พท.- ภท.ไม่จบ เคลียร์ไปรบไป จับตาเกมซักฟอกต่อรองโหวตนายกฯ

พท.- ภท.ไม่จบ 'เคลียร์ไปรบไป' ไร้สัญญาณสงบศึก จับตาเกมซักฟอกต่อรองโหวตนายกฯ ล้ม"สว.สีน้ำเงิน"สะดุด ลุ้น“นายใหญ่” เปลี่ยนเกม
KEY
POINTS
- เกมล้ม สว.โดยมีคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เป็นกลไกให้ “นายใหญ่ค่ายแดง” เคลื่อนเกมรุก “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” แม้จะพ่ายยกแรก แต่ศึกนี้ยังไม่จบ มีลุ้นกันต่ออีกหลายยก
-
แม้ “นายใหญ่สีแดง” จะเปิดโอกาสให้ “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” เข้ามาเคลียร์ แต่ละปม ก็ยังไม่มีทีท่าจะอภัยโทษให้กันได้
-
ชอตวัดใจต่อจากนี้ จึงต้องจับตาเกมโหวตญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ทุกสายตา จะจับจ้องไปที่ 69 เสียงของ “พรรคภูมิใจไทย” ว่าจะแถวตรง โหวตไว้วางใจให้นายกฯ ทั้งหมดหรือไม่
เกมล้ม สว.โดยมีคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เป็นกลไกให้ “นายใหญ่ค่ายแดง” เคลื่อนเกมรุก “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” แม้จะพ่ายยกแรก แต่ศึกนี้ยังไม่จบ มีลุ้นกันต่ออีกหลายยก
ภายหลัง บอร์ด กคพ. มีมติไม่รับคดีฮั้วการเลือก สว. ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 (อั้งยี่) มาตรา 116 (ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ) ซึ่งฐานความผิดดังกล่าวต้องให้ บอร์ด กคพ. พิจารณาตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) โดยต้องใช้เสียง 2 ใน 3 หรือ 15 เสียงจากกรรมการทั้งหมด 22 คน
ทว่า การโหวตของ บอร์ด กคพ. มีเสียงเห็นชอบเพียง 11 เสียง ไม่เห็นชอบ 4 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และไม่มาประชุม 3 เสียง ทำให้คดีฮั้วการเลือก สว. ถูกตีตก
โดย บอร์ด กคพ.มีมติเห็นว่า “ดีเอสไอ” ดำเนินคดีพิเศษเรื่องฟอกเงินได้ โดยไม่ต้องใช้มติบอร์ด เนื่องจากมีการประเมินว่า มูลค่าทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดน่าจะเกิน 300 ล้าน ซึ่งอยู่ในอำนาจของ “อธิบดีดีเอสไอ” อยู่แล้ว
สำหรับเสียงโหวตของ บอร์ด กคพ.ในการประชุมวันที่ 6 มี.ค.2568 แยกย่อยได้ดังนี้
11 เสียงเห็นชอบ ประกอบด้วย 1.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม 2.พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม 3.นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม 4.พล.อ.พิสิษฐ์ นพเมือง เจ้ากรมพระธรรมนูญ 5.นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ
6. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการเงินการธนาคาร 7. นางดวงตา ตันโช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 8.นายชาติพงษ์ จีระพันธุ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย 9.นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย 10.นางทัชมัย กฤษะสุต กรรมการผู้ทรงคุณ ด้านกฎหมาย 11.พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ
มติไม่เห็นชอบ 4 ราย ประกอบด้วย 1. นายนพดล เกรีฤกษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (ผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา) 2. นายจิรานุวัฒน์ ธัญญะเจริญ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกฎหมาย (ผู้แทนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย) 3.นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง (ผู้แทนปลัดกระทรวงมหาดไทย) 4.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล
งดออกเสียง 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายณรงค์ งามสมมิตร ที่ปรึกษากฎหมาย (ผู้แทนปลัดกระทรวงพาณิชย์) 2.นางเยาวลักษณ์ นนทแก้ว อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ (ผู้แทนอัยการสูงสุด) 3.นายอรรถพล อรรถวรเดช ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง (ผู้แทนปลัดกระทรวงการคลัง)
ไม่เข้าร่วมประชุม 3 ราย ประกอบด้วย 1. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ส่งตัวแทนเข้าร่วม พล.ต.ท.อภิชาติ สุริบุญญา – ไม่มาประชุม 2. พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา แจ้งลาประชุมเป็น ครั้งที่ 2 และ 3. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แจ้งลาประชุมเป็น ครั้งที่ 2 ทั้งนี้ นายเพชร ชินบุตร กรรมการผู้ทรงคุณด้านเศรษฐศาสตร์ ออกจากที่ประชุมไปก่อนจะมีการโหวต
