'ผู้นำฝ่ายค้าน' ยันซักฟอกถึง 'ทักษิณ' แน่ หาก 'วันนอร์' ไฟเขียวบรรจุญัตติ

"ณัฐพงษ์" ลั่นซักฟอก "นายกฯ" ถึง "ทักษิณ" แน่ เหตุเป็นปัญหา หาก "วันนอร์" ไฟเขียวบรรจุญัตติตามที่ยื่นเสนอ บอกการโหวต เป็นจุดวัดแรงกระเพื่อมรัฐบาล
ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เพียงคนเดียว ว่า กรอบเนื้อหาของญัตตินั้นครอบคลุมในทุกประเด็นที่เป็นปัญหา ซึ่งเนื้อหาที่เตรียมนั้นเข้มข้นและพุ่งเป้าไปยังความผิดของรัฐมนตรีหลายคนรวมถึงนายกฯ ด้วยซึ่งมีหลักฐานชี้ชัดถึงการขาดคุณสมบัติ อย่างไรก็ดีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ คนเดียวนั้น ไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยลดกรอบเวลา ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างต่ำ 4 วัน ดังนั้นรอบนี้อยากให้รัฐบาลให้เวลาอภิปรายมากเช่นเดียวกัน เพราะหากให้เวลาฝ่ายค้านมาก นายกฯ จะมีเวลาเพื่อแสดงความเป็นผู้นำของตนเอง
“การอภิปราย คือ รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ ซึ่งจะอภิปรายได้ทุกประเด็นที่เป็นปัญหา ทั้งนี้อย่างที่พรรคประชาชนย้ำมาตลอดคือ การจัดตั้งรัฐบาลรูปแบบนี้จะไม่สามารถผลักดันเจตจำนงของประชาชนได้ และการบริหาราชการแผ่นดินจะล้มเหลว นอกจากนั้นแล้วจะมีการนำเสนอข้อมูลที่เป็นการทุจริต คอรัปชั่นของรัฐมนตรี ซึ่งภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วสามารถยื่นไปยังหน่วยงานอื่นเพื่อตรวจสอบได้” นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่าเหตุที่ต้องยื่นอภิปรายนายกฯ เพียงคนเดียวนั้น เพื่อพิสูจน์ว่านายกฯ จะควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ โดยในการลงมติไม่ไว้วางใจหากมีคะแนนเสียงที่ขาดไป 1 เสียง สะท้อนสำคัญว่านายกฯควบคุมเสียงไม่ได้ จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามถึงการอภิปรายที่จะพาดพิงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ด้วย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ญัตติเขียนไว้ชัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ จะพิจารณาและตรวจสอบญัตติ หากญัตติดังกล่าวไม่ขัดกับข้อบังคับ และได้รับการบรรจุญัตติ การอภิปรายจะเป็นไปตามญัตติที่เสนอและพูดถึงนายทักษิณที่เป็นปัญหาสำคัญได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าการเสนอญัตติที่มีนายกฯ คนเดียว พรรคฝ่ายค้านได้ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา และชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่เป็นปัญหาของรัฐบาลคือตัวนายกฯ อย่างไรก็ดีในการอภิปรายสามารถนำไปสู่การตรวจสอบรัฐมนตรีในหลายกระทรวงได้ต่อ.







