เปิดเกม ‘ฮั้วเลือก สว.’ จุดพลิก รีเซ็ต ‘กกต.’

เปิดเกม ‘ฮั้วเลือก สว.’ จุดพลิก รีเซ็ต ‘กกต.’

สอบฮั้วเลือก "สว." มีคำถามพลิกกลับถึง "กกต." ต่อการทำหน้าที่ -ตรวจสอบเรื่องที่ "ภาคสังคม" คาใจกระบวนการเลือกที่ไม่สุจริต 7เดือนที่ กกต. เกียร์ว่าง ถูกมองว่า ตั้งใจไม่สร้างเรื่องบาดหมาง ก่อนหมดวาระหรือไม่

KEY

POINTS

Key Point :

  • ปมสอบฮั้ว เลือก สว.67 ยังมีภาคต่อ ที่ 6 มี.ค. นี้ "บอร์ดดีเอสไอ" จะเคาะว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
  • ทว่าปรากฎการณ์ของเรื่อง กลายเป็น 2 องค์กรขบเหลี่ยมกัน ระหว่าง "ดีเอสไอ" กับ "กกต."
  • ที่ผ่านมามีการเปิดข้อมูล "โพย-ฮั้วเลือกสว." และยื่นให้ "กกต." ตรวจสอบ แต่7เดือนแล้ว เรื่องยังเงียบ ไม่มีความเคลื่อนไหวใด
  • คำถามใหญ่ของเรื่อง ตกอยู่ที่ "กกต." ว่า ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบ ตามคำร้องเรียนจริงจัง มากน้อยแค่ไหน
  • การปล่อยเกียร์ว่างครั้งนี้ ถูกตั้งข้อสังเกตว่าสัมพันธ์กับ 5เสือ "กกต."  ที่หมดอำนาจในปี2568 นี้

ไม่ว่าเกมสอบ “ฮั้วเลือก สว.” ภายใต้ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” หรือดีเอสไอ จะมีบทสรุปอย่างไร ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ แต่ความเคลื่อนไหวของสังคม กำลังเพ่งเล็งไปยัง 2 หน่วยงานที่ขบเหลี่ยมกัน 

ทั้ง “ดีเอสไอ” ภายใต้การกำกับของ​ “กระทรวงยุติธรรม” ที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นเจ้ากระทรวง และ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” (กกต.) ที่มี “อิทธิพร บุญประคอง” เป็นประธาน

ต่อบทบาทของการตรวจสอบคดีตามคำร้องเกี่ยวกับการทุจริตการเลือก สว. ในมุมนี้มีความเห็นของสังคมที่แบ่งเป็น 2 ฝั่ง 

ทั้งฝั่งที่มองว่า ดีเอสไอมีอำนาจรับคดีฮั้วเลือก สว.2567 ไว้พิจารณา เพราะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายฟอกเงิน มีมูลฐาน เป็นความผิดที่กระทบต่อความมั่นคง รวมถึงพบการกระทำที่เชื่อได้ว่า มีการแสวงหาอำนาจนิติบัญญัติที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย

เปิดเกม ‘ฮั้วเลือก สว.’ จุดพลิก รีเซ็ต ‘กกต.’

ขณะที่อีกฝั่งมองว่า ดีเอสไอไม่มีอำนาจตามกฎหมายเลือกตั้ง เพราะกรณีการตรวจสอบการเลือก รวมถึงการควบคุมการเลือกให้สุจริต เที่ยงธรรม เป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต.ตามที่รัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้

แม้ว่าในกลไกการทำงานของ กกต.จะสามารถขอความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นให้ร่วมเป็น “ฝ่ายปฏิบัติการ” แต่อำนาจเต็มที่จะชี้ว่า การเลือกตั้งระดับใดไม่สุจริต มีพฤติกรรมฮั้ว คือ กกต. หากพบหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีผู้กระทำให้การเลือกไม่สุจริต หรือเที่ยงธรรม

นอกจากนั้นแล้ว ในบทบาทการตรวจสอบการเลือก หลังการประกาศรับรองผล ยังกำหนดบทบาทให้ “ศาลฎีกา” เป็นผู้ตัดสิน หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้วินิจฉัย ตามบทบัญญัติที่กำหนดให้เป็นหน้าที่

ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ คณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.)หรือบอร์ดดีเอสไอ จะมีการพิจารณาวาระ “ฮั้วเลือก สว.” อีกครั้ง โดยจะเชิญ กกต.เข้าร่วมหารือ

อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวต่อเรื่องนี้ ถูกขยายผลไปไกล และฝ่ายที่กำลังตกเป็นจำเลย คือ “กกต.” เนื่องจากเป็นผู้มีหน้าที่และอำนาจ ในการจัดการเลือกตั้ง ควบคุมการเลือกให้สุจริตเที่ยงธรรม รวมถึงการตรวจสอบการกระทำที่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับการกระทำที่ทำให้การเลือกไม่สุจริต

ที่ผ่านมา ในกระบวนการเลือก สว. ตั้งแต่ระดับอำเภอ ถูก “ภาคประชาสังคม” จับจ้อง และมีข้อมูลที่เปิดเผยต่อเนื่อง ถึงกรณีที่คนบางจำพวก “ใช้ช่องว่าง” ทางกติกา ส่ง “เครือข่าย” เข้ามาสมัครเข้ารับเลือกเป็น สว. ซึ่งเรียกกันว่า “โหวตเตอร์” ขณะเดียวกัน “กกต.” ไม่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครเข้ารับเลือกเป็น สว.

เปิดเกม ‘ฮั้วเลือก สว.’ จุดพลิก รีเซ็ต ‘กกต.’

เรื่องนี้ อดีต สว. "สมชาย แสวงการ” เคยเปิดเผยข้อมูลไว้ว่า มีกระบวนการลักไก่ ส่งคนที่ไม่มีคุณสมบัติสมัครเข้ารับเลือกเป็น สว.กลุ่มต่างๆ เข้ามาโหวตผู้สมัครสว. ที่เป็นเป้าหมาย เพื่อให้ผู้สมัคร สว.ที่มีดีกรี มีความเหมาะสมไม่ผ่านคัดเลือก 

เช่น ส่ง หมอนวดพัทยา เข้ามาในกลุ่มสาธารณสุข เพื่อโหวตคนเป้าหมาย ทำให้ผู้สมัครที่มีดีกรีเป็นแพทย์วิชาชีพ ไม่ได้รับเลือก หรือมีกรณีที่เจ้าของรีสอร์ตส่งลูกจ้างของตนเองสมัครในกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม เพื่อเป็นโหวตเตอร์ให้ตัวเอง

โดย อดีตสว.สมชาย เคยเรียกร้องให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติบุคคลที่สมัคร เพื่อให้ได้ สว.จากการเลือกตามกลุ่มอาชีพ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมากที่สุด แต่ไม่เป็นผล

เปิดเกม ‘ฮั้วเลือก สว.’ จุดพลิก รีเซ็ต ‘กกต.’

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการตรวจสอบของภาคประชาชนที่เข้าสังเกตการณ์การเลือก สว.ระดับประเทศ พบว่ามีการส่งโพยก๊วน - โพยฮั้ว เพื่อให้เลือก “คนเป้าหมาย” 

เปิดเกม ‘ฮั้วเลือก สว.’ จุดพลิก รีเซ็ต ‘กกต.’

