‘แดง-น้ำเงิน’ ยังไม่จบ โพยฮั้วสว. สงครามฉากใหม่

ข้อมูลทั้ง “อินไซด์-เอาต์ไซด์” ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า สัญญาณการพบกันระหว่าง “2 ผู้มากบารมี” ทั้ง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า และ “เนวิน ชิดชอบ” นายใหญ่บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา

ที่ว่ามาว่า ทักษิณ ส่งสัญญาณ “ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ขอให้พูดคุยกันตรงๆ อย่าตุกติก” เอาเข้าจริง ไม่ใช่เกมเกี๊ยะเซียะระหว่าง“แดง-น้ำเงิน” แต่ออกแนว เปิดเกมต่อรองกันเสียมากกว่า

ไม่ต่างจาก 4 ปมคาใจ ที่มีการพูดคุยกันระหว่าง 2 นายใหญ่ ทั้ง 1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2.สถานบันเทิงครบวงจร 3.การพนันออนไลน์ 4.กฎหมายเช่าที่ดิน 99 ปี 

แน่นอนว่า ในจำนวนนี้ไม่ได้มีประเด็นเคลียร์ปม สอบ“โพยฮั้วสว.” รวมอยู่ด้วย เช่นนี้จึงไม่แปลก หากจะได้เห็นการเอาคืนกันไปมาระหว่าง“แดง-น้ำเงิน” ผ่านสงครามตัวแทน 

 

 

หลังคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) มีมติเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 11 เสียงรับคดีฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ โดย“พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม พูดถึงไทม์ไลน์ 3 เดือน ที่จะได้เห็นฉากการเมืองสำคัญ นับตั้งแต่ การตั้งต้นรับคดีฟอกเงิน ยังสามารถไปต่อถึงคดีอื่นๆ โดยเฉพาะคดีอั้งยี่ซ่องโจรได้ หากตรวจสอบไปถึงเส้นทางการเงินต่างๆ 

เหนือไปกว่านั้น “ทวี”ยังระบุในทำนองที่ว่า คดีดังกล่าวมีพยานยืนยันว่ามีการใช้เงิน 400-500 ล้านบาท และจ่ายเงินเป็นช่วงๆ หาก กกต.ร่วมมือ อาจนำไปสู่การถอดถอนสว.ได้ถึง “20 คน” 

แถมล่าสุดยังมีรายงานว่า ดีเอสไอโดยอำนาจของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการเซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจำนวน41คน

จึงได้เห็นการเปิดฉากเอาคืน จากทางฝั่ง“สว.สีน้ำเงิน” รุกคืบด้วยการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิด  “บิ๊กวี”และ “บิ๊กแพร”พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร  สว.สายสีน้ำเงินเข้ม ยอมรับตรงๆ ว่า การยื่นต่อป.ป.ช.เป็นผลสืบเนื่อง หลังบอร์ดดีเอสไอมีมติรับคดีข้อหาฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ แม้จะเป็นอำนาจที่ดีเอสไอรับตรวจสอบได้ โดยไม่ต้องใช้มติกรรมการ 2 ใน 3 แต่เหตุผลการรับเป็นคดีพิเศษ โดยระบุว่าเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายเกิน 300 ล้านบาทนั้น เป็นการตั้งสมมติฐานแบบเลื่อนลอย จงใจกลั่นแกล้ง เหมือนต้องการล็อกเป้าเป็นคดีพิเศษ

แน่นอนว่า เมื่อเกม “ล้มสว.” ผ่านคดี “โพยฮั้ว”ในมือดีเอสไอ ยังดำเนินต่อไป ย่อมเป็นการตอกย้ำฉากการเมืองที่ยังซ่อนไว้ซึ่งเงื่อนไขต่อรองอีกหลายชั้นหลายตอนให้ต้องจับตา 

 

โดยเฉพาะศึกซักฟอก ถึงเวลานี้ยังลูกผีลูกคนว่า จะเกิดขึ้นก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯหรือไม่ แถมมีการตั้งข้อสังเกตว่า การที่ต่างฝ่ายต่างแสดงท่าทีขึงขังหลังพิงฝาจะเป็นเกมลับลวงพราง เพื่อหวังผล “ล้มซักฟอก”หรือไม่ อย่างไร

ไม่ต่างไปจากหลากหลายสารพัดปมร้อน ที่รออยู่เบื้องหน้า ทั้งประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งยังมีญัตติของพรรคเพื่อไทย ที่เสนอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 17 มี.ค.นี้  

จะเป็นอีหนึ่งเกมวัดใจ ว่าภูมิใจไทยจะยกมือโหวตสนับสนุนญัตติเพื่อไทยในการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ตามที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เคยรับปากไว้หรือไม่

หรือล่าสุด กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จากเดิมถูกคาดหมายว่า จะเข้าสู่การประชุมครม.วันที่ 11 มี.ค.แต่ถึงเวลากลับยืดเยื้อทอดเวลาออกไป ย่อมถูกจับตาท่ามกลางเกมต่อรองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เกี่ยวกับการแบ่งเค้กผลประโยชน์ในพื้นที่ทำเลทอง 

ฉะนั้น ข้อสงสัยที่ว่า ทั้ง“แดง-น้ำเงิน”จะเปิดฉากรบกัน แบบเอากันถึงตาย ถึงขั้นแตกหัก หรือที่สุดจะเป็นแค่ฉากต่อรองฉากใหม่ ทั้งหมดทั้งมวล อาจอยู่ที่ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ ที่ยังซ่อนเงื่อนไขไว้อีกหลายชั้น