รอง ปธ.ศาล ปค.สูงสุดเล่าหลังฉาก คำสั่งไม่คุ้มครอง 'บิ๊กโจ๊ก'

รอง ปธ.ศาล ปค.สูงสุดเล่าหลังฉาก คำสั่งไม่คุ้มครอง 'บิ๊กโจ๊ก'

รอง ปธ.ศาล ปค.สูงสุด เล่าเบื้องหลังคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราว 'บิ๊กโจ๊ก' เผยขั้นตอนที่ประชุมใหญ่ฯตีตก แย้มคดีให้ออกราชการ รอชี้ขาด เหตุเป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2568 ที่ห้องสัมมนา 2 (แนวลาด) ชั้นบี 1 สำนักงานศาลปกครอง ถนนเเจ้งวัฒนะ นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด และนายประวิตร บุญเทียม รองประธานศาลปกครองสูงสุด ในฐานะประธานคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ แถลงผลงาน ครบรอบ 24 ปี ศาลปกครอง

โดยนายประวิตร ตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นที่มีการถามถึงสาเหตุที่ประธานศาลปกครองสูงสุด พิจารณาให้นำประเด็นข้อกฎหมายในคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ที่มี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือ "บิ๊กโจ๊ก" อดีตรอง ผบ.ตร. ยื่นฟ้องผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.), นายกรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อช่วงปลายปี2567 ที่ผ่านมา ว่า คดีนี้กฎหมายกำหนดให้สามารถนำคดีฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้เลยไม่ต้องฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น เมื่อศาลปกครองสูงสุดรับคดีไว้พิจารณาทางผู้ฟ้องก็ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาฯ คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนซึ่งวิธีการแสวงหาข้อเท็จจริงของศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุดจะเหมือนกัน คือการแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวองค์คณะจะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งในศาลปกครองสูงสุดองค์คณะจะประกอบด้วยตุลาการ 5 คน

ส่วนการนำเข้าที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดนั้น นายประวิตร กล่าวว่า กฎหมายให้เป็นอำนาจของประธานศาลปกครองสูงสุด ที่เห็นว่ามีข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่เป็นประเด็นอันสำคัญควรเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ จึงเป็นดุลพินิจของประธานศาลปกครองสูงสุดที่นำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็มติที่ประชุมใหญ่มีคำสั่งให้ยกคำร้อง

เมื่อถามว่าประธานศาลปกครองสูงสุดรู้แนวคำวินิจฉัยขององค์คณะทั้ง 5 ก่อนพิจารณานำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่หรือไม่ นายประวิตร กล่าวว่า กระบวนการทำคำพิพากษาของศาลปกครองไม่ว่าจะเป็นศาลปกครองชั้นต้น หรือศาลปกครองสูงสุด คำพิพากษาก็จะต้องตรวจสอบโดยในศาลชั้นต้นจะให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลปกครองชั้นต้น

นายประวิตร กล่าวว่า ในศาลสูงก็จะให้ประธานศาลปกครองสูงสุด ตรวจสอบก่อนทุกคดีไม่ได้เป็นการก้าวล่วงคำพิพากษา เป็นระบบของศาลโดยทั่วไป แต่ไม่สามารถจะไปสั่งแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงความเห็นอะไรได้ ซึ่งก็แน่นอนว่าประธานศาลปกครองสูงสุด หรือรองประธานศาลปกครองสูงสุดที่รับมอบอำนาจก็จะรู้แนวคำวินิจฉัยขององค์คณะ โดยระบบ ก็เห็นว่ามีข้อกฎหมายข้อเท็จจริงที่จะควรนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกว่าคดีไหนจะเข้าที่ประชุมใหญ่ ส่วนที่บอกว่าประธานสูงสุดเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับองค์คณะหรือไม่ก็มี  แต่เรื่องนี้เห็นว่าเป็นคดีสำคัญ ที่ต้องวางหลักกฏหมายที่สำคัญ จึงควรให้ระดมความคิด โดยที่ประชุมใหญ่ ไม่จำเป็นว่าประธานจะต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับองค์คณะเท่านั้น

