คุ้ยขุมทรัพย์ สปส.หมื่นล้าน 3 ปม ส่อเอื้อ ‘บิ๊กเนมการเมือง’

3 เงื่อนปมสำคัญเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของ สปส. ที่พยานหลักฐานข้อเท็จจริงบางอย่างกำลังพุ่งเป้าไปว่า ส่อ“เอื้อประโยชน์”ให้กับ“บิ๊กเนมการเมือง”บางฝ่ายหรือไม่
KEY
POINTS
- ผ่า 3 ปมขุมทรัพย์ สปส. ควักงบเฉียดหมื่นล้านบาท ส่อเอื้อประโยชน์ ‘บิ๊กเนมการเมือง’
- เงื่อปม ‘เว็ปแอป-SSO+’ พ่วงทำ ‘ปฏิทิน’ จ่ายกว่า 1.5 พันล้าน ส่อไม่คุ้มค่า
- กองทุนฯเล่นแร่แปรธาตุ 7 พันล.ไปซื้อตึกเก่ายุค ‘ต้มยำกุ้ง’
- ‘บิ๊กการเมือง’ ส่อใช้อำนาจมิชอบ เอาเงินกองทุนฯไป ‘ปั่นหุ้น’ ทำตัวเองรวยมหาศาล
ประเด็นการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ถูกตั้งคำถามจากสาธารณชนจำนวนมาก เนื่องจาก 2 สส.พรรคประชาชน (ปชน.) นำโดย “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และ “เนม” สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี ออกโรงขุดคุ้ยสารพัดปมฉาวของ สปส.มาอย่างต่อเนื่อง
กรุงเทพธุรกิจ นำเสนอข้อมูล ข้อสังเกต และข้อพิรุธในการใช้งบประมาณของ สปส.อย่างน้อย 3 ประเด็นใหญ่ วงเงินเฉียดหมื่นล้านบาท และส่อเอื้อประโยชน์ให้กับ “บิ๊กเนมการเมือง” หรือไม่ ดังนี้
เงื่อนปมแรก การจัดซื้อจัดจ้าง 3 โครงการ วงเงินรวมกว่า 1,500 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ “เว็บแอป” ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ทำ 2 ครั้ง ยกเลิก 1 ครั้ง โดยมีผู้ชนะการประกวดราคาคือ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “IRCP” ทั้ง 2 ครั้ง แต่ถูกยกเลิกการประกวดราคาไป โดยระบุเหตุผลว่า เนื่องจากคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และข้อร้องเรียน มีคำวินิจฉัยให้ยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างในครั้งนี้ และดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องต่อไปตามนัยมาตรา 43 ประกอบมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 ต่อมา สปส.ดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 โดย “IRCP” กลับมาประมูลและเป็นผู้ชนะอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีคำชี้แจงจาก สปส.ว่า สาเหตุประการสำคัญที่ทำให้ต้องยกเลิกการประกวดราคาเมื่อต้นปี 2564 ทั้งที่ได้ผู้ชนะการประกวดราคาแล้วคืออะไร และเอกชนที่เข้าร่วมประกวดราคาครั้งดังกล่าวอีก 2 รายคือใคร และใครเป็นผู้ร้องเรียน จนนำไปสู่การยกเลิกการประกวดราคาครั้งนั้น นอกจากนี้แม้ว่าจะมีการประมูลครั้งที่ 2 แล้วก็ตาม ซึ่งได้ผู้ชนะราคาเจ้าเดิม แต่โครงการนี้แม้จะสิ้นสุดในสัญญาเมื่อ 20 ธ.ค.2566 แล้ว ก็ยังไม่สามารถ “ส่งมอบงาน” ได้สำเร็จ
นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนปมการส่งมอบงานไม่ครบถ้วนตามสัญญา โดยหลังสิ้นสุดสัญญาเมื่อ 20 ธ.ค.2566 ปรากฏว่า ผู้รับจ้างยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ทำหนังสือถึง สปส.อ้างว่าติดช่วงสถานการณ์โควิด-19 จึงส่งมอบงานล่าช้า กระทั่งถึงเดือนก.ค.2567 มีการส่งมอบงานให้แก่ สปส.รวมค่าปรับที่ต้องจ่าย ณ เวลานั้นกว่า 193 ล้านบาท แต่ สปส.ได้ยกเว้นไม่ปรับ เนื่องจากได้รับเงื่อนไขตามนโยบายรัฐบาลช่วงโควิด-19 และนับจาก ก.ค.2567 จนถึงปัจจุบัน (มี.ค.2568) ผ่านมาราว 8 เดือน แต่ก็ยังไม่สามารถส่งมอบงานครบทุกงวดได้ ซึ่งหากคำนวณตามค่าปรับ จะต้องถูกปรับอีกราว 84 ล้านบาท ขณะเดียวกัน เอกชนผู้ชนะการประกวดราคาดังกล่าว มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่เสนอราคาหรือไม่อีกด้วย
