บึงกาฬ ‘บึงน้ำเงิน’ บ้านใหญ่ ‘ทองศรี’ ก๊อบปี้ ‘บุรีรัมย์โมเดล’

บึงกาฬ ‘บึงน้ำเงิน’ บ้านใหญ่ ‘ทองศรี’ ก๊อบปี้ ‘บุรีรัมย์โมเดล’

บึงกาฬ..บึงสีน้ำเงิน เป็นความสำเร็จของครูใหญ่เนวิน ที่มอบให้เสี่ยป้อมไปตอกเสาเข็มหัวเมืองนครนาคา ยึดบุรีรัมย์โมเดลเป็นต้นแบบ ใช้เวลา 12 ปีก็บรรลุเป้าหมาย

KEY

POINTS

  • เมื่อ เนวิน ชิดชอบ แยกตัวออกจากค่ายนายใหญ่ มาตั้งพรรคภูมิใจไทย จึงมอบให้ “เสี่ยป้อม” ทรงศักดิ์ ทองศรี มาสร้างฐานที่มั่นการเมืองใหม่ที่ จ.บึงกาฬ 

  • ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย รัฐบาลประยุทธ์ เสี่ยป้อมได้ใช้เวลาทุ่มเทพัฒนา จ.บึงกาฬ จนถูกแซวว่า เป็นรัฐมนตรีบึงกาฬ 

  • บึงกาฬ..บึงสีน้ำเงิน จึงเป็นความสำเร็จของครูใหญ่เนวิน ที่มอบให้เสี่ยป้อมไปตอกเสาเข็มหัวเมืองนครนาคา ยึดบุรีรัมย์โมเดลเป็นต้นแบบ ใช้เวลา 12 ปีก็บรรลุเป้าหมาย  

  • การเลือกตั้ง สส.บึงกาฬ เขต 2 ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 30 มี.ค.2568 หัวหน้าแพทองธาร เปิดทางให้ค่ายสีน้ำเงินได้ส่งผู้สมัคร เพื่อรักษาฐานเสียงของตัวเอง

จ.บึงกาฬ เป็นจังหวัดที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่เมื่อต้นปี 2554 โดยแยก 8 อำเภอ คือบึงกาฬ เซกา โซ่พิสัย บุ่งคล้า บึงโขงหลง ปากคาด พรเจริญ และศรีวิไล ออกจากการปกครองของ จ.หนองคาย

ในทางการเมือง สมัยที่การเลือกตั้ง สส.แบบพวงใหญ่เรียงเบอร์ 8 อำเภอที่แยกมาเป็น จ.บึงกาฬ คือ เขตเลือกตั้งที่ 2 ของสนามเลือกตั้ง จ.หนองคาย และเป็นเขตอิทธิพลของ พินิจ จารุสมบัติ 

เสี่ยพินิจ เป็นคนบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา แต่ไปแจ้งเกิดเป็น สส.หนองคาย เมื่อปี 2535 และสร้างมุ้งการเมืองชื่อ “วังพญานาค” ที่โด่งดังเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

พ.ศ.นี้ อิทธิพลทางการเมืองของเสี่ยพินิจ คงเหลือแค่ นิพนธ์ คนขยัน สส.บึงกาฬ เขต 3 พรรคเพื่อไทย  

ขณะที่คอการเมืองเริ่มรับรู้แล้วว่า จ.บึงกาฬ คือที่มั่นใหญ่ของตระกูลทองศรี หรือพูดง่ายๆว่า “บึงกาฬ คือ บึงสีน้ำเงิน” 

ยิ่งได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของ อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กรณีการเลือกตั้ง สส.บึงกาฬ เขต 2 ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 30 มี.ค.2568 ก็ยิ่งชัดเจนประเด็น “บึงสีน้ำเงิน”

“…ต้องกราบขอบพระคุณนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่มาบอกกับผมว่า พรรคเพื่อไทย จะไม่ส่งผู้สมัคร ต้องกราบขอบพระคุณท่าน กราบแล้ว กราบอีก”

สรุปว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่ส่งผู้สมัคร สส.ในการเลือกตั้งซ่อม สส.บึงกาฬ เขต 2 อันเนื่องจากศาลฎีกามีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ สุวรรณา กุมภิโร สส.บึงกาฬ เขต 2 พรรคภูมิใจไทย เป็นเวลา 10 ปี 

เท่ากับหัวหน้าแพทองธาร เปิดทางให้ค่ายสีน้ำเงินได้ส่งผู้สมัคร เพื่อรักษาฐานเสียงของตัวเอง ซึ่งเวลานี้ ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ยังไม่ได้เคาะว่า จะส่งใครลงสนาม

ย้อนไปเมื่อการเลือกตั้ง สส.บึงกาฬ เมื่อ 14 พ.ค.2566 เฉพาะเขต 2 (อ.บุ่งคล้า อ.บึงโขงหลง และอ.เซกา) อันดับ 1 สุวรรณา กุมภิโร ภูมิใจไทย ได้ 26,541 คะแนน และอันดับ 2 ไตรรงค์ ติธรรม เพื่อไทย ได้ 18,713 คะแนน

สนามนี้ “นายกหม่ำ” สุวรรณา กุมภิโร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลป่งไฮ อ.เซกา หักปากกาเซียนชนะไตรรงค์ ติธรรม อดีต สส.บึงกาฬ 3 สมัย

สาเหตุที่ “นายกหม่ำ” ตกสวรรค์ มาจาก กกต.พบว่า สนับสนุนให้รถแห่หาเสียงไปช่วยงานวัดแห่งหนึ่ง เข้าข่ายการจัดแสดงมหรสพ ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

