เปิดฉากรบ เกมโค่น ‘ทักษิณ’ ปชน.ทิ้งไพ่‘ซักฟอก’ ชิงแต้ม ‘พท.’

พรรคประชาชนเปิดฉากรบผ่านญัตติซักฟอก ขึง "แพทองธาร ชินวัตร" พร้อมร่ายข้อกล่าวหาพาดพิงไปถึง "ทักษิณ ชินวัตร" เดินเกมหวังชิงแต้มนิยมทางการเมืองจากพรรคเพื่อไทย
KEY
POINTS
- ถอดรหัส “พรรคประชาชน” ผ่าน “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” เล่นบทขึงขังไม่ตัดชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" พ้นเนื้อหาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร
- “เท้ง ณัฐพงษ์” ถึงขั้นประเมินกรณีเลวร้ายที่สุดเขาอาจถูกตัดสิทธิทางการเมืองจากข้อกล่าวหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงก่อนเลือกตั้งใหญ่ปี 2570
- พรรคประชาชน วางหมากผ่านเกมซักฟอกนายกฯ เพื่อฉายภาพสู่สาธารณะว่า “แพทองธาร” ไร้คุณสมบัติขาดภาวะการเป็นผู้ทางการเมือง โดยมี “ทักษิณ”ชี้นำทางการเมือง
- ดิสเครดิตตัดแต้มคุณสมบัติการเป็นนายกฯ ทำลายความชอบธรรมทางการเมืองของ “แพทองธาร” ลดทอนคะแนนนิยมของ “ทักษิณ” รวมถึง "พรรคเพื่อไทย"
- เวทีซักฟอกถล่มเป้าใหญ่อย่าง “ทักษิณ” ทำให้ “พรรคประชาชน” มองโอกาสชิงเรตติ้ง และบั่นทอนความนิยม ผลงานที่จับต้องได้ของ “รัฐบาลแพทองธาร”
เปิดฉากรบ ล็อกเป้าเดี่ยว “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ผ่านการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 เพียงคนเดียว
หลังยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ 27 ก.พ. 2568 “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ประกาศท่าทีล่าสุด ไม่ยอมตัดชื่อและข้อกล่าวหาที่ดุเดือดพาดพิงถึงคนนอก อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี
แสดงให้เห็นว่า เกมนี้ “ฝ่ายค้าน” ที่ มี สส.ในสภามากที่สุด 143 เสียง เล่นบทขึงขัง วางเกมรบ ผู้มีอำนาจตัวจริงสูงสุดของ “พรรคเพื่อไทย” โดยตรง ต้องการสื่อให้สาธารณชนรับรู้ว่า "นายกฯ อิ๊งค์" ไม่ใช่ตัวจริง
แม้ "วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเล่นบทยกข้อบังคับการประชุมสภาฯ รวมถึงบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาทักท้วงฝ่ายค้าน ให้แก้ไขตัดชื่อ “ทักษิณ” ออก เพราะไม่ต้องการให้เลยเถิดไปจนกระทบต่อตัวประมุขนิติบัญญัติ ที่สุ่มเสี่ยงจะถูกฟ้องร้องให้ได้รับความเสียหาย จนอาจกลายเป็นบรรทัดฐานในอนาคตว่า หลังจากนี้ ไม่ว่าจะมีการยื่นญัตติซักฟอกเมื่อใด ก็จะหยิบยกชื่อคนนอกสภาฯ มาถล่มได้จนเป็นธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติ
จับท่าที “ณัฐพงษ์” ประกาศชัดตั้งแต่วันยื่นญัตติผ่านประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 แล้วว่า “ผมเชื่อว่าไม่ขัดต่อข้อบังคับฯ ใดๆ ถ้าบรรจุญัตติได้ตามนี้ เรายืนยันอยากให้มีการบรรจุญัตติได้ตามนี้ แปลว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะสามารถพูดถึงคุณทักษิณ ได้ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประเทศในปัจจุบัน”
ขณะที่ ประธานวันนอร์ ระบุในวันที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติว่า จะนำญัตตินี้ไปให้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามระเบียบข้อบังคับฯ โดยเฉพาะในเรื่องของรายชื่อของผู้ยื่นญัตติรวมทั้งเนื้อหาในตัวญัตติ จากนั้นจะแจ้งให้กับผู้นำฝ่ายค้านฯ ภายใน 7 วัน ว่าได้รับเรียบร้อย ถ้าแก้ไข มีอะไรประเด็นที่ต้องแก้ไขบ้าง ก็จะแจ้งภายใน 7 วัน
