'กมธ.มั่นคง' ชี้มีข้อมูลชัด มีประเทศที่สาม พร้อมรับ 'อุยกูร์'

'กมธ.มั่นคง' ชี้มีข้อมูลชัด มีประเทศที่สาม พร้อมรับ 'อุยกูร์'

"กมธ.มั่นคง" ชี้รัฐบาลไทย ไม่จริงใจ ส่ง "อุยกูร์" ไปประเทศที่สาม พร้อมระบุมีข้อมูลชัด มีประเทศที่สามหลายประเทศพร้อมรับ แต่รัฐบาลไทยไม่ตอบรับ

ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายการประชุมกมธ. ซึ่งพิจารณาวาระผลกระทบจากการผลักดัน 40 ผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนว่า ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)  ในวันที่ 8 ม.ค.68 มีหนังสือจากทางการจีนส่งถึงไทย เพื่อขอตัวคนอุยกูร์อย่างเป็นทางการ ซึ่ง สมช.มีการประชุมและลงมติ 17 ม.ค.68  ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ เท่าที่ทราบมีการประชุมโดยคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ซึ่งเกิดขึ้นหลังมีมติส่งตัวชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คนกลับจีนแล้ว ครั้งนั้นมีการยืนยันว่า จะไม่ส่งตัวกลับไปที่ประเทศจีนอย่างแน่นอน

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เมื่อไปดูในรายละเอียดในการประชุมของ สมช.มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการประชุมเรื่องนี้  อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม  โดยเหตุผลในการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับ ไม่ชัดเจนว่าประเทศไทยได้ประโยชน์อะไร กลายเป็นเรื่องที่ สมช.พูดว่าอยู่ในห้องกัก ตม.(สวนพลู) ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน กมธ.จึงถาม ตม.ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เข้าข่าย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทำร้ายและการกระทำที่ทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือไม่ ซึ่ง ตม.ปฎิเสธ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนกรณีประเทศที่สาม ที่มีการให้ข้อมูลว่าประเทศที่สามไม่ได้จริงจังต่อการรับคนอุยกูร์ไปอยู่ด้วย เมื่อพูดคุยรายละเอียดข้อเท็จจริงพบว่า ไทยไม่เคยทำหนังสืออย่างเป็นทางการในการสอบถามประเทศที่สามเช่นกัน เราไม่เคยทำหน้าที่เชิงรุกในการประสานงาน พูดคุยส่งชาวอุยกูร์ไปยังประเทศที่สาม อาจมีการพูดคุยด้วยวาจา แต่ไม่ได้มีการประสานอย่างจริงจัง หน่วยงานรัฐโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศบอกว่า ประเทศที่จริงจังที่สุดในการขอรับชาวอุยกูร์คือ ประเทศจีน แต่ประเทศไทยก็ไม่ได้จริงจังกับประเทศใด ปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้ 

"ข้อมูลที่ได้รับในวันนี้ค่อนข้างชัดว่า มีประเทศที่สามมากกว่าหนึ่งประเทศพร้อมรับชาวอุยกูร์ทั้งหมด  แต่ปัญหาคือ ไทยไม่เคยตอบรับหรือมีหนังสือส่งชาวอุยกูร์ไปประเทศที่สาม รัฐบาลไทยจึงส่งพวกเขากลับจีน" นายรังสิมันต์ กล่าว 

ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช ฐานะที่ปรึกษากมธ. กล่าวว่า จากการแถลงของนายภูมิธรรม ในช่วงค่ำวันที่ส่งรนอุยที่กูร์กลับจีน ได้ใช้คำว่าไม่มีประเทศไหนเลยในรอบ 11 ปีที่ผ่านมาที่ติดต่อขอรับตัวชาวอุยกูร์ นอกจากจีน แต่วันนี้ชัดเจนแล้วว่ามีการติดต่อโดยข้าราชการระดับรองอธิบดีของกระทรวงต่างประเทศ  มีอย่างน้อยสามประเทศที่ติดต่อขอรับตัว ทั้งนี้ขอตั้งคำถามไปยัง นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศว่า รัฐบาลไทยเคยทำหนังสือไปยังประเทศอื่นหรือไม่ เนื่องจากสหรัฐอเมริการะบุชัดเจนว่ารัฐบาลสหรัฐเคยยื่นเงื่อนไขในการแก้ปัญหาอุยกูร์ และอยากให้รัฐบาลไทยพิจารณา

"ขณะที่ท่านบอกว่าประเทศอื่นไม่จริงจัง ประเทศไทยก็ไม่ได้จริงจังกับเขาก่อน เพราะทางการทูตต้องทำเท่ากันทั้งสองประเทศ หากรัฐไทยบอกว่าประเทศอื่นไม่จริงจังและประเทศอื่นต้องไปเจรจากับจีนด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้ไทยเจรจาคนเดียว จึงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง นี่คือคำพูดจากผู้ช่วย รมว.การต่างประเทศจริงหรือไม่ ทั้งนี้นายรัศม์ ยืนยันหนักแน่นว่าจะต้องเชื่อรัฐบาลจีนเนื่องจากเขารับรองความปลอดภัย แต่จนถึงวันนี้ 109 ชาวอุยกูรอยู่ที่ไหนและรัฐบาลไทยเคยติดตามตรวจสอบก่อนส่งหรือไม่" น.ส.พรรณิการ์ กล่าว.