ภาค ปชช.ให้ข้อมูลเพิ่ม กกต. ยันองค์กรเดียวสอบปมฮั้วเลือก สว.

เครือข่ายภาค ปชช.-ไอลอว์ ยื่นหลักฐานเพิ่ม กกต.สอบปมฮั้วเลือก สว. ยันเป็นองค์กรเดียวมีอำนาจชี้ขาด หวั่น 'ดีเอสไอ' รับคดีพิเศษ เกิดคำถามใหญ่ถึงบทบาทองค์กรอิสระตาม รธน.
เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2568 โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ "ไอลอว์" เผยแพร่ข้อมูลว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) "กลุ่มประชาชน Senate67" ยื่นหนังสือและข้อมูลความผิดปกติของกระบวนการเลือก สว.ปี 2567 ซึ่งก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาและจะลงมติว่าจะรับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับขบวนการโกงการเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนในข้อหาอั้งยี่ฯ และข้อหาอื่น ๆ หรือไม่
โดยตามกฎหมายแล้วองค์กรตัวจริงที่มีอำนาจสืบสวนสอบสวนข้อกล่าวหาเกี่ยวกับที่มาของ สว. กระบวนการเลือก สว. ที่ผิดปกติ คือ กกต. ทางกลุ่มที่ติดตามข้อมูลสังเกตการณ์การเลือก สว. มาตั้งแต่ต้น จึงนำข้อมูลมายื่นเพิ่มเติมให้กับ กกต. อีกชุดหนึ่ง และเรียกร้องให้ กกต. รีบทำหน้าที่โดยตรวจสอบและสรุปผลการตรวจสอบเกี่ยวกับข้อกล่าวหาต่อการโกงการเลือก สว. โดยเร็วก่อนที่องค์กรอื่นจะต้องก้าวเข้ามาทำหน้าที่นี้แทน
นายชยพล ดโนทัย ตัวแทนจากไอลอว์ อธิบายความผิดปกติของการเลือกกันเองของ สว. 2567 ว่า จากการที่พวกเราสังเกตการณ์การเลือก สว. ทั้งสามระดับ มีประเด็นสำคัญที่เรานำมายื่นให้ กกต. ในวันนี้ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความไม่ปกติทั้งเรื่องของการลงสมัครและการลงคะแนนเช่น จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่ามีแปดจังหวัดที่มีผู้สมัครผ่านเข้าสู่รอบเลือกไขว้ได้มากเป็นพิเศษถึง 286 คน ได้แก่ อยุธยา บุรีรัมย์ สตูล อ่างทอง เลย อำนาจเจริญ ยโสธร และสุรินทร์ ซึ่งในจำนวน สว. 200 คน มีหนึ่งในสี่ หรือ 52 คน มาจากแปดจังหวัดนี้
เมื่อดูคะแนนก็จะเห็นว่าผู้สมัครเหล่านี้ได้คะแนนนำห่างจากคนอื่นอย่างมีนัยสำคัญ และมีรูปแบบการลงคะแนนที่แปลกประหลาดคือ บัตรที่เลือกผู้สมัครเหมือนกันทุกหมายเลขและเรียงลำดับเหมือนกัน ในทางสถิติแล้ว โอกาสที่ผู้สมัครสองคนจะ “บังเอิญ” ลงคะแนนในบัตรเหมือนกันทั้งสิบหมายเลขและเรียงลำดับเหมือนกัน มีเพียง 1 ใน 5,566 ล้านล้านล้านเท่านั้น
ส่วน น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ กล่าวโดยสรุปว่า การได้มาซึ่ง ส.ว. 200 คนชุดปัจจุบันนั้นไม่ใช่การเลือกตั้ง แต่เป็นระบบที่ถูกออกแบบให้ต้องมีการ “จัดตั้ง”ตามรัฐธรรมนูญ 2560 และ พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา การ “จัดตั้ง” สามารถทำได้ตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำตัว การรวมกลุ่มเพื่อพูดคุย ทำความรู้จัก และแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ ทั้งนี้ศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยที่ 971-972/2567 ว่าการแนะนำตัว การพบปะพูดคุยไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่มีปัญหาคือการ “จ้างตั้ง” ให้อามิสสินจ้าง การสัญญาว่าจะให้ตำแหน่ง หรือการให้เงินตอบแทน แต่การให้ผลประโยชน์ในทุกรูปแบบเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และนี่คือสิ่งที่ กกต. ควรต้องสืบสวนสอบสวนอย่างจริงจังและเร่งด่วน ซึ่งผ่านมา 8-9 เดือนแล้วยังไม่เห็นความคืบหน้า
ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ จันทร์อ่อน We Watch กล่าวถึงปัญหาการสังเกตการณ์การเลือก ส.ว. – กกต. อนุญาตให้สังเกตการณ์แต่มีอุปสรรค เพราะผู้สังเกตการณ์ต้องอยู่นอกห้อง ดูผ่านจอซีซีทีวีเท่านั้น ซึ่งบางจังหวัดมอนิเตอร์ก็ดับ ระดับประเทศมีจอมอนิเตอร์เพียง 23 จอ และผู้สังเกตการณ์ต้องใช้กล้องส่องทางไกล เป็นภาพที่น่าอับอายระดับโลก
ส่วนนายนันทวัฒน์ ศักดิ์สกุลคุณากร คณะรณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญกล่าวว่า การเลือก ส.ว. ที่ผ่านมามีข้อน่ากังขาและมีพยานหลักฐานจำนวนมากที่ชี้ว่าอยู่ในรูปของการ “จ้างตั้ง” กกต. มีหน้าที่ตามกฎหมายในการตรวจสอบให้การเลือกกันเองเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เมื่อมีหลักฐาน กกต. ควรดำเนินการตรวจสอบโดยเร็ว นอกจากนี้ในกระแสข่าวที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับเรื่องการโกง สว.เข้าสู่การพิจารณาในฐานะคดีพิเศษหรือไม่ พวกเราขอยืนยันว่าหน้าที่หลักในการตรวจสอบการทุจริต การเลือก สว.ต้องเป็นหน้าที่ของ กกต.และถ้าเกิดดีเอสไอรับเรื่องนี้เข้าไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นคำถามอันใหญ่มากสำหรับ กกต. ในฐานะที่เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบและตรวจตราการเลือกสว. และนับเป็นสิ่งที่จะยืนยันว่า กกต.กำลังละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้
นายนันทวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในปี 2568 กกต. ห้าจากเจ็ดคนจะพ้นวาระ และจะมีการสรรหาโดย ส.ว. ชุดที่มีข้อกังขา จึงมีคำถามถึงความโปร่งใสในการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ควบคุมการเลือกสว. นอกจากนี้ปัญหาการ “จ้างตั้ง” ยังยืนยันถึงปัญหาของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มาจากคณะรัฐประหาร ซึ่งกำลังทำลายการเมืองรัฐสภาและระบอบประชาธิปไตย จึงมีความจำเป็นต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชน







