วิถี “โกเก๊า-โกเฮง” “อบจ.หละปูน” เส้นแบ่งการเมืองเก่า-ใหม่

สำหรับ “โกเฮง” ก็ต้องพิสูจน์ฝีมือให้คนหละปูนได้ประจักษ์ในวิถี “การเมืองใหม่” เพื่อลบล้างภาพ “การเมืองเก่า” แบบโกเก๊า
KEY
POINTS
- ปฏิเสธไม่ได้ว่า “โกเฮง” วีระเดช ภู่พิสิฐ ว่าที่นายก อบจ.ลำพูน เป็นทายาท “โกเก๊า” ประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตนายก อบจ.ลำพูน
- ก้าวแรกของโกเก๊าคือ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาจังหวัดลำพูน เมื่อปี 2528 และก้าวที่สอง โกเก๊า เป็นนายก อบจ.ลำพูน ปี 2543
- สำหรับ “โกเฮง” ก็ต้องพิสูจน์ฝีมือให้คนหละปูนได้ประจักษ์ในวิถี “การเมืองใหม่” เพื่อลบล้างภาพ “การเมืองเก่า” แบบโกเก๊า
“โกเฮง” วีระเดช ภู่พิสิฐ ว่าที่นายก อบจ.ลำพูน เป็นทายาท “โกเก๊า” ประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตนายก อบจ.ลำพูน นี่คือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
“โกเก๊า” ประเสริฐ ภู่พิสิฐ เป็น “บ้านใหญ่” หรือไม่ ต้องไปย้อนดูเส้นทางการเมืองของโกเก๊า
ก้าวแรกของโกเก๊าคือ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาจังหวัดลำพูน เมื่อปี 2528 และก้าวที่สอง โกเก๊า เป็นนายก อบจ.ลำพูน ปี 2543
เมืองหละปูนเมื่อ 40 ปีที่แล้ว มีนักการเมืองดังระดับประเทศ 2 คนคือ สมาน ชมภูเทพ และ มนตรี ด่านไพบูลย์
“หนานหล้า” สมาน ชมภูเทพ เป็น สส.ลำพูน ตั้งแต่ปี 2518 ด้วยความเป็นคนหนุ่มฝีปากกล้า มีคารมคมคาย จึงได้รับความไว้วางใจจากชาวหละปูน
มนตรี ด่านไพบูลย์ ผู้นำเกษตรกรเมืองเจ้าแม่จามเทวี เจ้าของสวนลำไย 200 ไร่ และเจ้าของฟาร์มหมูขนาดใหญ่ ได้รับเลือกเป็น สส.ลำพูน ปี 2522
ปรากฏว่า “โกเก๊า” เลือกเดินตาม “หนานหล้า” เพราะชื่นชอบสไตล์การทำงานการเมือง เป็นปากเสียงของเกษตรกรคนรากหญ้า
ดังที่ทราบกัน ประชากรส่วนใหญ่ใน จ.ลำพูน มีอาชีพเป็นเกษตรกร และมีผลิตผลทางการเกษตรที่โดดเด่น ก็คือ ลำไย และกระเทียม
ยามที่ ราคาลำไย กระเทียมตกต่ำ “หนานหล้า” จะรับบทผู้นำม็อบ ลำไย ม็อบกระเทียม เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญความเดือดร้อนของเกษตรกรเกือบทุกปี
แล้ววันหนึ่ง “โกเก๊า” ก็ติดกับดักการช่วยเหลือเกษตรกร ในคดีทุจริตโครงการลำไยอบแห้ง และต้องไปชดใช้กรรมตามกระบวนการยุติธรรม
วิถีการเมืองแบบ “โกเก๊า” ที่เดินตาม “หนานหล้า” นักการเมืองดังที่มีฉายาว่า “ศรีธนญชัยเมืองเหนือ” ย่อมไม่ใช่วิถี “บ้านใหญ่”
ตัดกลับมาที่ “โกเฮง” วีระเดช ภู่พิสิฐ ลูกชายโกเก๊า หอมกลิ่นการเมืองใหม่ จึงเลือกที่จะเข้าร่วมงานกับพรรคอนาคตใหม่ ตามคำเชิญชวนของ ชัยธวัช ตุลาธน
ในบทบาทหัวหน้าสำนักงานพรรคอนาคตใหม่ เมืองหละปูน ทีมผู้สมัคร สส. ในการดูแลของโกเฮง ประสบความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้ง สส.ลำพูน ปี 2562
ปี 2564 โกเฮงเริ่มนับหนึ่งในชัยชนะ จากการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีใน จ.ลำพูน ปรากฏว่า ผู้สมัครของคณะก้าวหน้า ได้รับเลือกเป็นนายกเล็ก 2 แห่งคือ ชนินทร พุฒิเศรษฐ์ นายกเทศมนตรีตำบลเหมืองจี้ อ.เมืองลำพูน และ ยุทธเดช ขนาดกำจาย นายกเทศมนตรีตำบลทากาดเหนือ อ.แม่ทา
ปี 2566 ฟ้าเมืองหละปูนเปลี่ยนสี เมื่อ วิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก อดีตผู้สมัคร สส.ลำพูน พรรคอนาคตใหม่ เปลี่ยนสีเสื้อเป็นพรรคก้าวไกล ได้รับเลือกเป็น สส.ลำพูน เขต 1
พลันที่ปักธง สส.สีส้มได้ 1 เขต และพรรคก้าวไกล ได้คะแนน สส.บัญชีรายชื่อ 118,003 คะแนน โกเฮงจึงตัดสินใจลงสมัครนายก อบจ.ลำพูน
