ฉากชีวิต 'ทวี สอดส่อง' โยงใยอำนาจ ‘บ้านจันทร์ฯ’

ฉากชีวิต 'ทวี สอดส่อง' โยงใยอำนาจ ‘บ้านจันทร์ฯ’

เมื่อ “นายใหญ่” ต้องเปิดเกมรบกับ “ครูใหญ่” เพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองให้มั่นคงยาวนาน ไฟต์บังคับจึงต้องมาใช้บริการดีเอสไอ เป็นที่รู้กันว่า แม้ “บิ๊กวี” จะอยู่ต่างพรรค แต่ใจอยู่ที่“บ้านจันทร์ส่องหล้า” อย่างปฏิเสธไม่ได้

KEY

POINTS

  • การออกมาเปิดเกมรบชน “สว.สีน้ำเงิน” ของ “บิ๊กวี” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สอดรับกับห้วงเวลาที่ “นายใหญ่” บ้านจันทร์ส่องหล้า ต้องการจัดทัพ “พรรคร่วมรัฐบาล” เสียใหม่
  • ย้อนเส้นทางการเติบโตในตำแหน่ง "บิ๊กข้าราชการ" ของ "ทวี" มักจะโยงใยกับขุมอำนาจ "บ้านจันทร์ส่องหล้า"
  • การออกมาเดินเกมเช็คบิล "สว.สีน้ำเงิน" เปิดฉากรบกับ "ครูใหญ่" เพื่อเปิดทางให้ "นายใหญ่" พลิกกระดานการเมือง จึงน่าจับตาอย่างยิ่ง

การออกมาเปิดเกมรบชน “สว.สีน้ำเงิน” ของ “บิ๊กวี” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สอดรับกับห้วงเวลาที่ “นายใหญ่” บ้านจันทร์ส่องหล้า ต้องการจัดทัพ “พรรคร่วมรัฐบาล” เสียใหม่ เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยของ “ครูใหญ่” บ้านสีน้ำเงิน นับวันยิ่งเติบโตและหยุดยากมากขึ้น

“นายใหญ่” มองข้ามชอตไปถึงการเลือกตั้งปี 2570 พรรคของครูใหญ่ คือแนวรบสำคัญอีกด้านในพื้นที่ฐานเสียง ที่ประมาทไม่ได้ โดยเฉพาะการขยับขึ้นมาเทียบชั้นกับเพื่อไทย 

ดังนั้น หากจะสยบ “ค่ายสีน้ำเงิน” และเครือข่ายบ้านใหญ่ ต้องตัดไฟเสียต้นลม ด้วยการเขี่ยพ้นพรรคร่วมรัฐบาล และตัดท่อน้ำเลี้ยง พร้อมเปิดช่องให้ดูด “ทีมสีน้ำเงิน” มาอยู่ร่วมค่ายสีแดง

ขณะเดียวกัน แนวรบด้านสภาฯ ขุมกำลังของ “สว.สีน้ำเงิน” ก็เป็นป้อมปราการขวางทาง “นายใหญ่” เนื่องจากการเดินเกมในสภาฯ ต้องผ่านความเห็นชอบจาก “สว.” หากไม่กำจัด “สว.สีน้ำเงิน” โอกาสย่อมไม่เอื้อ ที่จะเขี่ย “พรรคภูมิใจไทย”

ว่ากันว่า เส้นทางของ “สว.สีน้ำเงิน” มาจากมันสมองของ “ครูใหญ่” ที่คอยจัดวางเครือข่าย จนคนของ “บ้านใหญ่สีน้ำเงิน” เข้าวินมาจำนวนมาก แตกต่างจาก “ค่ายสีแดง” ที่มี “บิ๊กเนม” อาสาเดินเกมเลือก สว. แต่การสร้างเครือข่ายสู้ “บ้านใหญ่สีน้ำเงิน” ไม่ได้ ตัวแทนจาก “ค่ายสีแดง” จึงพ่ายแพ้ยับเยิน

จากนั้นมีความพยายามล้มการเลือก สว. หลายครั้ง โดยอาศัยช่องทางการยื่นเรื่องผ่านสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทว่า “แม่บ้าน กกต.” คนการเมืองรู้ดีว่าเด็กใคร เกือบทุกเรื่องร้องเรียนจึงติดอยู่ที่สำนักงานแม่บ้าน

