทั้ง 2 คนมีโอกาสรอดพ้นข้อกล่าวหาหรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ที่แรงกว่าฟอกเงินคือ จะไปดำเนินคดีเรื่องอั้งยี่ ซ่องโจร โดยเฉพาะอั้งยี่ โอ้โห คนไม่เห็นด้วยกันจำนวนมากเลย ตามกฎหมายบอกว่า แบบนี้มันไม่ใช่ อั้งยี่ ซ่องโจร มันมีประวัติความเป็นมาว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองใช้เป็นข้ออ้างไปรุกรานประชาชนเขา จนกระทั่งปัจจุบันทางตำรวจไม่จำเป็น ไม่ชัดเจนจริง ๆ เขาก็ไม่เอาข้อหานี้มาใช้ เพราะเลื่อนลอยมาก แล้วองค์ประกอบอั้งยี่กว้างขวางมาก ใช้กับอะไร ๆ ก็ได้ คนตีความถึงขนาด 2 คนก็เป็นองค์กรลับ เป็นอั้งยี่ได้ มันจะไปกันใหญ่
นายจรัญ กล่าวว่า อย่างไรก็ดีตรงนั้นว่าเขาไม่ได้ เพราะเขาทำตามขั้นตอนว่า ต้องขอความเห็นชอบมติของคณะกรรมการคดีพิเศษ โดยมติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนที่มีทั้งหมด แต่เมื่อขอแล้วคณะกรรมการฯ ไม่ได้มติถึง 2 ใน 3 ข้อหานั้นก็ตกไป พอตกไป เขาก็ขอในหลักการเดิมของเขาว่า ถ้าเป็นคดีเกี่ยวกับการทำหน้าที่ฮั้วการเลือก สว.เขาไม่ยุ่ง เพราะเป็นหน้าที่เฉพาะของ กกต. แต่มันมีมูลเป็นความผิดฐานฟอกเงิน เขาก็มีหลักฐาน มีคนไปร้อง และมีหลักฐานเบื้องต้น มีการจ่าย ใบอะไร เขาก็เรื่องฟอกเงิน เป็นหน้าที่อยู่ในขอบอำนาจหน้าที่ของดีเอสไออยู่แล้ว ความจริงก็ไม่ต้องขอมติคณะกรรมการฯ แต่เพื่อความมั่นใจ ก็ขอมติได้เกินกึ่งหนึ่ง ดังนั้นจะว่าไปเจตนาแทรกแซงกระบวนการเลือก สว.ก็ยังไม่ชัด
เมื่อถามว่า แสดงว่ามูลเหตุวินิจฉัยแทรกแซง ครอบงำองค์กรอิสระอาจเบาลงก็ได้ เพราะไม่ได้ยุ่งฮั้วเลือก สว. นายจรัญ กล่าวว่า อีกประการหนึ่ง เขาก็ยังไม่ได้ลงมือทำ เขาเพียงแต่ขอมติคณะกรรมการคดีพิเศษ อนุมัติให้เขาทำได้ แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับการเข้าไปทำคดีฟอกเงิน แล้วกดดัน กกต.อะไร เพราะฉะนั้นในเบื้องต้นศาลรัฐธรรมนูญสั่งรับคำร้องแล้ว ท่านจึงมีมติเอกฉันท์ว่ายังไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่ากระทำผิดจริงตามคำร้อง จึงไม่ใช้วิธีชั่วคราวให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน นี่เป็นเหตุผลที่ตนก็เห็นว่า ท่านมองละเอียด และเป็นแนวให้เราคาดหวังได้ว่า ออกมาจริง ๆ แล้วปลายทางก็อาจไม่มีอะไรมากนัก เว้นแต่เรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม เพราะว่ามาตรฐานจริยธรรมละเอียดมาก ยิ่งกว่าความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ซักว่า ประเด็นการวิจารณ์เรื่องอั้งยี่ซ่องโจร ข้อหาครอบจักรวาลลอยไปลอยมา ดุลพินิจเกี่ยวข้องเยอะ เรื่องจริยธรรมก็ครอบจักรวาล ลอยไปลอยมา มีดุลพินิจกำหนดเยอะเหมือนกัน มองอย่างไร นายจรัญ กล่าวว่า ใช่ ตนจึงไม่ค่อยห่วงเรื่องข้อหาไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ดูแล้วดีเอสไอท่านระมัดระวัง ท่านไม่ได้บุ่มบ่ามทำอะไรไปเลย แต่เรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โอ้โห มันละเอียด ครอบงำไปหมดเลย ไม่ได้ดูข้อมูลในคำร้องแท้ ๆ ยังไม่ได้ดูเอกสาร พยานหลักฐาน เราก็คาดการณ์ไม่ได้หรอก
เมื่อถามทิ้งท้ายว่า สุดท้ายทั้ง 2 คนอาจหลุดก็ได้ นายจรัญ กล่าวว่า เป็นการคาดคะเนส่วนตัวของตน