คู่แข่งโกเฮงคือ “เสี่ยโอน” อนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีตนายก อบจ.ลำพูน ทายาทพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า บ้านใหญ่เมืองแพร่ ไยจึงมาลงหลักปักฐานเมืองลำพูน
ช่วงปี 2522 สังวาลย์ วงศ์วรรณ น้องชายต่างมารดาของพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ ได้เข้ามาทำธุรกิจโรงบ่มใบยาสูบ ที่ จ.ลำพูน ในนามบริษัทเทพวงศ์
ปี 2531 สังวาลย์ ได้รับเลือกเป็น สส.ลำพูน สังกัดพรรครวมไทย ของพ่อเลี้ยงณรงค์ ก่อนจะวางมือ และส่งไม้ต่อให้อนุสรณ์ วงศ์วรรณ เป็น สส.ลำพูน 5 สมัย
ธุรกิจโรงบ่มใบยาสูบในเมืองลำพูนราโรยไปตามสภาพเศรษฐกิจ ฉะนั้น ตระกูลวงศ์วรรณ ต้นตำรับการเมืองใบยาสูบ จึงหันมาโหนกระแส “นายกฯคนเมือง” เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ปี 2544
คนไทยจำนวนไม่น้อย อาจเข้าใจว่า จ.ลำพูน เป็นหัวเมืองเล็กๆที่ “คนเมือง” มีวิถีชีวิตเรียบง่ายในสังคมเกษตรกรรม
จริงๆแล้ว เมืองหละปูนเปลี่ยนไป นับแต่มีการก่อตั้ง “นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ” ในเขต อ.เมืองลำพูน เมื่อปี 2528
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์มวลรวมของ จ.ลำพูน กว่า 52% มีที่มาจากภาคอุตสาหกรรม ที่มีนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง คือ นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ นิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ลำพูน และสวนอุตสาหกรรม เครือสหพัฒน์
ในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือมากกว่า 61 โรงงาน และดึงดูดแรงงานกว่า 5 หมื่นคนจากทั่วภาคเหนือ มาอาศัยอยู่ใน จ.ลำพูน
เมื่อเศรษฐกิจ-สังคมเปลี่ยน การเมืองเปลี่ยน โหวตเตอร์ก็เปลี่ยน ในรอบ 20 กว่าปีมานี้ จึงเห็นคนหละปูนไม่ยึดติดกับ “บ้านใหญ่” หรือนักการเมืองท้องถิ่นคนใดคนหนึ่ง
พิสูจน์ได้จากผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ลำพูน จากปี 2547 จนถึงปี 2568 ที่ไม่มีนายกฯคนใดผูกขาดอยู่ในตำแหน่ง เหมือนจังหวัดใกล้เคียง
ปี 2543 “โกเก๊า” ประเสริฐ ภู่พิสิฐ ได้รับเลือกทางอ้อมจากสมาชิกสภาจังหวัดเป็นนายก อบจ.ลำพูน
ปี 2547 “หนานหล้า” สมาน ชมพูเทพ ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.ลำพูน ในนามกลุ่มอิสระ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทางตรงเป็นครั้งแรก
ปี 2551 ทรงชัย วงศ์สวัสดิ์ อดีต สว.ลำพูน ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.ลำพูน โดยการสนับสนุนของ อนุสรณ์ วงศ์วรรณ
ปี 2555 “โกนิรันดร์” นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงลำพูน ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.ลำพูน โดยทีมเพื่อไทยลำพูน สนับสนุน
ปี 2563 อนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีต สส.ลำพูน ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.ลำพูน ในนามพรรคเพื่อไทย
ปี 2568 “โกเฮง” วีระเดช ภู่พิสิฐ ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.ลำพูน ในนามพรรคประชาชน
เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา พรรคประชาชน จัดงาน “หละปูนเมือง หละปูนม่วน จวนกั๋นสร้าง” เปิดตัว “นายกฯเฮง” พร้อมแนวทาง 3 จ. ในการบริหารอันได้แก “ประชาชนจริง พื้นที่จริง สถานการณ์จริง”
อบจ.ลำพูน คือ อบจ.สีส้มแห่งแรก ของพรรคประชาชน จึงเปรียบเหมือนโมเดลแรก ที่พลพรรคสีส้ม ต้องทำให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้ หากทำสำเร็จ ก็เป็นบันไดขั้นแรกในการยึด อบจ.ทั่วไทยในอีก 4 ปีข้างหน้า
กล่าวสำหรับ “โกเฮง” ก็ต้องพิสูจน์ฝีมือให้คนหละปูนได้ประจักษ์ในวิถี “การเมืองใหม่” เพื่อลบล้างภาพ “การเมืองเก่า” แบบโกเก๊า







