‘บิ๊กป้อม’ ยัน ไร้ดีลลับการเมือง ไม่สร้างคนเลว ช่วยใครไม่เคยได้ตังค์

บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยผ่านรายการยิ่งคุยยิ่งลึก ดำเนินรายการโดย อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฏาวงศ์ ทางช่อง7 ทั้งนี้ ผู้ดำเนินรายการถามมีแต่คนบอกว่าท่านดุให้ระวัง ทำไมคนถึงกลัว พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ต้องไปถามคนกลัว ตนไม่เคยทำอะไรให้ใคร นักข่าวก็ไม่เห็นมีใครกลัวผมสักคน ส่วนกรณีหยุมหัวนักข่าวนั้น เขารู้จักผมมา10กว่าปีแล้ว และไม่ว่านักข่าวผู้ชายหรือผู้หญิงโทรมาตนก็รับสายทั้งนั้น แต่ต้องรู้จัก ถ้าไม่รู้จักไม่รับ เบอร์ก็ไม่รู้จัก ไม่เคยติดต่อมาก่อน จะไปรับได้ไง ยืนยันนักข่าวติดต่อได้ทุกคน โทรหาตนทุกคน และเวลานักข่าวเอาไมค์มาจ่อสัมภาษณ์ ไม่รำคาญ รำคาญมากกว่า บางอย่างก็ไม่น่าถาม บางทีเกิดขึ้นแล้วรู้กันอยู่แล้ว ก็ถามแล้วถามอีก แล้วจะไปตอบอะไร แล้วที่มักจะตอบว่าไม่รู้ 1.คือไม่รู้จริงๆ 2.ตอบไปอาจจะไปเกี่ยวข้องกับใคร พรรคผมก้าวข้ามความขัดแย้ง จะไม่ขัดแย้งกับใคร จะไปให้รบกวนใครผมไม่ทำ ก็เลยตอบไปก่อนว่าไม่รู้ ทั้งที่ความเป็นจริงรู้ รู้แล้วไม่ตอบจะทำไม ก็มีคำถามอื่นๆตามมาอีก ตอบไม่รู้แล้วคนไม่เชื่อจะทำไงได้ ในเมื่อตอบไปแล้ว 

พล.อ.ประวิตร เปิดเผยถึงสไตล์การแต่วตัววัยรุ่นว่า ตนก็แต่งตัวสบายๆ ตามยุคสมัย ไม่มีคนดูแลเสื้อผ้า ผมซื้อเองทั้งนั้น มีคนแนะนำอะไรพวกนั้น ส่วนเสื้อลายมิคกี้เมาส์ ซื้อมาก็ใส่ไป ก่อนจะหัวเราะอารมณ์ดี พร้อมกับระบุว่ามีเสื้อลายน่ารักเยอะ ซึ่งสีโปรดคือสีดำ สีขาว สีเขียวอะไรพวกนี้ ขณะที่เรื่องอาหารการกิน ตนไม่ใช่คนเรื่องเยอะ เมนูที่ตนทำไม่ได้ ก็ไม่กิน และไม่กินกบ เพราะตนเดินปกติไม่กระโดด ไม่กินปลาไหล นกก็ไม่กิน เขาทำได้ ตนทำไม่ได้ก็เลยไม่กิน ก่อนจะบอกผู้ดำเนินรายการให้ตนลองทำอาหารให้กินสิ ว่าอร่อยหรือไม่ คุณจะให้ผมทำอะไร คนที่ไปกินกับผมก็บอกอร่อยทุกคน เช่น ต้มเนื้อผมก็ทำอร่อยนะ ใช้เนื้อโกเบ เนื้อธรรมดาก็ต้มนานหน่อย ผัดผัก แกงป่าก็ได้ ตนทานอาหารแบบไทยๆ ไม่ได้ทานแบบสุขภาพ แม้จะมีโรคประจำตัว คือเบาหวาน กินข้าวเยอะไม่ได้ เหล้ายาปลาปิ้งกินไม่ได้เลย ขนมหวานก็ไม่กิน ไอศครีมก็กินคนสองคำ 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันหยุดตนก็ไม่ได้ไปเที่ยว ก็ดูทีวี เพราะตอนหนุ่มๆ เดินข้ามเขามาเยอะแล้วตั้งแต่ยศร้อยตรี ต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์มาเยอะ ไปเวียดนาม ไปลาว จนเบื่อภูเขา ชอบทะเลมากกว่า หัวหินก็ชอบ แต่ไม่มีบ้านติดทะเล โรงแรมเยอะแยะไปไม่ได้นอนฟรี จ่ายเงินหมดทุกอย่าง และเวลาไปก็ไปกับครอบครัว หลานเยอะแยะ รวมถึงน้อง เพื่อนก็มี แต่ไม่มีใครมาใส่บีกินีให้ดู คนที่เจอผมก็ตกใจเหมือนกัน อ้าวท่านมายังไงเนี่ย คนก็กล้ามาขอถ่ายรูป ส่วนต่างประเทศตนก็ไป ช่วงที่ผ่านมาก็ไปญี่ปุ่น ผู้ดำเนินรายการถามว่า ลุงป้อมไปคลี่กิโมโนหรือ พล.อ.ประวิตร หัวเราะชอบใจ ก่อนจะตอบว่าไปพักผ่อนโตเกียว เกียวโต โอซาก้า เดินทางตลอด สนุก 

พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า ปีนี้อายุ80แล้ว เคยมีปัญหาที่สะโพก เป็นสโตรก บล็อกที่สะโพกซ้าย เลยเดินไม่คล่อง 

ผู้ดำเนินรายการถาม มีคนบอกอายุ80 แก่มากแล้ว พักผ่อนได้แล้ว ยังออกมาลำบากทำไม พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ความจริงผมก็ 80 แล้วนะ แต่ที่ต้องทำอยู่ทุกวันนี้ เพราะเป็น ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด รับสนองจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระองค์ต้องการให้ป่ารอยต่อ5จังหวัด เป็นป่าดงดิบ ก็จะทำจนกระทั่งทำไม่ไหว หรือสิ้นชีวิต ทำไม่ได้ก็หมด 

ผู้ดำเนินรายการถามว่า นาฬิกาใส่มาหรือเปล่า พล.อ.ประวิตร ตอบว่า วันนี้ใส่มา แล้วอันที่ยืมเพื่อนอันนั้นยืมจริง เพื่อนให้ยืมจริงๆ ผู้ดำเนินรายการถามว่า ลุงป้อมก็มีเงินทำไมไม่ซื้อนาฬิกาใส่เอง พล.อ.ประวิตร ตอบว่า เพื่อนเขามีมากกว่าผม เขามีเป็นหมื่นๆ ล้าน เขารวย เขาก็เอาให้ผมใส่ แล้วก็คืนหมด เพื่อนคนนี้รู้จักกันมาตั้งแต่ประถม เขามีหลายพันเรือน 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ผมอยู่ในการเมืองมา20ปี ตั้งแต่เกษียณอายุราชการ ก็รู้จักทหารและนักการเมือง ทั้งนี้ ทุกวันเสาร์ก็นัดเจอเพื่อนทหารกินข้าวกัน ก็คุยเรื่องในอดีต แต่ผมไม่มีก๊วนเพื่อนนักการเมือง แต่ก็รู้จักกันทุกคน รู้จักกันธรรมดา โดยไม่มีพรรคอื่นมาขอคุยลับๆ ยืนยันผมไม่เคยแบ็คอัพคนเลว ผมก็ให้โอกาสคน เวลาเดือดร้อนมาหา จะให้ช่วยเรื่องอะไร อะไรที่พอช่วยได้ก็ช่วย ซึ่งเรื่องที่มีคนทำให้เสียชื่อ มันก็แล้วแต่จะคิด แต่ผมเป็นอย่างนี้ ให้คนนั้นคนนี้ไปทำอะไรไม่ดีไม่เคย ไปสร้างคนไม่ดีไม่เคย คนที่เข้ามาไปทำเสียของเขาเองทั้งนั้น แล้วก็ต้องบอกให้ชัดว่าคนไหนทำเสีย จะไปว่าหมดทุกคนไม่ได้ คนไหนไม่ดีบอกมา ผมจะอธิบายให้ฟังเขาไม่ดีเพราะอะไร ว่าเป็นคนๆไป แล้วก็คิดไปกันเองทั้งนั้นว่าพอมีปัญหาก็มาเคลียร์กับผม ผมไม่เคยทำอะไรผิด รับราชการจนมาทำการเมือง ไม่เคยทำอะไรผิด “ที่ว่าผมไม่ดี ไม่ดีเรื่องอะไร บอกมาเลย ไปพบคนไหนคนไหนไม่ดี ทุกเรื่อง ผมทำทุกอย่างให้โอกาสคน ถ้าเขามาขอความช่วยเหลือไปหางานทำไปหารายได้ ก็ว่ากันไป ส่วนแต่ละบุคคลจะคิดอย่างไร เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ส่วนผมช่วยเปล่าไม่เคยได้ตังค์สักบาทที่ช่วยคนมา” 

พล.อ.ประวิตร บอกด้วยว่า สมัยหนุ่มๆ ก็ไม่เห็นมีสาวๆเดินตามสักคน แล้วสมัยนั้นจีบสาวด้วยการเจอกันในงาน คุยกัน ตามองกันสำคัญกว่า แต่ก็ไม่ได้ใครสักคน ไม่เช่นนั้นจะอยู่เป็นโสดแบบนี้ได้ยังไง ก่อนจะเปิดเผยว่าอีกว่า ที่ผ่านมา มีแฟนกี่คนนั้น รู้จักกันเป็นแฟนหรือเปล่า แฟนไม่เยอะหรอก แหม่ใครจะมาเอาผม เรื่องผู้หญิงผมไม่จำเลย พูดจาหวาวแหววไม่เป็น ไม่เรียกใครดาร์ลิ้ง หรือที่รัก แต่กับคนที่สนิทใกล้ชิดก็เรียกตัวเองกับเค้า แต่ไม่ต้องรู้ดีกว่าว่ามีหรือไม่