ค่ายแดงพิทักษ์ '2 นายกฯ' จับตาวอร์รูม 'นายใหญ่-องครักษ์'

ทีมองครักษ์ค่ายสีแดงแก้ทางฝ่ายค้าน ได้มากน้อยเพียงใด หากมีคำตอบเชิงรุก สื่อสารเชิงบวก โอกาสเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสเก็บแต้มของนายกฯ และเพื่อไทย ก็มีไม่น้อยเช่นกัน
ศึก อภิปรายไม่ไว้วางใจ เป้าล็อก “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร รับจบคนเดียว ภายหลัง “ขั้วฝ่ายค้าน” จัดเซอร์ไพรส์ยื่นซักฟอกเดี่ยวนายกฯ จากที่เคยมีข่าวหลุดเตรียมชื่อ 10 รัฐมนตรี เอาไว้เชือดกลางสภาฯ
ว่ากันว่า “บิ๊กเนมหลังฉาก” ของขุนพลสีส้ม มีดีลลับ-ดีลข้ามขั้วกับ “บิ๊กเนม” จากบ้านใหญ่สีน้ำเงิน บางกระแสข่าว “บิ๊กสีส้ม” ต้องการดัดหลัง “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ใช้โอกาสขายข้อมูลลับ หวังตบทรัพย์ “รัฐมนตรี”
ไม่ว่าเกมของ “บิ๊กเนมสีส้ม” จะวางไว้อย่างไร อีกไม่นานคงมีคำตอบออกมา ผ่านการเดินเกมการเมือง หากเอนเอียงไปในแนวทางใด คงคาดเดากันไม่ยากว่า ดีลลับเกิดขึ้นกับใคร
แต่ที่แน่ๆ แพทองธาร-พรรคเพื่อไทย คงต้องรับมือกับศึกซักฟอกที่จะเกิดขึ้น โดย “เบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้า” ยอมรับว่าจะต้องตั้งทีมองครักษ์มาช่วยตอบโต้ข้อกล่าวหาของ “ขั้วฝ่ายค้าน” เพื่อให้สิ้นทุกข้อสงสัย
แม้บทบาทหลักจะอยู่ที่ นายกฯแพทองธาร ที่จะต้องตอบกลางสภาฯ ซึ่งถือเป็นการรับมือศึกซักฟอกครั้งแรก หลังรับช่วงต่อนั่งเก้าอี้นายกฯแทน “เศรษฐา ทวีสิน”
โดยทีมรับมือของ “ขั้วรัฐบาล” ทางหนึ่งต้องใช้บริการจาก “รัฐมนตรี” ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปมซักฟอก ซึ่งทุกกระทรวงต้องเตรียมข้อมูล เก็งข้อสอบ เพื่อป้อนข้อมูลให้นายกฯตอบประเด็นซักฟอกอย่างทันท้วงที
ขณะเดียวกัน “รัฐมนตรี” ต้องมีความพร้อมในการชี้แจงทุกประเด็น หากได้รับการมอบหมายให้ช่วยชี้แจง ซึ่งคาดการณ์กันว่ามีหลายประเด็นที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับ “แพทองธาร” โดยตรง แต่อยู่ในความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
นอกจากนี้ จับตาการตอบปมเอื้อประโยชน์ให้กับ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ปมรับโทษบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนจะได้รับการพักโทษ ประเด็นดังกล่าว “ทีมเพื่อไทย” เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว
เนื่องจากกรับโทษของ “นายใหญ่” อยู่ในช่วงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งได้รับการพักโทษช่วงกลางเดือน ส.ค. 2567 ขณะที่แพทองธารได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งช่วงต้นเดือน ก.ย. 2567 ดังนั้นการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจของ “ลูกสาว” แต่อย่างใด
เช่นเดียวกับนโยบายอื่นที่ดำเนินการสอดคล้องมาจาก “รัฐบาลเศรษฐา” โดยเฉพาะนโยบาย แจกเงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ต ได้ดำเนินการต่อเนื่องจากรัฐบาลเศรษฐา ไม่ต่างจากนโยบายอีกหลายด้าน
ดังนั้นแนวทางตอบโต้ของนายกฯ จะอยู่ในรูปแบบของการดำเนินการนโยบายสองห้วงเวลา ซึ่งต้องอาศัยความต่อเนื่อง หากประเด็นใดสามารถชี้แจงได้ก็จะขอชี้แจงด้วยเอง หากประเด็นใดอยู่ในความรับผิดชอบ “รัฐมนตรี” คนใด ก็อาจจะส่งไม้ต่อ เพื่อให้ข้อมูลที่ครบถ้วน
ขณะเดียวกันจะมีการวางทีม-วางคน “สส.ค่ายสีแดง” คอยประท้วง หาก “ขั้วฝ่ายค้าน” อภิปรายนอกประเด็น หรือมีพาดพิงบุคคลที่สาม โดยเฉพาะการพาดพิง “นายใหญ่” ทักษิณ จะไม่ให้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้จะมี “ทีมเฉพาะกิจ” คอยป้อนข้อมูลเรียลไทม์ให้นายกฯแพทองธาร โดยตั้งวอร์รูมกันหลังบัลลังก์ในสภาฯ โดยใช้บริการทีมอดีตแกนนำคนเสื้อแดง
ที่สำคัญยังมี "ทัพบิ๊กเนม" บัญชาการหลังฉาก โดย "นายใหญ่" ระดมทีมรุ่นใหญ่ป้อนข้อมูลจาก "ตึกชินวัตร" พุ่งตรงไปยังอาคารรัฐสภา เพื่อช่วยสแกนทุกคำตอบโต้ปกป้อง "ลูกนายกฯ"
“ขุนพลเพื่อไทย” เตรียมวางแผนดัดหลัง “พรรคประชาชน-ขั้วฝ่ายค้าน” ซึ่งขอเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 4-5 วัน เพื่อชำแหละนายกฯ เพียงคนเดียว
โดยจากเดิมพรรคเพื่อไทยจะให้เวลาโชว์ฝีปาก 3 วัน แบ่งเป็นอภิปราย 2 วัน และโหวต 1 วัน โดยล็อกวันไว้ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน มี.ค.แต่เมื่อฝ่ายค้านขึงนายกฯ เพียงคนเดียว จึงสร้างความไม่พอใจให้ “ขุนพลเพื่อไทย” จึงเตรียมเอาคืนด้วยการวางเกม ให้ซักฟอกเพียง 1 วันเท่านั้น และลงมติหลังเที่ยงคืนของวันเดียวกันทันที
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ระยะเวลาทอดยาวออกไป โดยให้เหตุผลว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เพียงคนเดียว ระยะเวลาเพียง 1 วัน สามารถอภิปรายได้ครบในทุกประเด็น
ระยะเวลาอีกราว 3 สัปดาห์ ต้องจับตาว่า ทีมองครักษ์ค่ายสีแดงจะแก้ทางฝ่ายค้าน ได้มากน้อยเพียงใด หากมีคำตอบเชิงรุก สื่อสารเชิงบวก โอกาสเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสเก็บแต้มของนายกฯ และเพื่อไทย ก็มีไม่น้อยเช่นกัน