นอกจากนี้ สปส.ยังดำเนินการประกวดราคาจ้างโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลกลางเชื่อมต่อบริการประกันสังคมให้แก่ผู้ประกันตนอย่างเจาะจง ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ปีงบประมาณ 2565 เมื่อ 26 ม.ค. 2565 วงเงินงบประมาณ 276,303,400 บาท ราคากลาง 276,303,400 บาท พบว่า ผู้ชนะการประกวดราคาคือ “เอแอนด์บี คอนซอเตียม” ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) และบริษัท บอสอัพ โซลูชั่น จำกัด โดยเสนอราคา 275,500,000 ก่อนจะถูกประกาศชื่อเป็นผู้ชนะการเสนอราคาด้วยวงเงิน 275 ล้านบาท (ต่ำกว่าราคากลาง 1,303,400 บาท ต่ำกว่าราคาที่เสนอ 5 แสนบาท) โดยมีนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการ สปส. (ขณะนั้น) ลงนาม
อย่างไรก็ดีโครงการนี้ พบว่า มีผู้รีวิวจากผู้ใช้งานผ่าน AppStore (Apple) และ PlayStore (Andrioid) ให้คะแนนความพึงพอใจเฉลี่ย 1.5 ดาว โดยส่วนใหญ่ให้คะแนนแค่ 1 ดาวจำนวนมาก โดยพบปัญหามากในการใช้งาน และส่อไปในทางใช้งานไม่ได้จริง
นี่ยังไม่นับโครงการจัดทำปฏิทินแจกผู้ประกันตน โดยพบว่า สปส.ตั้งงบประมาณในช่วง 10 ปีหลังสุด (ปีงบประมาณ 2556-2566) กว่า 580 ล้านบาท บางปีพิมพ์ 1.3 ล้านฉบับ แต่บางปีพิมพ์ 4.4 ล้านฉบับ ใช้งบประมาณเฉลี่ยปีละ 55 ล้านบาทเศ โดยมีชุมนุมเกษตรกรแห่งประเทศไทย เป็นผู้ชนะการประกวดราคาทำปฏิทินถึง 6 ปีจากทั้งหมด 10 ปีที่ดำเนินการ ซึ่งถูกตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าในการดำเนินการ และปฏิทินดังกล่าวมีการแจกไปถึงผู้ประกันตนจริงหรือไม่
เงื่อนปมที่สอง สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อ 2 สส.ปชน. “ไอซ์ รักชนก-เนม สหัสวัต” นำทัพสื่อมวลชนไปยังอาคาร Skyy9 ถนนพระราม 9 โดยแฉว่า อาคารดังกล่าวถูกกองทุนประกันสังคม ซื้อมาด้วยเงินกว่า 7 พันล้านบาท ทั้งที่อาคารดังกล่าวถูกตีมูลค่าราว 3 พันล้านบาทเศษเท่านั้น มีส่วนต่างถึง 4 พันล้านบาท ไปเข้า “กระเป๋าใคร” หรือไม่
นอกจากนี้ สส.ปชน.ยังตั้งข้อสังเกตว่า ตึกนี้ไม่ใช่ตึกที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ ในอดีตช่วงต้มยำกุ้งเคยเป็นตึกร้างมาก่อน และมีบริษัทที่เข้าไปซื้อตึกนี้มารีโนเวท ราวกับว่ามันประจวบเหมาะพอดี กองทุนประกันสังคมก็ปรับแก้ระเบียบต่าง ๆ แล้วทำการศึกษา แล้วเป็นที่มาของการตัดสินใจลงทุน ตึกแห่งนี้ในช่วงปลายปี 2565
“อยากตั้งคำถามว่าใครเป็นเจ้าของ เป็นของนักการเมืองพรรคไหน เกี่ยวข้องกับพรรคที่อยู่ในป่าหรือไม่ น่าสงสัย เพราะท่านอดีต รมว.แรงงาน ก็อยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อยากให้ทุกท่านได้ลองหาข้อมูลดู ตึกนี้ปรับปรุงเสร็จปี 2565 ก็พร้อมขายให้กองทุน สปส.เลย” รักชนก กล่าว
