'ทวี 'ย้ำ ราชทัณฑ์ เปิดข้อมูล 'อดีต ผกก.โจ้ 'ให้สิ้นสงสัย 17 มี.ค.

รมว.ยุติธรรม ย้ำ กรมราชทัณฑ์ ต้องเปิดเผยข้อมูล “อดีตผู้กำกับโจ้” ให้ สังคมสิ้นสงสัย 17 มี.ค. หวังคณะกรรมการตรวจสอบฯมีความคืบหน้ารายงาน
เมื่อเวลา 14.35 น. วันที่ 11 มี.ค. ที่ บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วยนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เดินทางมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อให้การต้อนรับ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือทนายแจม พรรคประชาชน และนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน และร่วมสังเกตการณ์การศึกษาดูงานภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า สำหรับกรณีที่วันนี้ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงพื้นที่มาดูงานกรมราชทัณฑ์ ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรับฟังการชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ของเรือนจำฯ นั้น เท่าที่ทราบตนยังไม่รู้วัตถุประสงค์ของนายณัฐพงษ์ แต่ทราบว่ามีการทำหนังสือขอเยี่ยมผู้ต้องหาทัณฑ์ในคดีระหว่าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นคดีระหว่างในคดีทางการเมือง เนื่องด้วยอยากดูสภาพความเป็นอยู่ ว่าผู้ต้องขังมีความเป็นอยู่อย่างไร ซึ่งในยุคนี้ของกระทรวงยุติธรรม
โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ เราอยากให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ คือ การเป็นเรือนจำคดีระหว่าง ส่วนคดีเด็ดขาดนั้น เนื่องจากในกรุงเทพฯ มีเรือนจำหลายเรือนจำ ทำให้คดีเด็ดขาดจะไม่ต้องเกี่ยวข้องกับศาล ไม่เกี่ยวข้องกับพนักงานสอบสวน ก็จะแยกไปในเรือนจำอื่น ๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุง โดยเฉพาะมีการย้ายผู้ต้องขัง เพื่อให้สถานที่แห่งนี้ เมื่อเป็นคดีระหว่างก็อยากเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้พบทนาย เปิดโอกาสให้เขาได้ศึกษาสำนวน แล้วก็เปิดโอกาสให้เขาได้เยี่ยมญาติ เพราะเรายังเชื่อในรัฐธรรมนูญว่าตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุด เราถือว่าเขายังเป็นผู้บริสุทธิ์
ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ นั้นตนจะได้ถือโอกาสมาดูว่าก่อนที่จะเปิดให้เห็นว่าเราจะนำร่องเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ต่อไปจะต้องพัฒนาสถานที่หรือบริเวณให้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่มาเยี่ยมญาติ ส่วนในเรือนจำอื่น ๆ และในบริเวณใกล้เคียงกันนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นนักโทษเด็ดขาด ซึ่งนักโทษเด็ดขาดสามารถที่จะได้รับการฟื้นฟูพัฒนาพฤตินิสัยตามกฏหมายได้ เช่น อาจจะพัฒนาให้เป็นเรือนจำเพื่อการศึกษา เรือนจำกีฬา เป็นต้น เพื่อนำคนคุณภาพคืนสู่สังคม นี่จะเป็นการปฏิรูปราชทัณฑ์
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านต้องการขอข้อมูลเรื่องชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำไปใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น พ.ต.อ.ทวี ได้ย้อนถามว่า จะมาขอจากใคร แต่หากจะมาขอที่ตน ตนเองไม่มี แต่ไม่กังวล และถือเป็นโอกาสที่ตนเองจะได้ชี้แจง โดยได้ยึดหลักนิติธรรม หลักกฎหมาย จึงไม่กังวลใด ๆ แม้บางครั้งมีผู้ที่ไม่สบายใจ ก็ต้องชี้แจงเพื่อให้สังคมยอมรับ ส่วนจะต้องเตรียมความพร้อมคำตอบเรื่อง ผกก.โจ้ ที่เสียชีวิต ที่จะต้องมีการเตรียมคำตอบไปตอบในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น ตนไม่ต้องเตรียม เราจะเอาข้อเท็จจริงไปตอบ เพราะตนก็อยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและอยากให้พนักงานสอบสวนได้สอบสวน ทั้งในเรื่องการเสียชีวิตว่าเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายหรือถูกทำให้ตายหรือไม่ ส่วนตัวอยากให้เรื่องนี้สอบสวนจบโดยเร็ว แต่ทั้งหมดก็ยังต้องรอผลการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนและผลทางนิติวิทยาศาสตร์ในการผ่าชันสูตรพลิกศพรอบ 2
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นของสาเหตุการเสียชีวิต เชื่อว่าต้องรับฟังพยานต่าง ๆ ให้รอบด้าน เราเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าซักถามในประเด็นที่สงสัย “ขอยืนยันว่าวันนี้ต้องทำความจริงให้ปรากฏ เป็นรัฐบาลโปร่งใส รัฐบาลตรวจสอบได้ และรัฐบาลที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องกลัวอะไร”
ส่วนที่วันนี้ครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้ไปยื่นกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ให้ตรวจสอบการเสียชีวิตภายในเรือนจำนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้เร่งรัดให้อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เร่งจัดการประชุม แต่ก่อนที่จะมีการประชุมได้นั้น จะต้องมีการพิจารณาเรื่องข้อมูลรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อน ซึ่งจะมีอยู่ 4 หน่วยงานที่มีอำนาจในการสอบสวนตามกฏหมายอุ้มหาย ได้แก่ อัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมการปกครอง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเราต้องการข้อมูลไปใช้ในการพิจารณา เพราะมีเรื่องของสิทธิการได้รับการเยียวยา เราจึงต้องใช้กฎหมายฉบับนี้ให้ความเป็นธรรมกับเขา พร้อมย้ำว่า คดีการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงยุติธรรม ต้องร่วมกันทำไม่ว่าหน่วยงานใดทำสำนวนคดีก็ตาม