 ขณะที่การประลองกำลังทางการเมือง จะเห็นได้ชัดว่า ระยะหลัง “นายใหญ่” โดน “ครูใหญ่” เปิดเกมรุกเข้าใส่ ทั้งโครงการรัฐ การเลือกนายก อบจ. จนต้องหันกลับมาทบทวนยุทธศาสตร์ “ล้มสีน้ำเงิน”

ไม่แปลกที่ “บิ๊กวี” จะเต็มใจให้ “นายใหญ่” ใช้บริการ เนื่องจากมีสายสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอด 

ย้อนเส้นทางราชการจนมาสู่การเมืองของ “บิ๊กวี” รับราชการตำรวจเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2527 โดยเป็นรองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ก่อนย้ายมาเป็นรองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สน.นางเลิ้ง สารวัตรปราบปราม สภ.เมืองกาญจนบุรี ต่อมาได้เข้ามาเป็นตำรวจกองปราบ

โดยในปี 2547 เจ้าตัวโอนมาเป็นข้าราชการพลเรือน รั้งตำแหน่งรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในยุคของ “ทักษิณ ชินวัตร” นั่งนายกฯ ดูแลคดีสำคัญ อาทิ คดีเช่าตึกทีพีไอทาวเวอร์ คดีปั่นหุ้นปิคนิค และคดีที่เกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ” หลายคดี

หลังรัฐประหารปี “บิ๊กวี” ถูกย้ายจากตำแหน่งรองอธิบดีดีเอสไอ ไปนั่งจบยุงตำแหน่ง รองเลขาฯ ป.ป.ส. กระทั่งเข้าสู่ยุครัฐบาลพลังประชาชน ได้กลับมานั่งเก้าอี้ “อธิบดีดีเอสไอ”
 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2552 เมื่อมีการพลิกขั้ว โดย “เนวิน ชิดชอบ” นำสส.พลังประชาชน จัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชื่อของ “ทวี สอดส่อง” ตกเป็นเป้าถูกเด้งเป็นคนแรกๆ โดยถูกย้ายจากอธิบดีดีเอสไอ ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม

ต่อมาในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เจ้าตัวจึงคัมแบ็คมานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จนสามารถสร้างเครือข่ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้สำเร็จ และมีบทบาทในพรรคประชาชาติมาจนถึงปัจจุบัน

กระทั่งการเลือกตั้งปี 2561 เข้าร่วมกับ "วันมูหะมัดนอร์ มะทา" โดยดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาชาติ ก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ ในปี 2562 

ต่อมาปี 2566 เขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่ออีกครั้ง ก่อนก้าวเข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาชาติ ภายหลัง "วันมูหะมัดนอร์" ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ

ส่วนตัวของ "บิ๊กวี" ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร และเขาเป็นคนที่ถูกข้อครหาว่ามีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้ "ทักษิณ" รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างถูกควบคุมตัว

นอกจากนี้ยังมีข้อครหาเกี่ยวกับการพักโทษ "บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีตรมว.พาณิชย์ ซึ่งโดนจำคุกคดีรับจำนำข้าว โดยมีการโยงไปถึงการเปิดช่องให้ "ยิ่งลักษณ์" กลับไทยได้สะดวกขึ้นหรือไม่

จะเห็นได้ว่าเส้นทาง “ข้าราชการ” ของ “บิ๊กวี” ผูกผันโยงใยกับ “นายใหญ่-นายหญิง” บ้านจันทร์ส่องหล้า ตราบใดที่อำนาจยังอยู่ในมือตระกูลชินวัตร เขามักจะได้รับการปูนบำเหน็จ

ดังนั้นเมื่อ “นายใหญ่” ต้องเปิดเกมรบกับ “ครูใหญ่” เพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองให้มั่นคงยาวนาน ไฟต์บังคับจึงต้องมาใช้บริการดีเอสไอ เป็นที่รู้กันว่า แม้ “บิ๊กวี” จะอยู่ต่างพรรค แต่ใจอยู่ที่“บ้านจันทร์ส่องหล้า” อย่างปฏิเสธไม่ได้