ซักอีกว่าในคดีวินัยหรือคดีอาญาของอดีต รอง ผบ.ตร.ตอนนี้ที่กำลังดำเนินการอยู่จะมีผลกระทบต่อคดี ที่อยู่ในศาลปกครองสูงสุด เเละสามารถนำความคืบหน้ามายื่นเพิ่มได้หรือไม่ รองประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวว่า ศาลปกครองมีอำนาจในคดีคำสั่งทางปกครอง เช่นคดีการลงโทษทางวินัย คดีการให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีอาญาซึ่งมีโทษจำคุกไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง คดีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ในเวลานี้เป็นคดีให้ออกจากราชการไว้ก่อนคดีเดียว  แต่ถ้าต่อไปมีคดีสั่งให้ออกซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครองก็สามารถนำมาฟ้องเพิ่มเติมเป็นอีกคดี ศาลก็จะดูเงื่อนไขการฟ้องและเนื้อหาคดีต่อไป ซึ่งในส่วนคดีปกครองกับคดีอาญาก็จะเป็นคดีที่คู่กันมาเสมอ โดยเฉพาะเรื่อง ปปช.ชี้มูล ทำให้อาจจะมีคดีอาญาปะปนอยู่ด้วยซึ่งศาลปกครอง ก็ไม่ละเลยที่จะดูคดีอาญา และผลของคดีในส่วนอาญาที่ศาลตัดสินไว้แล้ว แต่ศาลปกครองก็มีดุลพินิจที่จะรับฟังพยานหลักฐาน โดยไม่ผูกพันกับคดีอาญานั้น แต่ก็จะเอามาประกอบ ไม่ได้ละทิ้งแต่ต้องมีคู่กรณีนำเสนอมาให้ศาลได้เห็น

เมื่อถามว่าคดีนี้ศาลมีความหนักใจบ้างหรือไม่เนื่องจากในชั้นคุ้มครองชั่วคราวความเห็นขององค์คณะที่มีกระเเสข่าวหลุดมาก่อนเเละสุดท้ายมีความเห็นขัดกันกับมติของที่ประชุมใหญ่ นายประวิตร กล่าวว่า การทำงานของศาลจะว่ายากก็ยาก ไม่ยากก็ไม่ยาก แต่ใช้เสียงข้างมากตัดสิน ไม่ว่าจะในองค์คณะหรือที่ประชุมใหญ่ก็ใช้เสียงข้างมากตัดสิน ก็ไม่มีอะไรหนักใจ ส่วนเรื่องที่โดนกลับความเห็นมองว่าการเป็นตุลาการ ก็ต้องยึดมั่นในความเห็นตัวเองแต่ขณะเดียวกัน เพราะต้องยอมรับเสียงข้างมาก ตุลาการทุกคนจะต้องเจอแบบนี้มีการแสดงความเห็นไปแต่เจอเสียงข้างมาก ก็ต้องจบตามเสียงข้างมาก ถ้าหนักใจก็คงหนักตั้งแต่เข้าทำงานใหม่ๆแล้ว

ซักอีกว่า สุดท้ายเเล้วคำวิจฉัยคดีหลักจะต้องนำเข้าที่ประชุมใหญ่ หรือต้องใช้เงื่อนไขเดียวกันหรือไม่ นายประวิตร กล่าวว่า อาจจะเข้าหรือไม่เข้าก็ได้ แล้วแต่ประธานศาลปกครองสูงสุด คดีนี้รอบแรกในเรื่องวิธีการชั่วคราวมีการนำเข้าที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดไปแล้ว แต่ว่าเมื่อลงในเนื้อหาว่าคำสั่งให้ออกจากราชการชอบหรือไม่ ยังไม่ทราบว่าจะต้องนำเข้าที่ประชุมใหญ่หรือไม่ เป็นดุลพินิจของประธานสำสูงสุด หลักกฏหมายใช้คำว่าประธานศาลปกครองสูงสุดเห็นสมควร แต่ในทางปฏิบัติก็จะเห็นว่าเป็นคดีสำคัญ มีผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ ทุนทรัพย์สูงประชาชนให้ความสนใจ ก็จะใช้เหตุต่างๆเหล่านี้