'พริษฐ์' กังขา จุดยืน 'อนุทิน' ปมเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

'พริษฐ์' กังขา จุดยืน 'อนุทิน' ปมเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

'พริษฐ์' จับโป๊ะ 'อนุทิน' ตอบไม่ตรงข้อเท็จจริง กังขาจุดยืน 'ภูมิใจไทย' ปมร่างกฎหมาย 'เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์' 

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตั้งคำถามถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ถึงกรณีร่างกฎหมาย "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ว่า คำตอบของนายอนุทิน ยังไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ตกลงแล้วท่าทีของพรรคภูมิใจไทยต่อร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) เปลี่ยนแปลงไปเพราะอะไร โดยเมื่อเช้า ได้ฟังนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ในรายการ “กรรมการข่าว คุยนอกจอ” ต่อคำถามที่ว่าเหตุใดพรรคภูมิใจไทยจึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไปต่อร่างกฎหมายกาสิโน และเห็นว่าคำตอบของคุณอนุทินยังไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

นายพริษฐ์ ระบุว่า หากเราลำดับเหตุการณ์กันอีกรอบ เมื่อวันที่ 2-18 ส.ค. 2567 มีการเปิดรับฟังความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) โดยขอเรียกว่า “ร่าง สศค.” ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2567 ทางพรรคภูมิใจไทยตั้งโต๊ะแถลงข่าว “ไม่เห็นด้วย 4 ประเด็นร่างกฎหมายกาสิโน”

หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2568 ครม. อนุมัติรับหลักการร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร และมอบหมายให้กฤษฎีกาตรวจให้เสร็จภายใน 50 วัน ขอเรียกว่า “ร่างที่ ครม. รับหลักการ”

ต่อมา เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2568 มีการเปิดรับฟังความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร ที่กฤษฎีกาได้ไปแก้ไขมา ขอเรียกว่า “ร่างที่ กฤษฎีกาแก้ไข”

นายพริษฐ์ ระบุอีกว่า กลับมาที่คำตอบนายอนุทิน 1. นายอนุทินบอกว่าเหตุผลที่ภูมิใจไทยคัดค้านตอน ส.ค. 2567 เป็นเพราะตอนนั้น ร่างกฎหมายเป็น “กฎหมายกาสิโน ไม่ใช่สถานบันเทิงครบวงจร” เหตุผลนี้ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เนื่องจากร่างกฎหมายที่เปิดรับฟังความเห็นอยู่ในเวลาเดียวกันกับที่พรรคภูมิใจไทยออกมาแถลงไม่เห็นด้วย คือ “ร่าง สศค.” ซึ่งเป็นร่าง พ.ร.บ. สถาบันเทิงครบวงจร อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้น

2. ถ้านายอนุทินจะพยายามให้เหตุผลต่อว่าที่ภูมิใจไทยคัดค้านตอน ส.ค. 2567 เป็นเพราะร่างกฎหมายตอนนั้น ยังไม่ได้ระบุหรือล็อกไว้ว่าสัดส่วนพื้นที่กาสิโนจะต้องไม่เกิน 10% ของพื้นที่สถาบันเทิงครบวงจร และยังมีลักษณะ “กาสิโนนำ” เหตุผลนี้ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกเช่นกัน เพราะว่าทั้ง “ร่าง สศค.” ที่พรรคภูมิใจไทยออกมาค้าน (ส.ค. 2567) และ “ร่างที่ ครม. รับหลักการ” (ม.ค. 2568) ไม่ได้มีการล็อกหรือระบุเรื่องสัดส่วน 10% ไว้ในตัวบทกฎหมายเลยทั้งคู่ ทั้งสองร่างเขียนมาตรา 41 ไว้เหมือนกันว่า “มาตรา 41 ให้สถานบันเทิงครบวงจรตั้งอยูในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาเท่านั้น โดยจะต้องประกอบไปด้วยธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้อย่างน้อยสี่ประเภท รวมกับกาสิโน ทั้งนี้ สัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจรให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด” เรื่องการล็อกสัดส่วน 10% ไว้ในตัวบทกฎหมาย โผล่ขึ้นมาครั้งแรกใน “ร่างที่ กฤษฎีกาแก้ไข” (ก.พ. 2568) ทีหลังจากร่างที่ ครม. รับหลักการไปแล้ว (พร้อมกับมาตรการอื่นๆ เช่น การกำหนดว่าผู้เล่นคนไทยจะต้องมีเงินในบัญชีเกิน 50 ล้านบาท)

นอกจากนี้ ไม่ว่าจะมีการล็อกเรื่องสัดส่วน 10% ไว้ในตัวบทกฎหมายหรือไม่ ทุกร่างทั้งหมดที่ผ่านมาเกี่ยวกับสถาบันเทิงครบวงจรจนถึงวันนี้ มีลักษณะ “กาสิโนนำ” ทั้งสิ้น เนื่องจากทุกร่างมีการระบุไว้ชัดเจนว่าสถานบันเทิงครบวงจรอาจมีธุรกิจอื่นที่แตกต่างหลากหลายกันออกไปได้ แต่สถานบันเทิงครบวงจรทุกแห่งจะ “ต้อง” มีกาสิโนเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ขาดหายไม่ได้

นายพริษฐ์ ระบุด้วยว่า ดังนั้น นายอนุทินย่อมมีสิทธิที่จะยืนยัน ว่าท่าทีที่เปลี่ยนไปของพรรคภูมิใจไทยต่อร่างกฎหมาย “สถานบันเทิงครบวงจรอันมีกาสิโนเป็นองค์ประกอบที่ขาดหายไม่ได้” ไม่ได้เป็นเพราะการแลกมาด้วยวาระอื่น (เช่น พนันออนไลน์ การแก้รัฐธรรมนูญ กัญชา)

"แต่ผมเห็นว่าคำตอบที่รองนายกฯอนุทินให้เมื่อเช้านี้ว่าอะไรคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ท่าทีของพรรคภูมิใจไทยเปลี่ยนแปลงไป ยังไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงครับ" นายพริษฐ์ ระบุ

ข้อมูลจาก: พริษฐ์ วัชรสินธุ - ไอติม - Parit Wacharasindhu