ล่าสุด มีการขีดเส้น หากฝ่ายค้านยังแก้ไขญัตติซักฟอกไม่แล้วเสร็จก่อน 19 มี.ค. 2568 ก็จะส่งผลกระทบต่อปฏิทินการเปิดประชุมสภาฯ เพื่อแสดงบทบาทของฝ่ายค้านก่อนปิดสมัยการประชุมรัฐสภา ในวันที่ 10 เม.ย. 2568
ถอดรหัส “พรรคประชาชน” (ปชน.) ที่ผ่านการให้สัมภาษณ์ของ “ณัฐพงษ์” ยังคงเล่นบทบาทไม่แก้ไขเนื้อหาในญัตติ
“การอภิปรายที่กล่าวถึงคนนอกสภาฯ สามารถทำได้ ถ้ามีเหตุจำเป็น เราอย่าไปเอ่ยถึงโดยไม่มีเหตุจำเป็น แล้วถ้ากรณีที่สมาชิกอภิปราย พาดพิงถึงคนนอก แล้วทำให้เกิดความเสียหาย คนรับผิดชอบคือตัวสมาชิกเอง ไม่ได้เกี่ยวกับตัวประธานรัฐสภาแต่อย่างใด”
เมื่อวิเคราะห์ท่าทีของ ปชน.ผ่าน “หัวหน้าเท้ง” ถึงการไม่แก้ไขตัดชื่อ “ทักษิณ” ออกก่อนหน้านี้
แน่นอนว่าสัญญาณนี้ต้องการเดินเกมรบ เปิดศึกกับ “พรรคเพื่อไทย” ซึ่งเป็นหัวหมู่แกนนำซีกรัฐบาลโดยตรง ที่มีการประกอบกำลังกันของพรรคการเมืองสายอนุรักษนิยม และชนชั้นนำจากสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แม้ “พรรคเพื่อไทย” จะออกมาปฏิเสธผ่านคีย์แมน หรือแกนนำพรรคหรือผู้นำสูงสุดของพรรคว่า ไม่ใช่ พรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ก็ตาม แต่เป็นพรรคที่ยืนอยู่จุดยืนประชาธิปไตยที่กินได้ผ่านโลกของทุนนิยมเสรีก็ตาม
ทว่า “ปชน.” ไม่สนจุดยืนนี้ การขึงชื่อ “ทักษิณ” ผ่านการยื่นญัตติออกเวทีให้ข่าวทั้งผ่านเวทีแถลงข่าว ให้สัมภาษณ์หน้าฉาก ประกาศชัดไม่เบนเป้า “ทักษิณ”ออกจากวิถีรบทางการเมืองผ่านเกมนิติบัญญัติ
แสดงให้เห็นว่า “พลพรรคก๊กส้ม” ต้องการชิงแต้มนิยมทางการเมืองเพิ่มขึ้น ผ่านการยื่นญัตติซักฟอกโดยพุ่งตรงไปที่ "ทักษิณ"
ขณะที่แกนนำ ปชน. อย่าง "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" สส.บัญชีรายชื่อ ล่าสุดระบุผ่านสื่อ ยอมรับมีความเป็นไปได้ที่จะตัดชื่อ "ทักษิณ" ออกจากเนื้อหาในญัตติซักฟอก
"ถ้าติดแค่ชื่อ คุณทักษิณ สำหรับผมก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทำได้ แก้ญัตติเป็นบิดา คนในครอบครัววงศ์วาน คนใกล้ตัวรอบตัวแทน เราไม่ได้คิดว่าชื่อคุณทักษิณเป็นเรื่องใหญ่"
อย่างไรก็ตาม แกนนำพรรค ปชน.ยังยืนยันคำเดิมว่า ในอดีตเคยมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยพาดพิงถึงบุคคลภายนอกและนิติบุคคลได้ โดยยกกรณี การอภิปรายถึง ราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี
ขณะที่ซีกพรรคร่วมรัฐบาลนำโดย "พรรคเพื่อไทย" รวมทั้ง "ประธานวันนอร์" ยืนยัน "พรรคประชาชน" ต้องตัดหรือแก้ไขเนื้อหาในญัตติซักฟอกที่พาดพิงถถึง "ทักษิณ"
กระทั่งผลการเจรจาของวิป 3 ฝ่าย เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2568 จบลงในระดับหนึ่ง "พรรคประชาชน" ยอมถอยด้วยการปรับแก้ไขเนื้อหาของญัตติ แต่ผลการเจรจาเรื่องกรอบเวลายังไม่ได้ข้อยุติ โดยฝ่ายค้านต่อรองขอเวลาอภิปราย 30 ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะกินเวลาอภิปรายถึง 3 วัน
ญัตติซักฟอกยังคงยืดเยื้อต่อไป โดยวิป 3 ฝ่ายจะนัดเคลียร์กรอบเวลาอีกครั้งในวันที่ 19 มี.ค.นี้ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่ากรอบเดิมที่จะเริ่มเปิดอภิปรายวันที่ 24 มี.ค. 2568 จะเป็นไปตามเดิมหรือไม่
