สว.สำรอง ค้านคำวินิจฉัย กกต.ไม่พักงาน 'แสวง' ปล่อยฮั้วเลือก สว.

สว.สำรอง ค้านคำวินิจฉัย กกต.ไม่พักงาน 'แสวง' ปล่อยฮั้วเลือก สว.

กลุ่ม สว.สำรอง บุก กกต.อีกรอบ ยื่นค้านคำวินิจฉัยไม่เอาผิด-พักงาน 'แสวง บุญมี' ปมไม่ระงับฮั้วเลือก สว. ปล่อยผู้สมัครกำโพยเข้าคูหา

เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลุ่ม สว.สำรอง จำนวนหนึ่งนำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกถึงประธาน กกต.เพิ่มเติม ขอให้ทบทวนคำวินิจฉัย กกต.ที่ 5/2568 ลงวันที่ 6 ม.ค.2568 เรื่องการเลือก สว.ระดับประเทศ ขอให้นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเปิดทางให้มีการสอบสวนไต่สวน กรณีการเลือก สว.ระดับประเทศ ส่อมีการทุจริต ในขณะที่ผู้ตรวจการเลือกตั้งได้แจ้งว่าพบเหตุทุจริตต่อนายแสวง แต่นายแสวง กลับเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้ง 

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เหตุที่ต้องคัดค้านคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากในท้ายคำสั่งอ้างว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่ 26 มิ.ย.2567 ตามที่ พ.ต.อ.มนัส นครศรี ผู้ตรวจการเลือกตั้งจังหวัดสมุทรปราการ ที่กล่าวอ้างว่า มีผู้นำข้อมูลมาแจ้งมีข้อมูลเมื่อเช้าในวันที่ 26 มิ.ย.2568 นั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกัน และอ้างว่าผู้ที่มาแจ้งไม่มีความเข้าใจ ว่าเรื่องนั้นเป็นความผิดหรือไม่ เลยไม่ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งในวันนั้น แต่นำมาแจ้งต่อพ.ต.อ.มนัส ภายหลังเพื่อให้สอดคล้องที่นายมนัสได้รายงานในวันที่ 28 มิ.ย.2568 ซึ่งคำวินิจฉัยของกกต.ในท่อนนั้น ระบุว่าได้มีการสอบปากคำผู้ร้องที่เป็นผู้หญิงที่ระบุว่าได้แจ้งต่อพ.ต.อ.มนัส ไว้แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ตรวจสอบไปยังผู้หญิงรายดังกล่าว เขายืนยันว่าตั้งแต่การเลือกสว. ครั้งที่ผ่านมา ไม่มีเจ้าหน้าที่กกต.แม้แต่คนเดียว ไปสอบปากคำเขา ดังนั้นกรณีที่กกต.อ้างว่าต่อปากคำหญิงรายดังกล่าวแล้ว จึงเป็นการกล่าวอ้างเป็นเท็จ

สว.สำรอง ค้านคำวินิจฉัย กกต.ไม่พักงาน 'แสวง' ปล่อยฮั้วเลือก สว.

ประเด็นที่ 2 กกต.อ้างว่าไม่มีอำนาจในการห้ามไม่ให้คนเอาสมุดสว. 3 เข้าไป เนื่องจากมีคำสั่งศาลปกครองกำกับไว้ แต่ที่จริงมันก็เคยมีคำสั่งศาลอาญาทุจริตออกมาแล้วแต่ไม่มีการนำมาพูดว่ากกต. สามารถห้ามได้หากมีเหตุ ดังนั้นสิ่งที่กกต.พูด เป็นเพียงข้ออ้างว่าไม่มีอำนาจในการห้าม อีกครั้งเนื้อหาสาระสำคัญในคำสั่งกกต.ดังกล่าว ยังได้สรุปว่าคณะกรรมการไต่สวน ได้พยายามสอบปากคำหญิงสาวที่อ้างว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลตอบพ.ต.อ.มนัส โดยกกต.ได้ทำหนังสือถึง 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2567 และ 3 ก.ย.2567 แต่ผู้หญิงรายดังกล่าวไม่ได้มาให้ถ้อยคำเลย จากเหตุผลข้อนี้เท่ากับว่าไปขัดแย้งกับเหตุผลก่อนหน้านี้ระบุว่า ได้สอบสวนผู้หญิงราวดังกล่าวแล้ว แน่นอนว่าสอดคล้องกับที่ตนได้สอบถามผู้หญิงอะไรดังกล่าว ซึ่งเขายอมรับว่าไม่ได้ไปให้การกับกกต.จริงๆ เพราะไม่ไว้ใจคณะกรรมการชุดนี้ จึงไม่ได้ไปให้ข้อมูล

