สส.ปชน.ลุยยื่น 'พิพัฒน์' สอบปม สปส.ซื้อตึก 7 พันล.-เว็บแอป 850 ล.

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2568 พรรคประชาชน (ปชน.) เผยแพร่กำหนดการ เวลา 16.00 น. ที่กระทรวงแรงงาน ชั้น 5 สส.ปชน. นำโดย "ไอซ์" น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และ "เนม" นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี จะไปยื่นหนังสือถึงนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เพื่อขอให้มีการพิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในโครงการที่น่าสงสัย

ตั้งแต่อดีตเลขาธิการประกันสังคม บุคคลสำคัญที่เป็นผู้ดูแลกิจการทุกอย่างภายในสำนักงานที่ผ่านมา รวมถึงบุคคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในโครงการ "เว็บแอป" 850 ล้านบาท และการเข้าลงทุนซื้อตึกที่มีกระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายคนเข้ามาผลักดันการลงทุนนี้ โดยซื้อตึกมูลค่า 3,000 ล้านบาท ในราคา 7,000 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าวันเดียวกัน น.ส.รักชนก และนายสหัสวัต เดินทางมาที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จ.นนทบุรี ติดตามการประชุมคณะกรรมการประกันสังคม(บอร์ดประกันสังคม) ซึ่งมีวาระพิจารณาสำคัญ เรื่องการปรับสูครใหม่คำนวณบำนาญชราภาพ และปรับเกณฑ์การลงทุนนอกตลาด รวมถึงทวงถามข้อมูลต่าง ๆ ที่เคยขอไปจาก สปส. ที่เลขาธิการ สปส.สัญญาว่าจะเปิดเผยภายใน 1 สัปดาห์ซึ่งครบกำหนดแล้ว

อนึ่ง ที่ผ่านมา กรุงเทพธุรกิจ นำเสนอข้อเท็จจริง 3 ประเด็นเกี่ยวกับการใช้งบประมาณเฉียดหมื่นล้านบาทของ สปส. และกองทุนประกันสังคม ในการจัดซื้อจัดจ้าง ลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ และลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ไปแล้ว แบ่งเป็น

1.กรณีการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักงาน สปส. อย่างน้อย 3 โครงการที่ส่อมีปัญหา และไม่คุ้มค่างบประมาณรวมกว่า 1.5 พันล้านบาท เช่น โครงการจัดซื้อจัดจ้าง “เว็บแอป” ที่จัดประกวดราคาถึง 2 ครั้ง ยกเลิก 1 ครั้ง โดยผู้ชนะการประกวดราคาคือ “เจ้าเดิม” ได้แก่ IRCP ด้วยราคา 848 ล้านบาท โครงการจัดซื้อแอป “SSO+” วงเงิน 275 ล้านบาท ที่ถูกผู้ประกันตนรีวิวผ่าน AppStore (Apple) และ PlayStore (Android) ว่าใช้งานไม่คุ้มค่า และมีปัญหาอย่างมาก จนได้คะแนนรีวิวเฉลี่ย 1.5 เต็ม 5 เท่านั้น รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้าง “ปฏิทิน” ในรอบ 10 ปีหลัง (2556-2566) มูลค่ารวมกว่า 580 ล้านบาท ถูกตั้งคำถามถึงความคุ้มค่า และปฏิทินมีการแจกไปถึงผู้ประกันตนจริงหรือไม่

2.การใช้งบกองทุนประกันสังคมเฉียด 1 หมื่นล้านบาท ไปลงทุนหุ้นต่างประเทศราว 3 พันล้านบาท ซึ่งไม่มีปัญหา แต่อีก 7 พันล้านบาท ไปลงทุนในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ได้อาคารบริเวณพระราม 9 ซึ่งต่อมาชื่อตึก Skyy9 ทั้งที่เป็นอาคารเก่ายุค “ต้มยำกุ้ง” และเคยถูกประเมินว่ามีราคาราว 3,000 ล้านบาทเท่านั้น เท่ากับว่า มีส่วนต่างที่หายไปเฉียด 4 พันล้านบาท ถูกตั้งคำถามว่า ใครใช้อำนาจเพื่อให้ลงทุนในธุรกิจดังกล่าว และใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ 

3.ว่ากันว่าในช่วง “บิ๊กเนมการเมือง” บางคนกุมอำนาจใน “กระทรวงแรงงาน” มีการสั่งการหลังฉากให้นำเงิน “กองทุนประกันสังคม” ไปลงทุนหุ้น “เอกชน” บางแห่งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งมี “นอมินี” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก่อนจะนำเงินดังกล่าวไป “ปั่นหุ้น” ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บางบริษัท “สูงขึ้น” แบบไม่ทราบสาเหตุ ส่งผลให้ “บิ๊กเนมการเมือง” ร่ำรวยขึ้นจากเรื่องนี้อย่างมาก

ทั้ง 3 เงื่อนปมดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ 2 สส.ปชน.นำโดย น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี โดยทั้งคู่เตรียมยื่นเรื่องไปยังสำนักงาน สปส. และ รมว.แรงงานคนปัจจุบัน (พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย) ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ และเตรียมยื่นข้อมูลหลักฐานให้สำนักงาน ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อด้วย