ขณะเดียวกันผู้สมัคร สว.เองมีการเปิดเอกสารถึงการ “ล็อกโหวต”ผู้สมัคร สว.บางกลุ่ม และยื่นเรื่องต่อศาลฎีกา รวมถึง กกต.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง

ทว่า 7 เดือนหลังจากที่ กกต.ประกาศรับรองผลเลือก สว.กลับไม่พบว่า มีการพิจารณาข้อร้องเรียน ตามที่ถูกกล่าวหาสักราย 

ส่วนกรณี “สมชาย เล่งหลัก” ที่หยุดการปฏิบัติหน้าที่ เป็น สว. เนื่องจากเป็น “ผู้ที่มีคดีติดตัว” มาตั้งแต่ต้น ครั้งเมื่อยังเป็น ผู้สมัคร สส.ของบางพรรค

ดังนั้น “ภาคประชาสังคม” รวมถึง “สส.ฝ่ายค้าน” จึงตั้งคำถามต่อการทำงานที่ล่าช้าของ กกต.ว่า “หน้าที่ที่ทำให้การเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรม” มีอยู่จริงหรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การทำหน้าที่ล่าช้า เพื่อต้องการเอื้อประโยชน์ให้บางกลุ่ม หรือนักการเมืองบางฝ่ายหรือไม่

เปิดเกม ‘ฮั้วเลือก สว.’ จุดพลิก รีเซ็ต ‘กกต.’

โดยเรื่องนี้ ยังโยงไปถึงการทำหน้าที่ของ กกต.ต่อการตรวจสอบการเลือกตั้ง สส. เมื่อ 14 พ.ค.2566 กรณีมีการร้องคัดค้าน 71 เรื่อง และขอให้ กกต. ตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายการทุจริตการเลือกตั้ง

กลับปรากฏว่า นับจากการประกาศรับรอง จนถึงปัจจุบัน กกต.ดำเนินคดีไปเพียง 2 รายเท่านั้น คือ “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล" สส.นครศรีธรรมราช และ “สุวรรณา กุมภิโร” สส.บึงกาฬ พรรคภูมิใจไทย

ซึ่งกรณีไม่เร่งตรวจสอบตามหน้าที่ ทำให้ถูกมองว่า "กกต." ไม่อยากมีเรื่องกับฝ่ายการเมือง ในช่วงท้ายของการดำรงตำแหน่งหรือไม่

เนื่องจากในปี2568 นี้ มี กกต. 5 คนที่จะครบวาระทำหน้าที่  

คนแรก “ปกรณ์ มหรรณพ” ที่ครบวาระอายุ 70 ปี เมื่อวันที่ 9 ก.พ. โดยกระบวนการขณะนี้ อยู่ระหว่างการคัดเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ภายใน 90 วัน ซึ่งขั้นตอนขณะนี้ ได้ปิดรับสมัครผู้พิพากษาที่จะเข้ารับการคัดเลือกไปแล้วเมื่อ 25 ก.พ. จากนั้นจะมีการนัดประชุมใหญ่ศาลฎีกาอีกครั้ง วันที่ 9 เม.ย. เพื่อลงมติเลือก

คนที่สอง  “อิทธิพร บุญประคอง” คนที่สาม “สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์” จะครบวาระเนื่องจากดำรงตำแหน่งครบ 7 ปี ในเดือน ส.ค.

คนที่สี่ “เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ" คนที่ห้า “ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ” จะครบวาระเนื่องจากดำรงตำแหน่งครบ 7 ปี ในเดือน ธ.ค.

น่าจับตาการสรรหา กกต.ชุดใหม่เป็นอย่างยิ่ง เมื่อ “สว.สีน้ำเงิน” ชุดปัจจุบัน มีสิทธิลงมติเห็นชอบ ผลจะออกมาอย่างไร องค์กรอิสระสำคัญต่อการเลือกตั้ง จะถูกครหา ถูกตีตราเป็น “กกต.สีน้ำเงิน” หรือไม่  

เปิดเกม ‘ฮั้วเลือก สว.’ จุดพลิก รีเซ็ต ‘กกต.’

หากการสอบฮั้ว สว.ครั้งนี้ มีธงแค่การต่อรองทางการเมือง ฉะนั้น ความหวังต่อการเลือกตั้งปี 2570 ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนการเมือง “ภาคประชาสังคม” อาจต้องพึ่งพลังของตัวเอง.