สงครามตัวแทน ‘2 นายใหญ่’ ล้ม‘138 สว.’ ปิดจ๊อบภูมิใจไทย?

สงครามตัวแทน ‘2 นายใหญ่’  ล้ม‘138 สว.’ ปิดจ๊อบภูมิใจไทย?

มีการประเมินว่า หากสามารถล้ม “สว.สีน้ำเงิน” ตามในโพยฮั้ว 138 คนลงได้  ย่อมส่งผลต่อสมการการเมือง ที่จะเกิดเกม “ล้างกระดาน” ในทันที

KEY

POINTS

  • มีการประเมินว่า หากสามารถล้มเครือข่าย “สว.สีน้ำเงิน” ตามตัวเลขในโพยฮั้ว 138 คนลงได้  ย่อมส่งผลต่อสมการการเมือง ที่จะเกิดเกม “ล้างกระดาน” ในทันที ไม่ต่างจากภูมิใจไทยที่ไม่สามารถสร้างแต้มต่อรองได้อีกต่อไป
  • 69 เสียง สส.ในมือ จากเดิมอยู่ในระดับสร้างแรงต่อรอง ถึงเวลาอาจไม่เป็นเช่นนั้น แถมกลายเป็นจังหวะในการผลักภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล  เข้าทางบางพรรคที่กำลังมีอำนาจ แต่ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด อาศัยจังหวะนี้ในการ “โชว์พลังดูด” เปิดโปรย้ายค่าย

  • สงครามตัวแทนจากฝั่ง “2 น.สีน้ำเงิน” ทั้ง น.เนวิน และ น.หนู อนุทิน เปิดเกมเอาคืน ด้วยการยื่นฟ้องภาครัฐ เอกชน ที่มีเอี่ยว ชงเรื่องสอบ สว.สีน้ำเงิน และเตรียมยื่นถอดถอน รวมถึงเปิดอภิปราย รมว.ยุติธรรม 

  • ด้วยยี่ห้อ “ทักษิณ” และ“เนวิน” ในฐานะ “2 ผู้มากบารมีตัวจริง” ของ 2 ค่ายแล้ว ต่างฝ่ายต่างอ่านเกมรู้ดูเกมของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ต้องจับตาถึงเวลาอาจยังมีหลาย “ไพ่ตาย” ที่รอจังหวะทิ้งไพ่หลังจากนี้เป็นได้

ข่าวลึกแต่ไม่ลับ การนัดพบระหว่าง “2 ผู้นำความคิด” ทั้ง “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะศาสดาสีแดง และ “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่สีน้ำเงิน แม้ที่สุดนัดหมายจะล่ม เพราะข่าวรั่ว แต่ย่อมเป็นการตอกย้ำถึงฉากการเมือง ในยามที่  “ดุลอำนาจ” ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถืออำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด 

แม้ฝั่งหนึ่งถืออำนาจบริหาร และเสียงในสภาฯล่าง เป็นอันดับหนึ่งในซีกรัฐบาล แต่ยังมีอีกฝั่งที่มีเสียง สส.บวกเสียง สว.อยู่ในระดับที่สามารถสร้างแรงต่อรอง ที่นับวันจะยิ่งหนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆ 

ไม่แปลกที่จะได้เห็นการเปิดฉากรบ ผ่าน “สงครามตัวแทน” ที่มีการเอาคืนกันไปมาแบบเป็นขั้นเป็นตอน 

ล่าสุดเป็นกรณีที่มีการปล่อย “เอกสารลับ” ตั้งใจหลุดของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ” ระบุถึงคำร้องที่กลุ่มตัวแทนผู้สมัคร สว.รวมตัวกันมากกว่า 40 คน มีทั้งกลุ่ม สว. สำรอง ผู้สมัคร สว. อื่นๆ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อดีเอสไอ ขอให้สอบ “โพยฮั้ว สว.”

โดยรายละเอียดโพยฮั้ว สว.จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน พบว่า เป็นผู้ได้รับเลือกเป็น สว.หรือสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 138 คน และอยู่ในลำดับสำรอง 2 คน ที่การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2563 มาตรา 977(3) ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 (ความผิดฐานอั้งยี่) และความผิดฐานฟอกเงินตามพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

สงครามตัวแทน ‘2 นายใหญ่’  ล้ม‘138 สว.’ ปิดจ๊อบภูมิใจไทย?

