‘ฮั้วสว.-ซักฟอก’ เขย่าสมการ ฉาก‘เชือดสีน้ำเงิน’- 'พท.-ปชน.'หัก-ฮั้ว

ทุกย่างก้าวทางการเมืองชั่วโมงนี้ ต้องจับตาหลายฉากหลายตอนที่ยังคงสะท้อนภาพของการเปิดโหมดวัดพลังทางดุลอำนาจที่ต่างฝ่ายต่างถือในมือ
KEY
POINTS
- ประเด็นสอบ“โพยฮั้วสว.” ที่เห็นช็อตการเปิดฉาก “นิติสงคราม” เอาคืนกันไปมาระหว่าง“แดง-น้ำเงิน” ผ่านสงครามตัวแทน
- เส้นตาย3เดือนกับตัวเลข “20สว.” ที่อาจถูกเชือดตามที่ “ทวี” ระบุ ดันไปใกล้เคียงกับสมการ “ดูด-ล้าง” สว.สายสีน้ำเงิน “พลิกเกมโหวต” ในสภาฯ ซึ่งคีย์แมนในซีกรัฐบาลเคยหยิบมากางก่อนหน้านี้ หากแผนบรรลุเป้าหมาย
- ไม่แปลก หากจะได้เห็นฉากการเอาคืนจากฝั่ง “สว.น้ำเงิน” ทั้งการยื่นสอบจริยธรรม “บิ๊กวี” และ “บิ๊กแพร” ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ
- การเปิดฉากระหว่าง “แดง-ส้ม” ผ่านเวทีซักฟอก จนถึงนาที ยังเกิดคำถามว่า จะเป็นเกม “หัก” หรือจะ “ฮั้ว”กันแน่
- ทุกย่างก้าวทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ เป็นการตอกย้ำถึง“เกมดุลอำนาจ”ทั้งในและนอกขั้ว ที่อาจนำไปสู่การเขย่าสมการการเมืองหลังจากนี้ก็เป็นได้
ทุกย่างก้าวทางการเมืองชั่วโมงนี้ ต้องจับตาหลายฉากหลายตอนที่ยังคงสะท้อนภาพของการเปิดโหมดวัดพลังทางดุลอำนาจที่ต่างฝ่ายต่างถือในมือ
ทั้งประเด็นสอบ“โพยฮั้วสว.” ที่เห็นช็อตการเปิดฉาก “นิติสงคราม” เอาคืนกันไปมาระหว่าง“แดง-น้ำเงิน” ผ่านสงครามตัวแทน
สะท้อนชัดจากท่าทีของ “เจ้ากระทรวงตราชั่ง” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ล่าสุด พูดถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ” ตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีฟอกเงิน หลังคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) มีมติเมื่อวันที่ 6 มี.ค. จำนวน 11 เสียงรับคดีฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ
“บิ๊กวี” ย้ำเป็นครั้งที่สองถึงไทม์ไลน์หลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว จะมีการหารือกับอัยการเพื่อวางกรอบเวลา ซึ่งโดยกฎหมายระบุไว้ว่า ให้สอบสวนโดยเร็ว ซึ่งคดีนี้เรารู้ชื่อพยานเยอะแล้ว และในการชี้แจงจะมีข้อมูลอยู่แล้ว
คาดว่า น่าจะใช้เวลา 3 เดือน หากมีคนผิดจะแจ้งข้อกล่าวหา และจะสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการต่อไป
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. คล้อยหลังหนึ่งวัน หลังที่ประชุม กคพ.มติรับคดีฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ วันนั้น “บิ๊กวี” ยังพูดถึงไทม์ไลน์ 3 เดือนในการทำคดีนี้ ฉายภาพไปถึงกระบวนการจัดตั้งของสว.ในเครือข่ายเดียวกัน โดยมีมูลค่าเงินหมุนเวียนกว่า 300 ล้านบาท ที่สำคัญในคดีดังกล่าว มีพยานยืนยันว่า มีการใช้เงิน 400-500 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินเป็นช่วงๆ
ถึงกระนั้นก็ต้องร่วมมือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง และเมื่อพบพยานหลักฐานแล้ว กกต.ก็สามารถนำไปพัฒนาได้ และใช้ในการยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อถอดถอนได้
“คิดว่าหลักฐานที่มีการจ่ายเงินน่าจะถึง 20 คน ถ้า กกต.ร่วมมือกัน” รมว.ยุติธรรม ระบุ
แน่นอนว่า จังหวะการออกแอ็กชั่นจากฝั่ง “กระทรวงตราชั่ง” ย่อมเป็นการตอกย้ำสัญญาณของการเปิดเกมต่อรอง และอาจลามไปสู่เกม “ล้างกระดานสีน้ำเงิน” ที่เวลานี้กุมอำนาจสภาสูง เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนาม ในเชิงดุลอำนาจต่อพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคลำดับหนึ่งในซีกรัฐบาล
ดูด-ล้าง สว.สีน้ำเงิน“พลิกเกมสภา”
น่าสนใจว่าตัวเลข “20สว.” ที่อาจถูกเชือดตามที่ “ทวี” ระบุ ดันไปใกล้เคียงกับสมการ “ดูด-ล้าง” สว.สายสีน้ำเงิน “พลิกเกมโหวต” ในสภาฯ ซึ่งคีย์แมนในซีกรัฐบาลเคยหยิบมากางก่อนหน้านี้ หากแผนบรรลุเป้าหมาย