"สุดท้ายในหนังสือของกกต.ก็ไปสรุปเอาดื้อๆ ว่าตามข้อกล่าวอ้างทั้งหมดไม่มีพยานหลักฐานมาประกอบ มีเพียงคำให้การของพ.ต.อ.มนัส ซึ่งเป็นคำสันนิษฐานเอาเอง มีน้ำหนักน้อย จึงไม่ถือว่านายแสวง มีความผิดตามมาตรา 92 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยกกต. ซึ่งข้อสรุปนี้ขัดแย้งกับสิ่งที่พ.ต.อ.มนัส ได้รายงานมาโดยตลอด" พล.ต.ท.คำรบ กล่าว

สว.สำรอง ค้านคำวินิจฉัย กกต.ไม่พักงาน 'แสวง' ปล่อยฮั้วเลือก สว.

ขณะที่ พ.ต.อ.มนัส กล่าวว่า ตนในฐานะผู้ตรวจการเลือกตั้งจังหวัดสมุทร และเป็นอดีตพนักงานสอบสวน มา 30 กว่าปี การจะทำอะไรต้องมีหลักฐาน ดังนั้นยืนยันว่าสิ่งที่พล.ต.ท.คำรบ ระบุไว้ยืนยันว่าเป็นความจริง ดังนั้นในวันนี้ตนจึงได้ยื่นหนังสือโต้แย้งคำวินิจฉัยของกกต.ที่ 5/2568 โดยสิ่งที่อยากจะขอยืนยันก่อนวันที่ 26 มิ.ย.2567 ตนได้รับข้อมูลเบาะแสว่าจะมีการฮั้วเกิดขึ้นในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลจากแหล่งข่าว ซึ่งตอนนั้นตนเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งจังหวัดสมุทรปราการซึ่งจะหมดวาระการทำหน้าที่ในวันที่ 25 มิ.ย.2568 แต่ในวันนั้นตนได้แชร์ข้อมูลที่ได้รับไปยังผู้ตรวจการเลือกตั้งอีกคน ซึ่งบังเอิญเป็นเพื่อนกับนายแสวง เพื่อจะได้ส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับนายแสวง เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับคณะสืบสวนกกต. จากนั้นเรา 2 ชั่วโมงต่อมา นายแสวง ได้สั่งการให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งจังหวัดสมุทรปราการ กทม. ปทุมธานี ให้มาช่วยปฏิบัติหน้าที่ดูแลการเลือกสว.ระดับประเทศ ที่เมืองทองธานี ในวันที่ 26 มิ.ย.2567