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดตัวเต็มได้เมื่อใดนั้น ทราบว่าทางตำรวจได้กล้องวงจรปิดไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ (10 มี.ค.) ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ก็สามารถเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้ หากสื่อมวลชนมีความสงสัยในประเด็นใดให้ถามได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์นี้เราก็รู้สึกเสียใจกับครอบครัวที่ต้องสูญเสียและเราไม่อยากช่วยเหลือใครทั้งสิ้น แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ปฏิบัติงาน แล้วต้องยอมรับว่าเหตุการณ์นี้ทั้งเจ้าหน้าที่ของเรือนจำและผู้ต้องขังต่างฝ่ายต่างอยู่กันลำบาก ทั้งนี้ เชื่อว่าโดยหลักแล้วผู้คุมไม่คิดร้ายกับผู้ต้องราชทัณฑ์สักคน เพราะเขาต้องอยู่กันเป็นครอบครัวอยู่แล้ว
ส่วนจะมีมาตรการใดที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติภายในเรือนจำ พบว่ามีสถิติการผูกคอตายมากที่สุด แต่สถิติปีนี้ถือว่าน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เพราะปีที่แล้วมีกว่า 30 ราย แต่อย่างไรแล้ว การเสียชีวิตภายในเรือนจำก็มีน้อยกว่าการเสียชีวิตข้างนอก สำหรับความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ นั้น คาดหวังว่าในวันที่ 17 มี.ค.นี้ จะได้รับรายงานความคืบหน้าและความชัดเจนเพิ่มขึ้น ส่วนจะมีเรื่องของการทำร้ายร่างกายผู้ต้องขังเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ขอให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการได้ตรวจสอบก่อน
เมื่อถามว่าหากพบว่ามีการทำร้ายผู้ต้องขังจริง ฝ่ายใดจะเป็นคนแจ้งความผิดตามมาตรา 157 พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อย่าเพิ่งตั้งสมมุติฐาน ขอให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการ แต่ยืนยันจะไม่ช่วยเหลือใครทั้งนั้น ส่วนครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้มีความประสงค์จะให้ย้าย รรท.ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมนั้น ตนขอให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงก่อน เราต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย แต่จะไม่ปกป้องใคร ซึ่งทุกข้อเท็จจริงจะต้องเป็นไปตามข้อมูลพยานหลักฐาน
ส่วนที่ครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้อ้างว่าเคยยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังเรือนจำถึง 4 ครั้ง แต่กลับถูกเพิกเฉย ไม่ได้รับคำตอบ จนเกิดเหตุสลดขึ้นนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขอให้รอการสอบสวน เพราะความทุกข์ของทุกคนต้องได้รับการดูแล เพราะถือเป็นจริยธรรมของข้าราชการ ทั้งนี้ หากพบว่าไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบนั้น ก็ต้องเป็นผู้ที่ทำให้ตาย ที่ต้องรับผิดชอบ
ส่วนประเด็นที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์คำสัมภาษณ์ของตนเอง กรณีห้องขังที่ติดกับห้องของอดีตผู้กำกับโจ้เป็นผู้หญิงหรือ LGBTQ นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนเองเข้าใจผิดว่าผู้ต้องขังรายนั้นเป็นผู้ชายที่แปลงเพศ ซึ่งในเรือนจำกลางคลองเปรมมีผู้ต้องขังที่เป็น LGBTQ ถึง 88 ราย และแปลงเพศแล้ว 18 ราย ซึ่งหลักปฏิบัติทั้งหมดเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน เพราะเราไม่สามารถให้ผู้ต้องขังที่แปลงเพศแล้ว ไปนอนรวมกับผู้ต้องขังชายได้ ส่วนเรื่องของประจำเดือน ตนก็เข้าใจผิดเช่นกัน ทั้งนี้ เรื่องที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ออกมาคลาดเคลื่อนตั้งแต่วันแรก และสร้างความสับสนให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นนั้น ข้อเท็จจริงทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับหลักฐาน ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
ส่วนในเรื่องประเด็นและขนาดผ้าขนหนูเช็ดตัวของอดีต ผกก.โจ้ ที่ใช้ก่อเหตุนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขนาดของผ้าขนหนูเป็นในส่วนของงบประมาณที่กรมราชทัณฑ์นำไปจัดซื้อ เพื่อนำมาให้ผู้ต้องขัง ซึ่งขนาดผ้าที่ชัดเจนต้องถามจากพนักงานสอบสวน โดยถ้าหากหน่วยงานใดให้คำตอบว่าผ้าที่ ผกก.โจ้ ใช้ก่อเหตุนั้น เป็นผ้าเช็ดตัว ก็ให้เป็นตามที่หน่วยงานนั้นตอบ และเมื่อผู้สื่อข่าวย้ำถามว่าผู้ต้องขังจะไม่สามารถนำผ้าเช็ดตัวนอกเหนือจากผ้า 3 ผืนเข้ามาได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์ที่จัดสรรให้ รวมถึงเครื่องแต่งกายด้วย
ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ทางกรมราชทัณฑ์จะนำผ้าขนหนูตัวอย่างนำมาโชว์แก่สื่อมวลชน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ก็สามารถทำได้ เพราะไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อนที่ต้องปิดบัง เราต้องคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน ย้ำว่าไม่เห็นมีอะไรต้องปิดบัง มีอะไรก็ขอให้เปิดเผยทั้งหมด