โชว์ภาพชุดตึก Skyy9 สปส.ควัก 7 พันล.ซื้อ สส.ปชน.แฉพิรุธเพียบ

โชว์ภาพชุด! บางชั้นในตึก Skyy9 ที่ สปส.ควักงบกองทุนฯ 7 พันล้านไปซื้อต่อมา เป็นอาคารยุค ‘ต้มยำกุ้ง’ ก่อน ‘ไอซ์ รักชนก-สหัสวัต’ แฉ ‘เด็กหน้าห้อง’ อดีต รมต.มีเอี่ยว
ประเด็นการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กำลังถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นจาก สส.พรรคประชาชน (ปชน.) นำโดย น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี ล่าสุดทั้งคู่เพิ่งเดินทางไปอาคาร Skyy9 เพื่อแถลงข่าวข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลงทุนของกองทุนประกันสังคม กว่า 7 พันล้านบาท ในการเข้าซื้ออาคารที่มีมูลค่าราว 3 พันล้านบาท โดยเป็นอาคารเก่าตั้งแต่ยุค “ต้มยำกุ้ง” แต่นำมารีโนเวทใหม่แล้วขายต่อ โดยมีข้อสังเกตว่ามี “เด็กหน้าห้อง” ของอดีตรัฐมนตรี เข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว น.ส.รักชนก และนายสหัสวัต ได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ของอาคารเพื่อขอให้สื่อมวลชนขึ้นไปถ่ายภาพอาคารต่าง ๆ แต่ละชั้น แต่มิได้รับอนุญาต โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่า ไม่มีอำนาจในการอนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นอาคาร
อย่างไรก็ดีพรรค ปชน.ได้เผยแพร่ภาพอาคารดังกล่าวในชั้นต่าง ๆ พบว่า บางชั้นเป็นอาคารเปล่า บางชั้นเป็นผนังปูนเปลือย ไม่มีการตบแต่ง หรือมีเอกชนใด ๆ ไปเช่าอาศัยแต่อย่างใด (ดูภาพประกอบ)
โดยในการแถลงข่าวดังกล่าว น.ส.รักชนก กล่าวตอนหนึ่งว่า สปส. ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เล่นแร่แปรธาตุซื้อตึกมูลค่า 3 พันล้านบาท ในราคา 7 พันล้านบาท อย่างถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง แต่ต้องคำถามว่าความคุ้มค่าเป็นอย่างไร กองทุนประกันสังคม นอกจากลงทุนในตลาดได้ ก็สามารถที่จะลงทุนสิ่งที่เรียกว่าลงทุนนอกตลาดหุ้น คือการซื้ออสังหาริมทรัพย์ คือการลงทุนในตึก เนื่องจากในปี 2565-2566 สปส.ใช้เงินกว่า 7 พันล้านบาท ซื้อตึกสำนักงานใหญ่แห่งหนึ่ง ย่านพระราม 9 และตึกนี้ไม่ใช่ตึกที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ ในอดีตช่วงต้มยำกุ้งเคยเป็นตึกร้างมาก่อน และมีบริษัทที่เข้าไปซื้อตึกนี้มารีโนเวท ราวกับว่ามันประจวบเหมาะพอดี กองทุนประกันสังคมก็ปรับแก้ระเบียบต่าง ๆ แล้วทำการศึกษา แล้วเป็นที่มาของการตัดสินใจลงทุน ตึกแห่งนี้ในช่วงปลายปี 2565 ที่ตัดสินใจซื้อมา ต้องบอกว่า อัตราการเข้าทำกำไร หรืออัตราการเช่าอยู่ที่ 1% เท่านั้น และก่อนมีการตัดสินลงทุนซื้อตึกนี้ มีการทำแผน โดยแผนดังกล่าวสวยหรูเกินจริงมาก ระบุว่า ผลตอบแทนที่จะได้อย่างเหมาะสม
“เมื่อเริ่มดำเนินการจริง เนื่องจากมีผู้เช่าในปีแรก 1-2% หลังจากนั้นผ่านไป 2 ปีมีผู้เช่าปัจจุบัน ตัวเลขที่ สปส.รายงาน มีคนเช่าใช้ตึก 40% แต่ต้องบอกว่าน่าสงสัย มีการเบ่งมาแล้ว มีการเก็บตัวเลขที่คาดเดา ผู้ใช้ในอนาคตรวมตรงนี้ด้วย ตัวเลขจริง ๆ อาจต่ำกว่า 40% อาจอยู่ที่ 20-30% เท่านั้นเอง” น.ส.รักชนก กล่าว