จากเดิม “เบอร์หนึ่งตราชั่ง” อาสาออกรบแทน “นายใหญ่” ตั้งข้อหาฮั้วการเลือก สว. หวังสอย “สว.สีน้ำเงิน” ข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร แต่ไปไม่ถึงเป้าหมาย ทำได้แค่ข้อหาฟอกเงิน โดยคาดว่าจะมีกระบวนการสืบสวนสอบสวนที่ใช้เวลาเป็นปี เนื่องจากต้องมีการสืบพยานหลักฐานจำนวนมาก เพราะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องถึง 1,200 คน
นอกจากนั้น ยังต้องมีความเห็นจากพนักงานสอบสวนอีกว่า เห็นควรสั่งฟ้องกับบุคคลใดบ้าง หรือโยงใยไปถึงบุคคลที่อยู่ภายนอกวงด้วย ทั้งนี้อาจจะต้องส่งไปถึงพนักงานอัยการ และชั้นศาลด้วย ทำให้เวลาทอดยาวไปอีกนาน
ด้าน “บิ๊กสีน้ำเงิน - สว.สีน้ำเงิน” น่าจะหายใจได้โล่งขึ้น ว่ากันว่ามี “ซูเปอร์บิ๊กเนม” ยื่นมือเข้ามาช่วยประสาน ต่อสายให้ “บอร์ด กคพ.” ปฏิบัติการช่วยค้ำอำนาจ “สว.สีน้ำเงิน”
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น จึงชัดเจนว่า ศึกระหว่าง “นายใหญ่สีแดง” กับ “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” ยังต้องรบกันอีกหลายยก เนื่องจากแค้นเก่าที่มาพร้อมวาทะ “มันจบแล้วครับนาย” ยังไม่ได้รับการชำระ แค้นใหม่ที่มีหลายปัญหาสะสม ยิ่งทำให้รอยร้าวบาดลึก
แม้ “นายใหญ่สีแดง” จะเปิดโอกาสให้ “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” เข้ามาเคลียร์ แต่ละปม ก็ยังไม่มีทีท่าจะอภัยโทษให้กันได้
ชอตวัดใจต่อจากนี้ จึงต้องจับตาเกมโหวตญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ทุกสายตา จะจับจ้องไปที่ 69 เสียงของ “พรรคภูมิใจไทย” ว่าจะแถวตรง โหวตไว้วางใจให้นายกฯ ทั้งหมดหรือไม่
ที่สำคัญ ก่อนการโหวต น่าติดตามว่า “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” จะเปิดเกมต่อรอง “นายใหญ่-นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ในรูปแบบใดอีก เพราะตั้งแต่ร่วมหัวจมท้ายในฐานะ “พรรคร่วมรัฐบาล” มาด้วยกัน ประเด็นต่อรองจาก “ค่ายสีน้ำเงิน” มีให้เห็นหลายครั้ง
ขณะเดียวกัน ในเกมของนายใหญ่สีแดง ยังมีแนวร่วมขยับให้เห็น โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ออกมาประกาศค้ำนายกฯ อยู่ขั้วรัฐบาล
โดยอัปตัวเลข สส.กล้าธรรมจาก 24 เสียง เป็น 34 เสียง คาดว่าจะดูด สส.จากค่ายลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีอยู่ 20 เสียง และบางส่วนจากพรรคเล็กขั้วฝ่ายค้าน
ว่ากันว่า แนวทางของ “นายใหญ่สีแดง” พร้อมขับ “พรรคภูมิใจไทย” ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่ติดเงื่อน สว.ที่ต้องอาศัยความร่วมมือในการผ่านร่างกฎหมายสำคัญ ลำพัง 69 เสียงพรรคภูมิใจไทย สามารถหาเสียง สส. มาเพิ่มเติมให้เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ ได้ไม่ยาก
โดยมีกระแสข่าวออกมาว่า “ผู้กองธรรมนัส” อาสาเป็นแม่ทัพให้ “นายใหญ่” ในการรวบรวมเสียง สส.จากขั้วฝ่ายค้าน มาทดแทน “พรรคภูมิใจไทย” โดยมีการพูดคุยกันถึง "สูตรเปลี่ยนขั้ว" หลายครั้ง
จากปัญหาที่เป็นรอยร้าว ยากจะไปต่อด้วยกันได้ระหว่าง “ค่ายแดง-ค่ายน้ำเงิน” ที่งัดข้อกันอยู่ ประกอบด้วย 1.นโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ โดย “ครูใหญ่” ต้องการให้จัดสรรโควตาไปยังพื้นที่เมืองหลวงสีน้ำเงิน 2.แก้ พ.ร.บ.พนัน 2478 3. พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย
4. ทิศทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอยู่ระหว่างรอให้ครบเวลา 6 เดือน ที่ต้องพักการพิจารณา พ.ร.บ.ประชามติ เนื่องจาก “สว.สีน้ำเงิน” พลิกให้กับมาใช้การลงคะแนนล็อกสองชั้น เมื่อถึงวันต้องโหวตยืนยันมติ สส.ต้องวัดใจ “สส.สีน้ำเงิน” จะโหวตในทิศทางใด
5. กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิการเช่าที่ดิน 99 ปี โดยยังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่มีความเคลื่อนไหวของ “สายสีน้ำเงิน” เตรียมโหวตโน 6.ทิศทางสัญญาโมโตจีพีที่เพื่อไทยต้องสนับสนุน 7. ปมที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ของนายกฯ อุ๊งอิ๊ง
และ 8. คดีที่ดินเขากระโดง โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ภายใต้ความดูแลของ “เดอะซัน” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ รมว.คมนาคม เล็งฟ้องศาลปกครองกรณี “กรมที่ดิน” ภายใต้การกำกับดูแลของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย เพิกถอนคำสั่งไม่ถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง
เมื่อปมร้อน-ปมรบ รอวันปะทุ จึงต้องจับตาว่า เกมขบเหลี่ยมระหว่าง “นายใหญ่” กับ “ครูใหญ่” การขับ “พรรคภูมิใจไทย” จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะการเลือกตั้งปี 2570 หลายพื้นที่ “ค่ายแดง” ต้องแย่งชิงกับ “ค่ายน้ำเงิน” หากจะเปิดศึกรบกัน จำเป็นต้องตัดกำลัง-ตัดท่อน้ำเลี้ยงให้เร็วที่สุด
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







