จับพิรุธโครงการ ‘เว็บแอป’ สปส. 850 ล้าน ขมวด 3 ปมสัญญา - คุณสมบัติ

ทั้งหมดคือ 3 เงื่อนปมที่รอคำชี้แจงจาก สปส.ก่อนที่เลขาธิการ สปส.ยืนยันว่า จะเปิดเผยรายละเอียดสารพัดข้อมูลที่ สส.ปชน.สงสัย ภายใน 7 วัน
KEY
POINTS
- กางข้อมูล TOR ตั้งข้อสังเกต 3 ปมสัญญาทำ "เว็บแอป" 850 ล้านของ สปส.
- กังขาทำโครงการ 2 ครั้ง เลิก 1 ครั้ง ไม่แจงรายละเอียดยกเลิกทำไม ใครร่วมประมูลบ้าง
- ส่งมอบงานช้า ค่าปรับ 193 ล้าน ไม่ต้องจ่ายอ้างโควิด-19 แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังส่งมอบงานไม่เสร็จ
- เช็กคุณสมบัติผู้ประมูล ต้องเคยคว้างานรัฐ 170 ล้าน ในสัญญาเดียว แต่ 'IRCP' อาจไม่เข้าข่าย?
เงื่อนปมสำนักงานประกันสังคม (สปส.) จัดทำโครงการประกวดราคาจ้างโครงการปรับเปลี่ยนระบบงานประกันสังคมบนเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม เป็นระบบ Web Application หรือ "เว็บแอป" ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงินงบประมาณ 850 ล้านบาท กำหนดราคากลาง 848,925,000 บาท
พบว่ามีผู้ชนะการประมูลคือ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “IRCP” ด้วยวงเงิน 848 ล้านบาท แต่กลับไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดในโครงการดังกล่าวแก่สาธารณะ เนื่องจาก กมธ.ติดตามงบฯ สภาผู้แทนราษฎร กังขาว่า โครงการนี้ดำเนินการอย่างล่าช้า และส่อพบข้อพิรุธในสัญญาจำนวนมาก
ข้อเท็จจริงประเด็นข้างต้น คือ หนึ่งในสารพัดข้อสังเกตจาก 2 สส.พรรคประชาชน (ปชน.) คือ “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี ที่ล่าสุด รุดไปยังสำนักงาน สปส. เพื่อหารือแนวทางการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริหารจัดการกองทุนประกันสังคม โดยความคืบหน้าขณะนี้ ได้รับการยืนยันจากเลขาธิการ สปส.ว่า จะทยอยเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดใน 7 วัน
กรุงเทพธุรกิจ ขมวดที่มาที่ไปโครงการดังกล่าว สรุปข้อเท็จจริงได้ 3 กรณีดังนี้
1.ขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ทำ 2 ครั้ง ยกเลิก 1 ครั้ง กล่าวคือ สปส.มีการประกวดราคาครั้งแรกปลายปี 2563 ใช้งบประมาณจากปี 2561 กำหนดราคากลาง 850 ล้านบาท ต่อมาต้นปี 2564 มีเอกชนเข้ามายื่นซอง 3 ราย แต่มิได้เปิดเผยรายละเอียด ก่อนจะประกาศรายชื่อผู้ชนะคือ IRCP ด้วยวงเงิน ด้วยวงเงิน 837,888,888 บาท (ต่ำกว่าราคากลาง 12,111,112 บาท)
ต่อมา นายประพนธ์ ศิลปรัศมี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการ สปส. ลงนามเอกสาร สปส. ยกเลิกการประกาศผู้ชนะการเสนอราคาโครงการดังกล่าว โดยระบุเหตุผลว่า เนื่องจากคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และข้อร้องเรียน มีคำวินิจฉัยให้ยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างในครั้งนี้ และดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องต่อไปตามนัยมาตรา 43 ประกอบมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560