ทำไม ค่ายสีแดงไม่ส่ง ไตรรงค์ ติธรรม อดีต สส.บึงกาฬ ลงสนามแก้มืออีกรอบ 

คำตอบ ไม่น่าจะเป็นสปิริตทางการเมืองของ นายกฯแพทองธาร แต่ในสภาพที่เป็นจริงทางการเมือง ไตรรงค์ขี่กระแส ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้แทนฯ 3 สมัย 

เมื่อบึงกาฬเปลี่ยนจาก “บึงสีแดง” เป็น “บึงสีน้ำเงิน” ไตรรงค์จึงสอบตก และค่ายสีแดงมี นิพนธ์ คนขยัน อดีต สส. และอดีตนายก อบจ.บึงกาฬ คนสนิทเสี่ยพินิจคนเดียว ที่ได้เข้าสภาฯ

การเลือกตั้งนายก อบจ.บึงกาฬ ที่เพิ่งผ่านไป นิพนธ์ คนขยัน ได้สนับสนุน ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ลงชิงเก้าอี้นายกฯ หวังล้างตาที่ตัวเขาพ่ายแว่นฟ้า ทองศรี เมื่อปี 2563 

สุดท้ายนิพนธ์ก็พบกับความผิดหวัง เมื่อ แว่นฟ้า ทองศรี ในนามกลุ่มนครนาคา(สีน้ำเงิน) โกยแต้ม 103,973 คะแนน ชนะภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ค่ายเพื่อไทย ได้ 74,611 คะแนน

ที่น่าสนใจ 19 ม.ค.2568 ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของภูมิพันธ์ ได้ไปขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามโรงเรียนบึงกาฬ จ.บึงกาฬ แต่ “มาดามแว่นฟ้า” ก็ฝ่ากระแสคิดฮอดทักษิณ เข้าป้ายสมัยที่ 2

แว่นฟ้า ทองศรี ภริยา ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย เป็นชาวบึงกาฬโดยกำเนิด และนามสกุลเดิมคือ “อนันตทัศน์” เป็นตระกูลคหบดีเก่าแก่ของบึงกาฬ

“มาดามแว่นฟ้า” เป็นน้องสาว สีเผือก คนด่านเกวียน ที่มีชื่อจริงว่าสำรอง อนันตทัศน์ ชาวบึงกาฬ ที่ย้ายมาอยู่ด่านเกวียน นครราชสีมา  

เมื่อ เนวิน ชิดชอบ แยกตัวออกจากค่ายนายใหญ่ มาตั้งพรรคภูมิใจไทย จึงมอบให้ “เสี่ยป้อม” ทรงศักดิ์ ทองศรี มาสร้างฐานที่มั่นการเมืองใหม่ที่ จ.บึงกาฬ 

บึงกาฬ ‘บึงน้ำเงิน’ บ้านใหญ่ ‘ทองศรี’ ก๊อบปี้ ‘บุรีรัมย์โมเดล’

ต้นปี 2554 เสี่ยป้อมได้มาบัญชาการสร้างศูนย์อบรมพัฒนาบุคลากรทางการเมือง ในรีสอร์ตของภรรยา แว่นฟ้า ทองศรี ที่ อ.เมืองบึงกาฬ

เวลานั้น เสี่ยป้อม สวมหัวโขน รมช.คมนาคม จัดอีเวนต์เปิดตัว “แว่นฟ้า” ทั้งจัดมวยชิงแชมป์โลก ฟรีคอนเสิร์ตลูกทุ่ง และจำหน่ายสินค้าโอท็อป

ยกแรกของเสี่ยป้อม พบกับความพ่ายแพ้ตามคาด แว่นฟ้า ลงสมัคร สส.บึงกาฬ เขต 1 ไม่สามารถฝ่าคลื่นคนเสื้อแดงเข้าสภาฯได้ 

ยกที่สองปี 2562 เสี่ยป้อมหนุนมาดามแว่นฟ้า ลงสนามทำศึกล้างตา แต่ก็พ่ายค่ายสีแดงอีกรอบ 

ยกที่สามปี 2563 ค่ายสีน้ำเงินประสบผลสำเร็จ เมื่อ แว่นฟ้า ทองศรี ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.บึงกาฬ โดยเอาชนะแชมป์เก่า นิพนธ์ คนขยัน ด้วยคะแนนที่ห่างกันหลายหมื่นแต้ม

ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย รัฐบาลประยุทธ์ เสี่ยป้อมได้ใช้เวลาทุ่มเทพัฒนา จ.บึงกาฬ จนถูกแซวว่า เป็นรัฐมนตรีบึงกาฬ  

ก่อนการเลือกตั้ง สส.บึงกาฬ ปี 2566 เสี่ยป้อมตั้งเป้ายึด สส.บึงกาฬ 2 ที่นั่ง จาก 3 ที่นั่ง และได้ตามเป้าหมายคือ เขต 1 สยาม เพ็งทอง และเขต 2 สุวรรณา กุมภิโร

สำหรับ สส.สยาม เพ็งทอง ทายาทเจ้าของร้านทองในเมืองบึงกาฬ และเป็นลูกเขยคนโปรดของเสี่ยป้อมและแว่นฟ้า

บึงกาฬ..บึงสีน้ำเงิน จึงเป็นความสำเร็จของครูใหญ่เนวิน ที่มอบให้เสี่ยป้อมไปตอกเสาเข็มหัวเมืองนครนาคา ยึดบุรีรัมย์โมเดลเป็นต้นแบบ ใช้เวลา 12 ปีก็บรรลุเป้าหมาย