อย่าลืมว่า เวลานี้มีหลากหลายสารพัดปมร้อนที่ค้างคาอยู่ในสภาฯ โดยเฉพาะวาระร้อนแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคเพื่อไทยพยายามดึงเกมสกัดเส้นทางลงเหว ด้วยการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพื่อยื้อเวลา ไม่ให้ถูก “โหวตคว่ำ” จากขวากหนามสว.ภายใต้ซูเปอร์ล็อก เสียง 1 ใน 3 หรือ 66 เสียงจากสว.ที่ปฏิบัติหน้าที่ปัจจุบัน 198 คน(สมชาย เล่งหลัก หยุดปฏิบัติหน้าที่ สุพรรณ์ ศรชัย เสียชีวิต) ที่เวลานี้ยังคงถูกกุมอำนาจโดยสีน้ำเงิน ที่ยังคงเป็นเสี้ยนหนามกวนใจพรรคเพื่อไทย ในฐานะต้นเรื่อง
จึงไม่แปลก หากจะได้เห็นฉากการเอาคืนจากฝั่ง “สว.น้ำเงิน” ทั้งการยื่นสอบจริยธรรม “บิ๊กวี” และ “บิ๊กแพร” ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ
หรือล่าสุด เป็นกรณีที่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร เป็นที่รู้กันโดยทั่วว่า เป็น “สว.สายสีน้ำเงินเข้ม” พร้อม สว. รวม 81 คน นำรายชื่อ สว.105 คน มายื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผ่าน “สาโรจน์ พึงรำพรรณ” เลขาธิการป.ป.ช. ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ “บิ๊กวี” และ “บิ๊กแพร” เป็นดอกที่สอง ในข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีรับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ ในความผิดฐานฟอกเงิน
หนำซ้ำ“พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ”ยังขยี้ซ้ำอย่างดุเดือดว่า ไม่รู้ใครคุมกระทรวงยุติธรรม แต่ความยุติธรรมในประเทศไม่เกิดขึ้น ความระส่ำระสายเกิดขึ้นทุกองค์กรจาก“ผู้นำจิตวิญญาณ”บางคนที่คุมฝ่ายการเมืองได้ ฝ่ายการเมืองครอบงำดีเอสไอหรือไม่ ไปคิดกันเอง
ส่วนการตั้งข้อสังเกตประเด็นฮั้วสว. มีความพยายามจะเปลี่ยน สว. สีน้ำเงินให้มาเป็น สว.สีแดงนั้น เป็นเพียง“นักวิเคราะห์ข้างตู้” ที่คนอีสานเอาไว้ดูมวย ไม่ฟัง จะวิเคราะห์ถูกหรือผิด ไม่มีใครรับผิดชอบ
ปรากฎการณ์เปิดโหมด “นิติสงคราม” วัดพลังกันไปมาระหว่างฝั่งแดง-น้ำเงินในเวลานี้ สะท้อนถึงฉากรบที่ยังต้องลุ้นอีกหลายภาคต่อจากนี้
ศึกซักฟอกพท.-ปชน."หัก-ฮั้ว"
ไม่ต่างจากการเปิดฉากระหว่าง “แดง-ส้ม” ผ่านเวทีซักฟอก “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ขยี้ไปที่ “ทักษิณ ชินวัตร” กล่องดวงใจพรรคเพื่อไทย จนถึงนาที ยังเกิดคำถามว่า จะเป็นเกม “หัก” หรือจะ “ฮั้ว”กันแน่
ล่าสุดสำนักเลขาธิการสภาฯ หักดิบแถมยื่นเงื่อนไขต้องแก้ไขญัตติ และส่งกลับไปยังประธานสภาฯ ภายในวันที่ 17 มี.ค. เพื่อให้ทันรูดม่านก่อนปิดสภาวันที่10เม.ย.
ประเด็นนี้ มีความเห็นมาจาก "ชวน หลีกภัย" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นในฐานะอดีตประธานสภาฯ และอดีตผู้นำฝ่ายค้าน ไว้อย่างน่าสนใจ ถึงข้อกังวลว่า หากถึงที่สุดทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะไม่ยอมถอย การอภิปรายจะเกิดขึ้นได้ในสมัยประชุมนี้ หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ที่ว่า “มีความประสงค์” ที่จะอภิปรายหรือไม่
“หากจะตัดชื่อออก และใส่ตำแหน่งเข้าไปแทน เพราะนายกฯ ก็มีพ่อคนเดียว ไม่ได้มีพ่อหลายคน หากใส่ความผูกพันเอาไว้ ซึ่งอันที่จริงญัตติก็เป็นเรื่องจริง ในเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น ว่ามีคนที่อ้างว่า เป็นคนนอกแต่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำงานของรัฐบาลมาก”
ต้องจับตาสถานการณ์ในขั้วฝ่ายค้านเวลานี้ ไม่ได้เข้มแข็งเหมือนในอดีต อีกทั้งยังมี “งูเห่า” ที่รอกดปุ่มโหวต “ไว้วางใจ”นายกฯอิ๊งค์ ผ่านศึกซักฟอกได้ฉลุย
ขณะที่รัฐบาลเวลานี้แม้จะเกิดเแรงกระเพื่อมในขั้วรัฐบาล แต่ยังไม่มีไม่มีพรรคไหนกล้าเปิดเกมหัก เพราะนั่นหมายถึงโอกาสในการถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน
ไม่ต่างจาก สัญญาณที่ถูกส่งตรงมาจาก “วอร์รูมลับ” ตึกชินวัตร 3 ที่ไม่ปล่อยให้ “ฝ่ายค้าน” สามารถขยี้กล่องดวงใจพรรคเพื่อไทยได้สะดวกอย่างแน่นอน
ฉะนั้นทุกย่างก้าวทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ เป็นการตอกย้ำถึง“เกมดุลอำนาจ”ทั้งในและนอกขั้ว ที่อาจนำไปสู่การเขย่าสมการการเมืองหลังจากนี้ก็เป็นได้