น.ส.รักชนก กล่าวอีกว่า สำคัญที่สุดตึกนี้ทำกำไรที่ผ่านมาปี 2567 ราว 40 ล้านบาท แต่ค่าบริหารจัดการตึกราว 50 ล้านบาท นั่นหมายถึงว่า ถ้าทำกิจการด้วยอัตราแบบนี้ต่อไป ติดลบทุกปี แล้วไม่ต้องพูดถึงว่าจะกำไรตอนไหน เพราะตอนนี้เรียกได้ว่า สถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่มีคนเช่าใช้เท่าไหร่ เท่ากับว่า 7 พันล้านบาทที่ สปส.ทุ่มลงทุนไปในตึกนี้ เรียกได้ว่าสูญเปล่า หรือติดลบก็ได้
ส่วนนายสหัสวัต กล่าวว่า เท้าความโครงสร้างงานการลงทุนของ สปส. จะทำแผนการลงทุน 5 ปีขึ้นมาชุดหนึ่ง ออกโดยบอร์ดใหญ่ แต่แผนการลงทุน 5 ปีกำหนดกรอบการลงทุนใหญ่ ๆ ว่าจะมีสัดส่วนอย่างไร โดยคนมีอำนาจตัดสินใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนนอกตลาด คนที่เซ็นคือเลขาธิการ สปส. เรื่องการซื้อตึกต่าง ๆ ไม่ต้องผ่านบอร์ด ในช่วงปี 2565 มีความพยายามให้ประกันสังคมลงทุนนอกตลาดหุ้นมากขึ้น เลยมีการพิจารณาแผนรายปีขึ้นมา แผนรายปีมีตัวละครสำคัญ ช่วงปี 2565
“ผมตั้งคำถามถึงการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองในการเข้าซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ เรื่องน่าสนใจอยู่ตรงนี้คือ คนมีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการขณะนั้นคือ รมว.แรงงาน มีการแต่งตั้งโยกย้าย “เด็กหน้าห้อง” ตัวเอง มาอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า กลุ่มงานบริหารความเสี่ยงและกำกับการลงทุน เพื่อทำแผนรายปีในการตัดสินใจว่าจะซื้ออะไร เท่านั้นไม่พอ จะต้องตั้งอนุฯชุดหนึ่ง ถูกเรียกว่า “อนุฯการลงทุนนอกตลาด” คนหน้าห้องคนเดิมก็เข้าไปอยู่ในอนุฯชุดนั้นด้วย ไม่พอในชุดนั้น มีที่ปรึกษารัฐมนตรี รมว.แรงงาน ขณะนั้นเข้ามาอยู่ในอนุฯด้วย สมมติว่าชื่อ “นายพี” และมีอดีตเด็กหน้าห้องชื่อสมมติ “นายรู” เข้ามาอยู่ อนุฯการลงทุน ที่เป็นคนชี้ตัดสินใจให้เกิดการซื้ออสังหาริมทรัพย์ตึกใดตึกหนึ่งเกิดขึ้น” นายสหัสวัต กล่าว
“ตั้งข้อสงสัยดีลตึกนี้เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองหรือไม่ อย่างที่บอกมีการโยกเด็กหน้าห้องมาดำเนินการ ที่ผ่านมาการลงทุนของ สปส.ไม่เคยเปิดเผยต่อประชาชนเลย ซื้อตึกอะไรบ้าง ซื้ออสังหาฯอะไรบ้าง เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ตราบใดที่การลงทุนของ สปส.อยู่ในมุมมืด อาจเปิดช่องนักการเมืองแทรกแซงเรื่องนี้ได้ การโยกย้ายข้าราชการในปี 2565 เป็นอำนาจ รมว.แรงงาน ขณะนั้น ท่านทราบเรื่องนี้หรือไม่ ถ้าคำสั่งโยกย้ายมาจากท่านจริง ท่านได้ประโยชน์อะไรจากการซื้อตึกนี้” นายสหัสวัต กล่าว
นายสหัสวัต กล่าวด้วยว่า คนที่ลงนามซื้อตึกนี้ขณะนั้นคือ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เมื่อครั้งเป็นเลขาธิการ สปส. ที่ตอนนี้เป็นปลัดกระทรวงแรงงาน คนนี้คีย์แมนทำงานสำคัญในการทำงานของ สปส. ฝากถามว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ และอดีต รมว.แรงงาน ขณะนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ ดังนั้น รมว.แรงงาน คนปัจจุบัน ในฐานะเจ้ากระทรวง ควรตั้งกรรมการตรวจสอบย้อนหลังเรื่องนี้