อันที่จริงกรณีดังกล่าวเคยมีกลุ่มตัวแทนผู้สมัคร สว. และกลุ่ม สว. สำรอง ได้ยื่นต่อศาลฎีกา เมื่อช่วงต้นปี 2567 ขอให้กระบวนการเลือก สว.เป็นโมฆะ แต่ต่อมาศาลมีคำวินิจฉัย “ยกคำร้อง” พร้อมระบุว่า ให้ไปดำเนินการใช้สิทธิตามมาตรา 64 แห่งพ.ร.ป.เลือกตั้ง สว. ในการร้องต่อ กกต.

ก่อนที่กลุ่มผู้สมัคร สว.ดังกล่าวจะดำเนินการ ยังได้ร้องต่อ กกต.ให้สอบคดีทุจริตการเลือก สว. แต่เรื่องกลับเงียบ ไม่มีความคืบหน้า จึงเบนเข็มไปร้องที่ดีเอสไอ ขอให้รับเป็นคดีพิเศษ

ว่ากันว่า กรณีนี้มีสัญญาณส่งผ่านมาถึง “ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ”  ในการรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา 

สอดรับกับ “บิ๊กแพร” ยุทธนา แพรดำ อธิบดี ดีเอสไอ ซึ่งเป็นที่รู้โดยทั่วว่า เป็นมือขวาใกล้ชิดเสนาบดี ถึงขั้นฟันธงล่วงหน้าก่อนการประชุม “บอร์ดพิเศษ” ของดีเอสไอที่มี "ภูมิธรรม เวชยชัย"  รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานบอร์ด ในวันที่ 25 ก.พ.68 เสียด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเคลมว่ามีหลักฐานชัดเจน บ่งบอกถึง “กระบวนการจัดตั้ง” ของเครือข่ายเดียวกัน

สงครามตัวแทน ‘2 นายใหญ่’  ล้ม‘138 สว.’ ปิดจ๊อบภูมิใจไทย?

กระแสหนึ่งมีการประเมินว่า หากสามารถล้มเครือข่าย “สว.สีน้ำเงิน” ตามตัวเลขในโพยฮั้ว 138 คนลงได้  ย่อมส่งผลต่อสมการ การเมือง ที่จะเกิดเกม “ล้างกระดาน” ในทันที ไม่ต่างจากภูมิใจไทยที่ไม่สามารถสร้างแต้มต่อรองได้อีกต่อไป

เหนือไปกว่านั้น บางพรรคถึงมีการ “ขายฝัน” ไปไกลถึงขั้นที่ว่า หากล้มกระดาน สว.ลงได้ ประจวบเหมาะกับที่ป.ป.ช.กำลังจะมีการชี้ชะตา ประเด็นจริยธรรม “44 สส.” พรรคก้าวไกล ที่ไปร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จำนวนนี้มี 25 คน ที่ยังมีสถานะเป็น สส.พรรคประชาชนอยู่ในสภาฯชุดปัจจุบัน 

หากผลเป็นลบ ส่งผลให้ 17 เสียง ซึ่งเป็น สส.บัญชีรายชื่อ จะหายไปทันที ไม่มีการขยับลำดับถัดไปขึ้นมาทดแทน เนื่องจากพรรคก้าวไกลถูกยุบตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ  ขณะที่อีก 8 เขตจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ เช่นนี้ย่อมทำให้ฝ่ายค้านอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด 

ฉะนั้น แม้ภูมิใจไทยจะมี 69 เสียง สส.ในมือ จากเดิมอยู่ในระดับสร้างแรงต่อรอง ถึงเวลาอาจไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป ซ้ำร้ายอาจกลายเป็นจังหวะในการผลักภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล 

เข้าทางบางพรรคที่กำลังมีอำนาจ แต่ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะมีพรรคร่วมคอยขัดแข้งขัดขา อาจอาศัยจังหวะนี้ในการ “โชว์พลังดูด” เปิดโปรย้ายสี-ย้ายค่าย แต่ละซุ้มสีน้ำเงินให้มาอยู่ในการครอบครองของตน เพราะรู้จริตของนักเลือกตั้งดีว่า คงไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายค้าน

สงครามตัวแทน ‘2 นายใหญ่’  ล้ม‘138 สว.’ ปิดจ๊อบภูมิใจไทย?