พ.ต.อ.มนัส กล่าวอีกว่า ต่อมาในช่วงเวลา 08:10น. ในวันที่ 26 มิ.ย.2567 ตนเข้าไปยังสถานที่เลือกได้เจอผู้สมัครหญิงรายหนึ่งบอกข้อมูลสำคัญว่าจะมีการเขียนโพยฮั้วที่มีลักษณะเหมือนโพยจัดตั้งในสมุดสว. 3 จึงขอให้กกตกกต.เก็บสมุดสว. 3 เล่มแรก ไม่ให้นำเข้าไปในการเลือกรอบไขว้ ตนจึงนำข้อมูลดังกล่าวแจ้งไปยังนายแสวง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว แต่เลขากกต.กลับบอกว่า "รู้แล้ว แต่ทำอะไรเขาไม่ได้ปล่อยให้เขานำสมุดสว. 3 เข้าไปในรอบไขว้" นี่คือคำพูดที่ตนได้เขียนไปในรายงานผู้ตรวจการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2567 ย้ำว่าตนได้รับรายงานเวลา 08:10 น. และรายงานต่อในแสวง ในเวลา 08:29 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาห่างกันเพียงไม่นาน ตนจะโกหกได้อย่างไร ยืนยันว่าตนไม่ได้โกหก ทำด้วยความสุจริต เพื่ออยากให้การเลือกสว.เกิดความสุจริตเที่ยงธรรม แต่ก็คิดในใจว่าเป็นหน้าที่ของผอ.การเลือกสว. ระดับประเทศซึ่งอาจจะไปแจ้งต่อประธานกกต.ต่อไป หรือน่าจะมีคำสั่งอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็เงียบ จนมีผู้สมัครที่เห็นความไม่ชอบมาหากลออกมาส่งเสียง จนกกต.เรียกประชุมและไม่ให้นำสมุดสว. 3 เข้า 

"ดังนั้นนายแสวง ต้องพิจารณาตัวเองว่าผิดต่อหน้าหรือไม่ เพราะตัวเองเป็นผอ.เลือกสว. ในประเทศ เมื่อได้รับข้อมูลข่าวสาร พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. มาตรา 59 ต้องมีหน้าที่ไปแจ้งต่อประธานกกต.ทราบ นี่เป็นหน้าที่โดยตรงแต่ก็ไม่ทำ จนกระทั่งมีการโวยขึ้นมาจึงทำตอนหลัง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น และเมื่อมาดูถ้อยคำที่ระบุในคำวินิจฉัย กลับบอกว่าผมสันนิษฐานเหมือนกับผมมั่ว คาดเดาเอาเอง" พ.ต.อ.มนัส กล่าว

พ.ต.อ.มนัส ได้โชว์ภาพการส่งหลักฐานผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ที่ประกอบข้อมูลเป็นเอกสารลับคำให้การ และเป็นข้อมูลเดียวกันส่งให้ที่ตนได้ส่งให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งอีกคนส่งต่อให้นายแสวง ตามที่อธิบายไปข้างต้น เพราะฉะนั้นยืนยันว่าตนไม่ได้มั่ว ไม่ใช่ข้อสันนิษฐานส่วนตัว ย้ำว่าตนเป็นพนักงานสอบสวนมาก่อนจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิด ในการเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งถ้าเขียนรายงานเท็จตนก็จะผิดตามกฎหมาย ดังนั้นตนมั่วไม่ได้ ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อประชาชนและกกต. ไม่ได้ทำเพื่อสว.ทั้งหลาย ทางนี้ก็ทำให้การเลือกสว.ครั้งนี้เป็นไปด้วยความทุจริตเที่ยงธรรม

เมื่อถามว่าทำไมถึงต้องการเรียกร้องให้มีการเปิดหีบเลือกสว.นั้น พล.ต.ท.คํารบ กล่าวว่า คาดว่าน่าจะพบพิรุธในทุกกล่องเนื่องจาก จะมีบัตรที่โหวตเป็นรูปแบบเดียวกันให้กับอีกกลุ่ม อย่างน้อยทุกกล่องน่าจะต้องมีประมาณ2 ถึง3ชุดหรือประมาณ 20 ถึง 30 ใบ ถึงจะสอดคล้องกับคะแนนที่ออกมา แล้วตนเชื่อว่าถ้าเปิดหีบออกมาก็จะเป็นแบบที่ตนว่า