'วันนอร์' สั่งสอบจริยธรรม 'ไชยามพวาน' แล้ว

"ปธ.จริยธรรม สภา" สั่งบรรจุเรื่องสอบจริยธรรม "ไชยามพวาน" แล้ว พร้อมแจงที่ประชุม ถอนวาระส่งตัวไปดำเนินคดี เพราะหมดความจำเป็น
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ฐานะประธานการประชุม ได้แจ้งต่อสภาฯ ถึงการถอนวาระ เรื่องการขอจับกุมตัวนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานข่มขืนชำเรา ในระหว่างสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ได้มีหนังสือแจ้งว่านายไชยามพวานได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จึงหมดความจำเป็นในการขออนุญาตประธานสภาฯ ในการจับกุมตัวนายไชยามพวาน ตนเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป จึงขอนำเรื่องนี้ออกจากระเบียบวาระการประชุม
ทำให้นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบเพื่อถอนระเบียบวาระออก ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญมาตรา 125 การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปกระทำความผิด โดยเฉพาะเรื่องนี้เป็นความผิดอย่างร้ายแรงและกระทบความสัมพันธ์เรื่องการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ตนไม่อยากให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ เพราะสังคมกำลังให้ความสนใจว่าเมื่อไปมอบตัวแล้ว สภาฯ จะหลุดลอยที่จะดูแลหรือควบคุม เพราะการดำเนินคดีในคดีอาญามีชั้นพนักงานสอบสวน อัยการ ศาล ต่อไปเราจะปฏิบัติตัวกับสส.ท่านนั้นอย่างไร รวมถึงมีสส.ผู้หญิงได้ร้องเรียนเรื่องจริยธรรมต่อประธานสภาฯ จึงอยากให้เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของสังคม ไม่อยากให้เกิดซ้ำซากหรือซ้ำรอย แต่ตนไม่ได้ปรักปรำว่าจะมีหรือไม่มีความผิด และอยากถามประธานถึงบรรทัดฐานที่ชัดเจนในเรื่องนี้
ขณะที่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า เมื่อไม่ได้มีความจำเป็นที่สภาฯ จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตแล้ว และถือเป็นเอกสิทธิ์ของสส.ในกรณีนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าจำเป็นต้องมาขออนุญาตต่อสภาฯ และเจตนารมณ์ในสมัยก่อนมีการฟ้องร้องเพื่อกลั่นแกล้งไม่ให้สส.มาทำหน้าที่ หรือไม่ให้มาลงมติในกฎหมายที่สำคัญ แต่ในยุคสมัยนี้สังคมเปลี่ยนแปลงไปมากจากสมัยก่อน และกฎหมายได้ระบุว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เอกสิทธิ์เด็ดขาด แต่สามารถส่งตัวสส.ไปได้หากสภาฯ มีมติ ดังนั้น ตนหวังว่าบรรทัดฐานในอนาคต ในคดีที่เป็นความผิดส่วนบุคคลโดยแท้ ที่ทราบกันดีว่าไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง
“ผมคิดว่ากฎหมายได้ระบุไว้แล้วว่า สภาฯ สามารถใช้วิจารณญาณแล้วแต่กรณีได้ และคิดว่าต่อไปเราคงจะไม่ได้ใช้วัฒนธรรมว่าจะไม่อนุญาตในทุกกรณี แต่ในบางกรณีเราสามารถใช้มติร่วมกัน ซึ่งเราไม่ได้พิพากษาว่าสส.ทำผิดหรือไม่ แต่เราอนุญาตให้เจ้าหน้าที่นำสส. ท่านนั้นไปดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม และให้เข้าสู่กระบวนการอย่างเป็นธรรมทุกฝ่าย จึงอยากให้สภามีบรรทัดฐานแบบนี้ในอนาคต” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ ชี้แจงว่า เรื่องการถอนวาระออกจากที่ประชุมเป็นไปตามข้อบังคับ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำหนังสือแจ้งมาที่สภาฯ เพราะนายไชยามพวานได้เข้าไปมอบตัวแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อมอบตัวแล้วจะไม่ดำเนินการอะไร ในช่วงเปิดสมัยประชุม ในวันที่ไม่มีการประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถนำตัวไปสอบสวนได้ แต่วันที่มีการประชุมก็ต้องให้มาประชุมตามปกติ นี่เป็นเงื่อนไขของการจับกุมตัว ไม่ใช่ว่ามีอิสระอะไร ต้องอยู่ภายใต้บังคับตำรวจ
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อว่าส่วนเรื่องการร้องจริยธรรมนั้น ตนฃสั่งให้มีการบรรจุระเบียบวาระของคณะกรรมการจริยธรรมแล้ว ซึ่งคณะกรรมการฯ จะได้ดำเนินการต่อไป.