ขณะที่ “ฝั่งสีน้ำเงิน” เองก็ดูเหมือนจะล่วงรู้สัญญาณตรงนี้มาโดยตลอดจึงได้เห็นการออกแอ็กชันของ “2 บิ๊กสภาสูง” ทั้ง “บิ๊กหมง” มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา สายตรงนายใหญ่สีน้ำเงิน และ “บิ๊กเกรียง” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เพื่อร่วมรุ่น วปอ.ของ “มท.หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล  หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ย่อมเป็นการตอกย้ำถึงการเปิดฉาก สงครามตัวแทนของ “2 น.สีน้ำเงิน” ทั้ง น.เนวิน และ น.หนู อนุทิน 

โดยส่งสัญญาณเอาจริง พร้อมเปิดเกมเอาคืน ด้วยการยื่นฟ้องภาครัฐ เอกชน ที่มีเอี่ยว ชงเรื่องสอบ สว.สีน้ำเงิน และเตรียมยื่นถอดถอน รวมถึงเปิดอภิปราย รมว.ยุติธรรม ที่กำกับดูแลดีเอสไอ ก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 10 เม.ย.68 นี้ หากรับคดีฮั้วเลือกสว.เป็นคดีพิเศษ

จังหวะการเมืองที่ดูเหมือนจะประจวบเหมาะทั้งการพิจารณาของ “บอร์ดคดีพิเศษ” ที่ถูกเซตขึ้น ตรงกับงานดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งภูมิใจไทยเป็นเจ้าภาพ คล้อยหลัง 1 วันหลังมีการปล่อยข่าวการนัดพบของ “2 ผู้มากบารมี”

ก่อนหน้ามีข่าวว่า นัดหมายกันที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) ช่วงเย็นวันที่ 24 ก.พ.68 แต่เมื่อถึงเวลา กลับไร้เงา “นายใหญ่” บ้านจันทร์ส่องหล้า   

สงครามตัวแทน ‘2 นายใหญ่’  ล้ม‘138 สว.’ ปิดจ๊อบภูมิใจไทย?

เป็นเช่นนี้ต้องจับตาท่ามกลางสารพัดเกมต่อรองทิ้งไว้ ซึ่งรอยร้าวระหว่าง 2 พรรคที่นับวันจะยิ่งเห็นชัดขึ้นเรื่อย ย่อมเป็นการสะท้อนถึงฉากการเมืองที่กำลังขบเหลี่ยมเฉือนคมอย่างเข้มข้น

บางกระแสฟันธงไปแล้วว่า สัมพันธ์ระหว่าง "เพื่อไทย" และ "ภูมิใจไทย" กำลังถึงคราวแตกหัก ขณะที่อีกกระแสยังเชื่อว่าเป็นเพียงการสร้างอำนาจต่อรองระหว่าง " 2 นายใหญ่" ในลักษณะยื่นหมูยื่นแมวเสียมากกว่า

โดยเฉพาะพรรคสีน้ำเงิน ที่ทำการเมืองสไตล์ยิงกระสุน มากกว่ากระแส หากถูกเตะออกไปเป็นฝ่ายค้านอาจเสียมากกว่าได้ 

ไม่ต่างจากผลสำรวจ “นิด้าโพล” เปิดเผยล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.พ.68 เกี่ยวกับความเห็นของประชาชน ประเด็นความขัดแย้งระหว่าง "พรรคเพื่อไทย" และ "พรรคภูมิใจไทย"  ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

พบว่า ร้อยละ 38.85 ยังเชื่อว่า มีความขัดแย้งกัน แต่ไม่ค่อยจริงจังเท่าไร รองลงมาร้อยละ 32.91 ระบุว่า มีความขัดแย้งกันอย่างจริงจังพอสมควร

ขณะที่ความเป็นไปได้ของบทสรุปของความขัดแย้งระหว่าง "พรรคเพื่อไทย" และ "พรรคภูมิใจไทย" 

พบว่า ร้อยละ 38.09 ระบุว่า ท้ายที่สุดทั้งสองพรรคจะตกลงกันได้ และยุติความขัดแย้ง

ร้อยละ 37.40 ระบุว่า ความขัดแย้งจะมีต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังอยู่ร่วมรัฐบาลกันเหมือนเดิม

ร้อยละ 10.31 ระบุว่า มีการปรับคณะรัฐมนตรี ดึงกระทรวงที่สำคัญออกจากพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 7.10 ระบุว่า นายกรัฐมนตรี จะประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร

ร้อยละ 2.52 ระบุว่า พรรคภูมิใจไทยจะประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล

อย่างที่รู้กันด้วยยี่ห้อ “ทักษิณ” และ “เนวิน” ในฐานะ “2 ผู้มากบารมีตัวจริง” ของ 2 ค่ายแล้ว ต่างฝ่ายต่างอ่านเกมรู้ดูเกมของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี เช่นนี้ต้องจับตาถึงเวลาอาจยังมีหลาย “ไพ่ตาย” ที่รอจังหวะทิ้งไพ่หลังจากนี้เป็นได้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์