รวมถึงตั้งคำถามว่า กองทุนประกันสังคมซื้อตึกดังกล่าวกว่า 7 พันล้านบาท อาจมี “ฝ่ายการเมือง” เข้าแทรกแซงหรือไม่ เพราะ คนมีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการขณะนั้น (ปี 2565) คือ รมว.แรงงาน มีการแต่งตั้งโยกย้าย “เด็กหน้าห้อง” ตัวเอง มาอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า กลุ่มงานบริหารความเสี่ยงและกำกับการลงทุน เพื่อทำแผนรายปีในการตัดสินใจว่าจะซื้ออะไร เท่านั้นไม่พอ จะต้องตั้งอนุฯชุดหนึ่ง ถูกเรียกว่า “อนุฯการลงทุนนอกตลาด” คนหน้าห้องคนเดิมก็เข้าไปอยู่ในอนุฯชุดนั้นด้วย ไม่พอในชุดนั้น มีที่ปรึกษารัฐมนตรี รมว.แรงงาน ขณะนั้นเข้ามาอยู่ในอนุฯด้วย สมมติว่าชื่อ “นายพี” และมีอดีตเด็กหน้าห้องชื่อสมมติ “นายรู” เข้ามาอยู่ อนุฯการลงทุน ที่เป็นคนชี้ตัดสินใจให้เกิดการซื้ออสังหาริมทรัพย์ตึกใดตึกหนึ่งเกิดขึ้น
“ตั้งข้อสงสัยดีลตึกนี้เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองหรือไม่ มีการโยกเด็กหน้าห้องมาดำเนินการ ที่ผ่านมาการลงทุนของ สปส.ไม่เคยเปิดเผยต่อประชาชนเลย ซื้อตึกอะไรบ้าง ซื้ออสังหาฯ อะไรบ้าง เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ตราบใดที่การลงทุนของ สปส.อยู่ในมุมมืด อาจเปิดช่องนักการเมืองแทรกแซงเรื่องนี้ได้ การโยกย้ายข้าราชการในปี 2565 เป็นอำนาจ รมว.แรงงาน ขณะนั้น ท่านทราบเรื่องนี้หรือไม่ ถ้าคำสั่งโยกย้ายมาจากท่านจริง ท่านได้ประโยชน์อะไรจากการซื้อตึกนี้” สหัสวัต กล่าว
สหัสวัต กล่าวด้วยว่า คนที่ลงนามซื้อตึกนี้ขณะนั้นคือ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เมื่อครั้งเป็นเลขาธิการ สปส. ที่ตอนนี้เป็นปลัดกระทรวงแรงงาน คนนี้คีย์แมนทำงานสำคัญในการทำงานของ สปส. ฝากถามว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ และอดีต รมว.แรงงาน ขณะนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ ดังนั้น รมว.แรงงาน คนปัจจุบัน ในฐานะเจ้ากระทรวง ควรตั้งกรรมการตรวจสอบย้อนหลังเรื่องนี้
เงื่อนปมที่สาม ว่ากันว่าในช่วง “บิ๊กเนมการเมือง” กุมอำนาจอยู่ใน “กระทรวงแรงงาน” มีการสั่งการหลังฉากให้นำ “กองทุนประกันสังคม” ไปดำเนินการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นหุ้นของ “เอกชน” บางบริษัท ซึ่งมี “นอมินี” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก่อนจะนำเงินดังกล่าวไป “ปั่นหุ้น” ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บางบริษัท “หุ้นขึ้น” แบบไม่ทราบสาเหตุ ส่งผลให้ “บิ๊กเนมการเมือง” ร่ำรวยขึ้นจากเรื่องนี้อย่างมาก โดยประเด็นนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ สส.ปชน.เช่นกัน ซึ่งคนที่น่าจะทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้มากที่สุด น่าจะเป็น “เด็กหน้าห้อง” บวกกับ “บิ๊กข้าราชการ” ขณะนั้น รวมถึง “บิ๊กเนมการเมือง” เองด้วย
ทั้งหมดคือ 3 เงื่อนปมสำคัญเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของ สปส. และกองทุนประกันสังคมในขณะนี้ ที่พยานหลักฐานข้อเท็จจริงบางอย่างกำลังพุ่งเป้าไปว่า ส่อ“เอื้อประโยชน์”ให้กับ“บิ๊กเนมการเมือง”บางฝ่ายหรือไม่ ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ต้องติดตามต่อไป







