‘รัฐบาล’ เตือน วัยรุ่น ‘บุหรี่ซอมบี้’ อันตราย มียานำสลบ

‘รัฐบาล’ เตือน วัยรุ่น ‘บุหรี่ซอมบี้’ อันตราย มียานำสลบ

“รองโฆษกฯ” เผย รัฐบาล ลุยปราบยาเสพติด-บุหรี่ไฟฟ้า ลงโทษตำรวจ ปล่อยนำเข้าผิดกฎหมาย ล่าสุด พบ “บุหรี่ซอมบี้” ระบาดย่านที่เที่ยวทองหล่อ ผสมยานำสลบ เตือน วัยรุ่นอย่าลอง

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญนโยบายปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ซึ่งพบเป็นจำนวนมากและได้เร่งดำเนินการจัดการ กลุ่มผู้กระทำผิดและลงโทษผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งข้าราชการตำรวจ และผู้ที่ปล่อยปละละเลยให้นำเข้ามาจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย ขณะที่ปัจจุบัน คนร้ายนักค้ายาเสพติดได้พัฒนาคิดค้นผสมผสานสูตรยาเสพติดชนิดใหม่ หรือที่เรียกว่ายาเสพติดประดิษฐ์เอง เพื่อหลอกล่อ นักเสพหน้าเก่า-หน้าใหม่ ให้ทดลองใช้ยาเสพติด แม้ภาครัฐจะเข้มงวดในการปราบปราม แต่ยังพบการแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดพบการแพร่ระบาด “บุหรี่ซอมบี้” ย่านสถานบันเทิงแถวทองหล่อ

สำหรับ “บุหรี่ซอมบี้” มีส่วนผสมของสารเอโทมีเดท (Etomidate) ยานำสลบที่ใช้ในทางการแพทย์ หากใช้ในทางที่ผิดเหมือนยาเสพติด ทำให้ง่วงซึมอย่างรุนแรง อัตราการหายใจลดลง หรือเกิดภาวะหายใจช้าลงจนเป็นอันตราย ความดันโลหิตต่ำ คลื่นไส้อาเจียนสับสน หมดสติ อาจทำให้เสียชีวิตได้ ขออย่าหลงเชื่อคำชักชวนว่าปลอดภัยหรือลองแค่ครั้งเดียวไม่เป็นไร ทั้งนี้ นอกจากพบแพร่ระบาดในสถานบันเทิงแล้ว ยังพบการลักลอบจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์และในสถานที่รวมกลุ่มต่างๆ โดยมักอ้างสรรพคุณว่าทำให้ผ่อนคลายและนอนหลับสบาย

บุหรี่ซอมบี้ คือบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการผสมสาร Etomidate ลงไปเพื่อให้ออกฤทธิ์เหมือนยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้ามีผลกระทบกับสุขภาพผู้สูบมากมาย ยิ่งมีการผสมยาและสารต่างๆ ลงไปยิ่งอันตรายเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้จะมีการเลิกสูบไปแล้วแต่ยังส่งผลในระยะยาวต่อฮอร์โมนที่ต่อมหมวกไต ทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้าง ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ส่งผลให้การทำงานของกล้ามเนื้อผิดปกติ 

“ขอเตือนกลุ่มวัยรุ่นรวมไปถึงประชาชนทั่วไป ที่คิดจะทดลองใช้บุหรี่ซอมบี้หรือบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการผสมยาและสารต่างๆ ลงไป ให้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นให้มาก ซึ่งร้ายแรงที่สุดอาจทำให้เสียชีวิตได้  และไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผู้ขายตั้งใจผสมสารชนิดใดลงไป มากน้อยเพียงใด อย่าหลงเชื่อคำชักชวนว่าปลอดภัยหรือ ลองแค่ครั้งเดียว ไม่เป็นไร ทั้งนี้ ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมบุตรหลานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินที่มากขึ้น มีอาการง่วงซึมผิดปกติ การเปลี่ยนแปลงของกลุ่มเพื่อน การเก็บตัวหรือหลบซ่อนในห้อง หากพบพฤติกรรมเหล่านี้ต้องรีบเข้าไปพูดคุย ด้วยความรักและความเข้าใจ บอกกล่าวถึงอันตรายที่จะตามมา” นายอนุกูล กล่าว