'ชวน' สอนมวยปชน.'นายกฯ' มีพ่อคนเดียว ตัดชื่อ'ทักษิณ' ไม่กระทบซักฟอก

'ชวน' สอนมวยปชน. เหน็บ 'นายกฯ' มีพ่อคนเดียว เชื่อตัดชื่อ'ทักษิณ' ไม่กระทบแผนซักฟอกหากตั้งใจให้การอภิปรายเกิดขึ้นจริง เชื่อเจตนา "วันนอร์" วินิจฉัยความเชื่อโดยสุจริต
นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ"มอร์นิ่งเนชั่น" ถึงกรณีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือถึงผู้นำฝ่ายค้าน ขอให้ตัดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยหยิบยกแนวปฏิบัติสมัยปี 2545 ที่นายอุทัย พิมพ์ใจชน เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็เคยให้นายชวน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ในขณะนั้น ไปแก้ญัตติ ส่วนตัวมองว่าชื่อคนนอกสามารถใส่เข้าไปในญัตติได้ แต่ต้องดูว่าเกิดความเสียหายหรือไม่ การจะใส่อะไรเข้าไป ถ้ากล่าวหาแล้วรัฐบาลไม่มีปัญหา ก็สามารถใส่เข้าไปได้ แต่หากรัฐบาลมีการทักท้วงมา ก็ต้องให้สิทธิ์ประธานสภาฯ ที่จะพิจารณา
ส่วนที่ฝ่ายค้านมีการหยิบยกเหตุผล หากตัดชื่อนายทักษิณออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากมีการอภิปรายในสภาฯ แล้วมีการกล่าวอ้างถึงนายทักษิณ ก็จะทำให้เกิดการประท้วงกันไปมา จึงยืนยันไม่ยอมตัดชื่อนายทักษิณออกนั้น นายชวนมองว่า ถ้าพูดกันตามความจริง รัฐบาลตั้งแต่ยุคนายทักษิณก็กลัวการอภิปราย
“การตั้งประธานสภาฯ ในยุคนั้น เขาก็ยอมรับตรงๆ ว่า ต้องหาคนที่ปกป้องได้ นั่นคือยุคโน้น แต่ในยุคนี้ การตั้งนายวันมูหะมัดนอร์ คิดว่า ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ตรงนั้น เชื่อว่าท่านวันนอร์คงวินิจฉัยไปตามความเชื่อโดยสุจริต”
ส่วนที่มีข้อกังวลว่า หากถึงที่สุดทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะไม่ยอมถอย การอภิปรายจะเกิดขึ้นได้ในสมัยประชุมนี้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ประเด็นอยู่ที่ว่ามีความประสงค์ที่จะอภิปรายหรือไม่ ถ้ามีความประสงค์ที่จะอภิปรายก็หารือกับท่านประธาน
หากจะตัดชื่อออก และใส่ตำแหน่งเข้าไปแทน เพราะนายกฯก็มีพ่อคนเดียว ไม่ได้มีพ่อหลายคน หากใส่ความผูกพันเอาไว้ ซึ่งอันที่จริงญัตติก็เป็นเรื่องจริง ในเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น ว่ามีคนที่อ้างว่า เป็นคนนอกแต่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำงานของรัฐบาลมาก
ฉะนั้น ญัตติก็ถือว่าเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อประธานมีความเห็นว่าการใส่ชื่อบุคคลภายนอกลงไปในญัตติ หากเป็นไปในทางที่เสียหาย ก็อาจจะไม่ต้องการให้ใส่ลงไป
เมื่อถามย้ำว่า หากนำชื่อนายทักษิณออก แล้วใส่ว่าเป็นบิดาของนายกฯ แทน เท่าที่ทราบ ฝ่ายค้านก็ใส่ไปในญัตติดังกล่าวแล้ว ไม่ทราบว่าประธานต้องการให้ตัดเฉพาะชื่อใช่หรือไม่ ถ้าตัดเฉพาะชื่อคน ก็ไม่ได้เปลี่ยนเพราะไม่ได้มีบิดาหลายคน ในการอภิปรายหากมีความเกี่ยวข้อง ฝ่ายค้านก็ยังสามารถอภิปรายได้
นายชวน ยังย้ำว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประธานสภาฯ จะขอให้ฝ่ายค้านแก้ไขญัตติอภิปราย ในสมัยมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งตนในฐานะที่เป็นประธานสภาฯ ได้ขอให้ฝ่ายค้านแก้ไข แต่เมื่อฝ่ายค้านไม่แก้ไข เพื่อให้การอภิปรายสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ก็ได้ปล่อยให้มีการอภิปรายต่อ
นายชวน ยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจในปี 2545 ซึ่งนายอุทัย พิมพ์ใจชน ได้ขอให้ตนแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะนั้นถ้อยคำไม่ได้มีอะไรรุนแรง เพียงแต่ว่ารัฐบาลในขณะนั้น ได้ประกาศชัดเจนว่า กลัวฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นก็ต้องหาประธานที่ปกป้องเขาได้ แต่เราเห็นว่า ประเด็นที่เราจะอภิปรายสำคัญมาก ฉะนั้นในการแก้ไขถ้อยคำให้เบาลง จึงไม่ใช่เรื่องที่มีปัญหา
ยืนยันว่าไม่เห็นด้วย แต่จะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้มีปัญหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนั้น ถ้าเราไม่แก้ เดี๋ยวจะไม่ได้อภิปราย และจะมากล่าวหาว่าฝ่ายค้านตีรวน จึงมีการปรับปรุงแก้ไข ในท้ายที่สุด โดยการอภิปรายในครั้งนั้นได้มีการอภิปรายในเรื่องสำคัญ ซึ่งมีผลในทุกวันนี้หลายเรื่อง
นายชวน ยังกล่าวอีกว่า มองว่าญัตติของฝ่ายค้านมีการเขียนประมวลแนวทางไว้ได้ดี แต่ถ้ามีความประสงค์จะให้อภิปรายเพื่อไม่ให้มีปัญหา ลำพังชื่อไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงอะไรมาก จะตัด หรือจะใส่ ก็คงไม่ต่างกันมาก
เมื่อถามว่าส่วนตัวมองว่า มีความพยายามในการที่จะยื้อหรือเตะถ่วงอะไรบางอย่างหรือไม่ นายชวนมองว่า ตนไม่บังอาจไปวิเคราะห์ แต่คิดว่าไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงอะไร ทุกฝ่ายสามารถที่จะหารือกัน และก็ปฏิบัติภารกิจตามวัตถุประสงค์ให้การอภิปรายเกิดขึ้นได้
ส่วนการกำหนดจำนวนคน หรือวันที่จะอภิปรายมองว่า การจะนำจำนวนผู้ที่ถูกอภิปราย 1 คนมาเป็นตัววัด คงไม่ได้ทั้งหมด ส่วนตัวมองว่า 1 วันอาจจะน้อยไป หากมองประเด็นในญัตติ จะเห็นว่ามีจำนวนมาก ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่า จะใช้เวลา 5 วัน ก็ถือว่ามากไป เพราะฉะนั้นทั้งสองฝ่าย ควรต้องมีการหารือกัน