"ผมคาดหวังว่าจะได้ข้อสรุป แต่ถ้ายังไม่ทัน ก็ยังพอมีกรอบเวลาอยู่ เรายังอยากเห็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นในสมัยนี้ ไม่อยากให้รัฐบาลเอาเรื่องกรอบวันและเวลามาทำให้เราเดินหน้าต่อไม่ได้" ณัฐพงษ์ ระบุ
ขณะที่ "แพทองธาร" ระบุถึงกรอบเวลา 30 ชั่วโมงว่า "ได้ค่ะ ความจริงวางแผนไว้แล้ว ถ้าอภิปรายก็ไปฟังอยู่แล้ว และคงอยู่ที่สภาฯ เพื่อเตรียมตัว และเตรียมคำตอบตามนั้นไป ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์"
กลายเป็นภาพสองฝ่ายรวมถึงประมุขนิติบัญญัติยังคงเล่นบทต่อรองกันไปมา จน ทำให้เกิดความหวาดระแวงสงสัยว่าจะมีการล้มญัตติซักฟอกหรือไม่
ทำให้ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ย้ำถึงเกมการต่อรองว่า "ในเมื่อตอนนี้ จะให้ปรับถ้อยคำเราก็ยอม เพราะฉะนั้นก็อยากจะเห็นรัฐบาลเปิดโอกาสให้พวกเราอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อย่างเต็มที่"
ต้องยอมรับว่าบทบาทผู้นำฝ่ายค้านฯ “ณัฐพงษ์” ยังมีกระแสความนิยมยังไม่เทียบเท่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล
ถึงแม้จะมีคะแนนนิยมจาก “นิด้าโพล” เมื่อปลายปี 2567 ประเมินถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ โดย “ณัฐพงษ์” ครองที่ 1 ร้อยละ 29.85 เหนือว่า “แพทองธาร” ร้อยละ 28.8
ขณะที่คะแนนนิยมของพรรคการเมือง “นิด้าโพล” สำรวจในครั้งเดียวกันว่า “พรรคประชาชน” มีคะแนนนิยมที่มาเป็นอันดับ 1 คือ ร้อยละ 37.3 เหนือว่า “พรรคเพื่อไทย” อันดับ 2 ร้อยละ 27.7
อีกทั้ง “ผู้นำฝ่ายค้านฯ” คนปัจจุบัน สุ่มเสี่ยงเผชิญชะตากรรมที่ไม่แน่นอนทางการเมืองว่าจะถููกตัดสิทธิตลอดชีพพ้นหน้าฉากทางการเมืองหรือไม่ ผ่านข้อกล่าวหาฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ว่ากันว่า “หัวหน้าเท้ง” ถึงขั้นประเมินว่า ตัวเขาเองคงไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2570 เพราะนั่งนับไทม์ไลน์และเกมของปีกการเมืองตรงข้ามแล้ว เป็นไปได้ว่า “ณัฐพงษ์” อาจถูกตัดสิทธิทางการเมืองอย่างไวที่สุดก่อนมีการเลือกตั้งใหญ่ปี 2570
ทำให้ต้องเลือกเล่นบทผ่านเกมซักฟอกนายกฯ โดยแสดงให้สาธารณชนเห็นภาพชัดว่า “แพทองธาร” ไร้คุณสมบัติขาดภาวะการเป็นผู้ทางการเมือง ภายใต้บริบท มี “ทักษิณ” เป็นบิดาชักใยชี้นำอยู่เบื้องหลังทางการเมืองมาโดยตลอด
การดิสเครดิตตัดแต้มคุณสมบัติการเป็นนายกฯ ก็เพื่อทำลายความชอบธรรมทางการเมืองของ “แพทองธาร” รวมถึงลดทอนคะแนนนิยมของ “ทักษิณ” ในทางการเมือง
20 ล้านเสียง คือการตั้งเป้าคะแนนเสียงของ "พรรคประชาชน" ที่ "เท้ง ณัฐพงษ์" ประเมินในทางลับว่า การเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า มีโอกาสเดินไปถึงได้ จากผู้มาใช้สิทธิเฉลี่ยสูงสุด 40 ล้านเสียง จากคะแนนบัญชีรายชื่อ ปี 2566 ที่ พรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้ง 14 ล้านเสียง เกมนี้จึงจำเป็นต้องใช้เวทีซักฟอกถล่มข้อกล่าวหาไปที่ 2 นายกฯ ชินวัตร
เพราะหากไม่ใช้เวทีนี้ถล่มไปที่เป้าใหญ่ทางการเมืองอย่าง “ทักษิณ” ก็จะทำให้ “พรรคประชาชน” พลาดโอกาสในการชิงเรตติ้งเพิ่มขึ้นในห้วงที่ “รัฐบาลแพทองธาร”กำลังเผชิญความท้าทายในการเรียกคะแนนนิยมทางการเมืองผ่านนโยบายเรือธงที่จับต้องได้