หลังจากนั้น สปส.ดำเนินโครงการดังกล่าวอีกครั้งช่วงเดือนก.ย. 2564 มีเอกชนเข้ายื่นเสนอราคา (ยื่นซอง) 2 ราย ได้แก่ IRCP เสนอราคา 848,500,000 บาท (ต่ำกว่าราคากลาง 425,000 บาท) และบริษัท ยิบอินซอย จำกัด เสนอราคา 848,888,000 บาท (ต่ำกว่าราคากลาง 37,000 บาท) และ IRCP เป็นผู้ชนะการประกวดราคาครั้งนี้ ด้วยวงเงิน 848 ล้านบาท (ต่ำกว่าราคาที่เสนอ 500,000 บาท ต่ำกว่าราคากลาง 925,000 บาท) และทำสัญญาดำเนินการเมื่อ 20 ธ.ค.2564
ยังไม่มีคำชี้แจงจาก สปส.ว่า สาเหตุประการสำคัญที่ทำให้ต้องยกเลิกการประกวดราคาเมื่อต้นปี 2564 ทั้งที่ได้ผู้ชนะการประกวดราคาแล้วคืออะไร และเอกชนที่เข้าร่วมประกวดราคาครั้งดังกล่าวอีก 2 รายคือใคร และใครเป็นผู้ร้องเรียน จนนำไปสู่การยกเลิกการประกวดราคาครั้งนั้น นอกจากนี้แม้ว่าจะมีการประมูลครั้งที่ 2 แล้วก็ตาม ซึ่งได้ผู้ชนะราคาเจ้าเดิม แต่โครงการนี้แม้จะสิ้นสุดในสัญญาเมื่อ 20 ธ.ค.2566 แล้ว ก็ยังไม่สามารถ “ส่งมอบงาน” ได้สำเร็จ
2.ร่างขอบเขตของงาน (TOR) โครงการนี้ สรุปได้ว่า สาเหตุที่ต้องดำเนินโครงการนี้ เพราะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2554 แต่ผู้รับจ้างขณะนั้นทำงานล่าช้า เกิดปัญหาทางระบบ มีข้อจำกัดทางอุปกรณ์ และซอฟต์แวร์ ทำให้ สปส.นำระบบดังกล่าวมาใช้ในการให้บริการได้ ดังนั้นเพื่อให้เกิดการปฏิรูปประกันสังคมอย่างมีประสิทธิผล และตอบสนองนโยบายรัฐบาลดิจิทัลสำนักงานประกันสังคมจึงจำเป็นต้องดำเนินโครงการปรับเปลี่ยนระบบงานประกันสังคมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ Mainframe เป็นระบบ Web Application อย่างเร่งด่วน
โดยพัฒนา และปรับปรุงระบบสารสนเทศงานประกันสังคมในรูปแบบ Web Application และทำการโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมสู่ฐานข้อมูลใหม่ ตรวจสอบคุณภาพข้อมูล และทดสอบการใช้งานปริมาณมากด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพตามระยะเวลาที่กำหนดซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “ร่วมสร้างสรรค์สังคมแรงงานที่มีหลักประกันถ้วนหน้าอย่างยั่งยืน” เพื่อรองรับกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) กำหนดวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
ประเด็นการส่งมอบงาน แบ่งออกเป็น 6 งวด ดังนี้ งวดที่ 1 เมื่อผู้รับจ้างได้ดำเนินการภายใน 180 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา งวดที่ 2 เมื่อผู้รับจ้างได้ดำเนินการภายใน 420 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา งวดที่ 3 เมื่อผู้รับจ้างได้ดำเนินการภายใน 480 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา งวดที่ 4 เมื่อผู้รับจ้างได้ดำเนินการภายใน 570 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา งวดที่ 5 เมื่อผู้รับจ้างได้ดำเนินการภายใน 630 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา งวดที่ 6 เมื่อผู้รับจ้างได้ดำเนินการภายใน 730 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา
โดยเงื่อนไขการชำระเงิน ระบุว่า ผู้ว่าจ้างจะทำการชำระค่าจ้างตามระเบียบพัสดุ ระเบียบการจ่ายเงินของผู้ว่าจ้าง และผ่านการตรวจรับ และเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจรับพัสดุเรียบร้อยแล้ว โดยจะทำการจ่ายค่าจ้างเป็นจำนวน 6 งวด ดังนี้ งวดที่ 1 จ่ายเงินร้อยละ 35 ของค่าจ้างตามสัญญา งวดที่ 2 จ่ายเงินร้อยละ 10 ของค่าจ้างตามสัญญา งวดที่ 3 จ่ายเงินร้อยละ 30 ของค่าจ้างตามสัญญา งวดที่ 4 จ่ายเงินร้อยละ 10 ของค่าจ้างตามสัญญา งวดที่ 5 จ่ายเงินร้อยละ 5 ของค่าจ้างตามสัญญา งวดที่ 6 จ่ายเงินร้อยละ 10 ของค่าจ้างตามสัญญา
ที่น่าสนใจ หลังสิ้นสุดสัญญาเมื่อ 20 ธ.ค.2566 ปรากฏว่า ผู้รับจ้างยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ โดยทำหนังสือถึง สปส.อ้างว่าติดช่วงสถานการณ์โควิด-19 จึงส่งมอบงานล่าช้า กระทั่งถึงเดือนก.ค.2567 มีการส่งมอบงานให้แก่ สปส.รวมค่าปรับที่ต้องจ่าย ณ เวลานั้นกว่า 193 ล้านบาท แต่ สปส.ได้ยกเว้นไม่ปรับ เนื่องจากได้รับเงื่อนไขตามนโยบายรัฐบาลช่วงโควิด-19
อย่างไรก็ดีนับจาก ก.ค.2567 จนถึงปัจจุบัน (5 มี.ค.2568) ผ่านมาราว 8 เดือน แต่ก็ยังไม่สามารถส่งมอบงานครบทุกงวดได้ ซึ่งหากคำนวณตามค่าปรับ จะต้องถูกปรับอีกราว 84 ล้านบาท
โดยอัตราค่าปรับ ในกรณีที่ผู้ยื่นข้อเสนอราคาส่งมอบงานจ้างล่าช้ากว่ากำหนดแล้วเสร็จตามสัญญา แต่ผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญาผู้ยื่นข้อเสนอราคาจะต้องชำระค่าปรับและค่าเสียหาย เช่น ค่าปรับรายวัน ในอัตราร้อยละ 0.1 ของค่าจ้างตามสัญญานับถัดจากวันที่ครบกำหนดเวลาแล้วเสร็จของงานตามสัญญาหรือวันที่ผู้ว่าจ้างได้ขยายเวลาทำงานให้จนถึงวันที่ทำงานแล้วเสร็จจริง และส่งผลงานที่แล้วเสร็จตามขอบเขตที่ระบุไว้ได้ครบถ้วนและถูกต้องแล้วถ้าไม่ถึงวันหรือเศษของวันให้คิดเป็นหนึ่งวัน
3.ในคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอราคาข้อ 13 ระบุว่า ผู้ยื่นข้อเสนอราคาจะต้องมีประสบการณ์ และมีผลงานในการดำเนินงานด้านพัฒนาระบบสารสนเทศหรือ ผลงานเกี่ยวกับจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบเครือข่ายสารสนเทศ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 170,000,000 บาท (หนึ่งร้อยเจ็ดสิบล้านบาทถ้วน) ในสัญญาเดียว ในระยะเวลา ไม่เกิน 10 ปี นับตั้งแต่วันรับมอบโครงการ ถึงวันยื่นเอกสารประกวดราคา ซึ่งเป็นคู่สัญญาตรงกับส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นๆ ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานเอกชนที่สำนักงานประกันสังคมเชื่อถือ
จากการตรวจสอบในฐานข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในช่วง 10 ปีก่อนที่ IRCP จะเข้าประกวดราคา “เว็บแอป” พบว่า ไม่เคยมีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแห่งใดเพียง “สัญญาเดียว” ที่วงเงิน 170 ล้านบาท โดยโครงการมูลค่าสูงสุดคือ สัญญากับองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ “ไทยพีบีเอส” ในการซื้ออุปกรณ์เพื่อการปรับปรุงระบบ Combiner ยี่ห้อ Spinner เพื่อรองรับการใช้งานย่านความถี่ 470 - 694 MHz โดยวิธีเฉพาะเจาะจง วงเงิน 147,462,050 บาท ดังนั้น IRCP ผ่านคุณสมบัติข้อนี้ได้อย่างไร?
ทั้งหมดคือ 3 เงื่อนปมที่รอคำชี้แจงจาก สปส.ก่อนที่เลขาธิการ สปส.ยืนยันว่า จะเปิดเผยรายละเอียดสารพัดข้อมูลที่ สส.ปชน.สงสัย ภายใน 7 วัน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







