ป.ป.ช.ชี้มูล 'มงคลกิตติ์' ปมใส่ร้าย 'ศักดิ์สยาม' ชงศาลฎีกาต่อ

ป.ป.ช.ชี้มูล 'มงคลกิตติ์' ปมใส่ร้าย 'ศักดิ์สยาม' ชงศาลฎีกาต่อ

ป.ป.ช.คอนเฟิร์ม มติเอกฉันท์ชี้มูลผิด 'มงคลกิตติ์' อดีต สส.ไทยศรีวิไลย์ ผิดจริยธรรมร้ายแรง ปมใส่ร้าย 'ศักดิ์สยาม' ต้นตอแพร่โควิด-19 ชงศาลฎีกาพิจารณาต่อ

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2568 แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยืนยันข้อเท็จจริงว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.วันนี้ (10 มี.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 (จากกรรมการทั้งหมดที่มีขณะนี้ 7 คน) ชี้มูลความผิดนายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ (ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์)

ในข้อกล่าวหาฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง กรณีโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “มงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์” ทั้งข้อความและรูปภาพ มีเจตนาใส่ร้ายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม อดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ให้บุคคลทั่วไปเชื่อว่า การที่นายศักดิ์สยามไปเท่ี่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อปี 2564 ทำให้เป็นสาเหตุการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้นายศักดิ์สยามได้รับความเสียหาย โดยขั้นตอนต่อไป ป.ป.ช.จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาความผิดทางจริยธรรมต่อไป

อนึ่งก่อนหน้านี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.เคยมีมติกรณีนายมงคลกิตติ์  การลาประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปชมภาพยนตร์เรื่อง "4 KINGS อาชีวะ ยุค 90 ว่า 

นายมงคลกิตติ์ได้ยื่นหนังสือลาตามระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยการลงชื่อมาประชุมและการลาการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 แล้ว ซึ่งถือเป็นเหตุจำเป็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่อาจก้าวล่วงได้

แต่พฤติการณ์การออกจากที่ประชุมสภา และโพสต์พฤติการณ์การกระทำดังกล่าวเผยแพร่ในขณะที่มีการประชุมสภา เป็นการกระทำที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ และกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือความศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ในการดำรงตำแหน่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 17 และตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ข้อ 10

1.กรณีกล่าวหาว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ กรณีแจ้งทรัพย์สินเป็นพระเครื่องหลายองค์ โดยถูกตั้งข้อสังเกตว่าแจ้งมูลค่าสูงเกินจริงหรือไม่ โดยเฉพาะพระกริ่งปวเรศทองคำ น้ำหนัก 3 บาท แจ้งมูลค่าถึง 50 ล้านบาท เรื่องนี้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เป็นผู้ยื่นคำร้องกล่าวหา ปัจจุบัน “เต้ มงคลกิตติ์” ได้เข้าให้ถ้อยคำและชี้แจงกับ ป.ป.ช.แล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้แต่อย่างใด

2.กรณีกล่าวหา กระทำการอันเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและผ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรมอย่างร้ายแรง กรณีได้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.2563 และได้แสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วอันเป็นการสนับสนุนข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่มีวัตถุประสงค์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่เรียกกันว่า “คดีชู 3 นิ้ว” ในการชุมนุมของม็อบราษฎรระหว่างปี 2563 เรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการไต่สวน

พลิก“ประวัติเต้ มงคลกิตติ์” แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2566 มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 184,916,065บาท เป็นทรัพย์สินนายมงคลกิตติ์ 168,635,141บาท ในจำนวนนี้มีพระเครื่อง 10 รายการ มูลค่าสูงถึง 148 ล้านบาท อาทิ พระกริ่งปวเรศทองคำ 3 บาท มูลค่า 50 ล้านบาท พระสมเด็จไกเซอร์เลี่ยมทอง 2บาท มูลค่า 30 ล้านบาท พระร่วงหลังรางปืน จ.สุโขทัย มูลค่า 12 ล้านบาท พระสมเด็จวัดระฆัง ทอง 1 บาท มูลค่า 40 ล้านบาท พระรอดลำพูนเลี่ยมทอง 1บาท มูลค่า 10 ล้านบาท พระยอดธง 2 ล้านบาท พระพุทธชินราชใบเสมา มูลค่า 2.54 ล้านบาท

ส่วน น.ส.พัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช คู่สมรส มีทรัพย์สิน 16,260,082บาท  มีหนี้สิน 20,828,078บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน 6 แปลง มูลค่าร่วม 20 ล้านบาท ที่จ.นนทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร เพชรบูรณ์ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง มูลค่า 6 ล้านบาท ที่ จ.นนทบุรี ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 20,841 บาท อย่างไรก็ดีไม่ปรากฏทรัพย์สินของ ภคอร จันทรคณา บุคคลที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยาแล้ว

ในมุมธุรกิจ “เต้ มงคลกิตติ์” ตอนเข้ารับตำแหน่ง สส.เมื่อปี 2562 เคยแจ้งว่า เป็นเจ้าของบริษัท ที.เอ.อี.มาร์ท กรุ๊ป จำกัด และประธานกรรมการ บริษัท เอกลักษณ์สมุนไพรไทย จำกัด ส่วนนางพัทธนันท์ ฤทธิ์ชัย (คู่สมรสจดทะเบียนตามกฎหมาย) เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัคเซส อินเตอร์เอ็ดเทรน จำกัด (ให้คำปรึกษา แนะแนว วางแผน และดำเนินการจัดจ้างอาจารย์สอนพิเศษ) ส่วน น.ส.ภคอร จันทรคณา (บุคคลที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา) เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ชีวานันท์ กรุ๊ป จำกัด และรองประธานกรรมการ บริษัท ที.เอ.อี.มาร์ท กรุ๊ป จำกัด

แต่ล่าสุด เขาเหลือแค่การถือครองหุ้นในบริษัท เอกลักษณ์สมุนไพรไทย จำกัด เพียงแห่งเดียว (เท่าที่ตรวจสอบพบ) เท่านั้น