ปมร้อน ‘ปราสาทตาเมือนธม’ เกมอำนาจ เอฟเฟกต์ข้ามชาติ

อ่านเกมการเมือง ปรากฏการณ์ “ตาเมือนธม” เรื่องดินแดน และแผนที่ มักถูกใช้เพื่อหาประโยชน์ อยู่ที่ฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ
KEY
POINTS
- การเมืองกัมพูชากับการเมืองไทย ไม่แตกต่างมากนัก มีการใช้กลไกทั้งใน และนอกสภาฯ ผนึกกำลังคนรุ่นใหม่ หวังโค่นล้มตระกูลฮุน เซน
- ยามใดที่เสถียรภาพการเมืองระส่ำ การปลุกกระแสรักชาติ จุดไฟชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเครื่องมือกู้กระแสนิยมของ ฮุน เซน
หากพิจารณาความสัมพันธ์สองตระกูลจากระดับบุคคล “ทักษิณ ชินวัตร” กับ “ฮุน เซน” ที่หยั่งรากลึก ไปถึงระดับครอบครัว สู่ระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล และนายกฯ สองประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา น่าจะเงียบสงบ
คงไม่มีใครคาดคิดว่า จะเกิดกรณี “ปราสาทตาเมือนธม” อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พื้นที่ของไทย ซึ่งอยู่บนเส้นพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ยังปักปันเขตแดนไม่แล้วเสร็จ โดยต่างฝ่ายอ้างสิทธิ เพราะถือแผนที่คนฉบับ
หลัง พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ ผบ.พลน้อย ร.42 กัมพูชา นำคณะแม่บ้านจำนวน 25 คน ขึ้นมาสักการะปราสาทตาเมือนธม ก่อนร้องเพลงชาติ ปลุกใจทหารกัมพูชา ที่ตรึงกำลังในพื้นที่ จากนั้นทหารไทยได้เข้าไปห้ามปราม
พล.ต.เนี๊ยะ ไม่พอใจ พูดท้าทายให้ยิงกัน ต่างฝ่ายต่างถ่ายคลิปเผยแพร่ จนเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดีย
“กองกำลังสุรนารี” กองทัพภาคที่ 2 จึงทำหนังสือประท้วงทันควัน ในการกระทำที่ไม่เหมาะสมไปยังผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชาเป็นหลักฐาน ท้วงติงเป็นลายลักษณ์อักษร หลังมีบทเรียนเรื่องปราสาทพระวิหาร
ย้อนรอยไปเมื่อปี 2552 เหตุการณ์สู้รบระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา
“ปราสาทตาเมือนธม” หนึ่งในพื้นที่สู้รบดุเดือดไม่ต่างกับปราสาทพระวิหาร ทหารกัมพูชาหวังขับไล่ทหารไทยออกจากพื้นที่แต่ไม่สำเร็จ
หลังเสร็จศึกปราสาทพระวิหาร ทหารไทยนำรั้วลวดหนามมากั้นเป็นแนวกำแพง ห้ามฝ่ายกัมพูชาขึ้นมาบนปราสาทตาเมือนธม เพื่อตัดปัญหาเป็นเวลาหลายปี
หลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุครัฐบาลเพื่อไทย หวังฟื้นฟูความสัมพันธ์สองประเทศ ยกระดับการค้า การท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน
จึงมีคำสั่งจากฝ่ายการเมือง ให้ทหารไทยนำรั้วลวดหนามออกจากประสาทตาเมือนธม อนุญาตให้กัมพูชาขึ้นมาสักการะได้ แต่ห้ามทำกิจกรรมใดๆ
เช่นเดียวกับการตีตกข้อเสนอทหารไทยสร้างกำแพงระยะ 55 กิโลเมตร ชายแดนไทย-กัมพูชา ติดปอยเปต กับอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ และการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย
ทว่า การเมืองกัมพูชากับการเมืองไทย ไม่แตกต่างมากนัก มีฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล โดยใช้กลไกทั้งใน และนอกสภาฯ ผนึกกำลังคนรุ่นใหม่ หวังโค่นล้ม“ตระกูลฮุนเซน” ที่ครองอำนาจมายาวนาน
ปัจจุบันความนิยม “ฮุน เซน” สั่นคลอน ไม่ต่างกับการสถานการณ์ฝั่งไทย ที่สื่อจั่วหัวข่าวผลเลือกตั้งท้องถิ่น นายก อบจ.ที่ผ่านมา “ทักษิณ สิ้นมนต์ขลัง” หลังจากพรรคเพื่อไทยพลาดเป้าหลายพื้นที่
อีกทั้งกรณีการเหตุลอบสังหาร “ลิม กิมยา ”อดีตสมาชิกรัฐสภา อดีต สส.ฝ่ายค้านของกัมพูชา พรรคแกนนำฝ่ายค้าน ที่ชื่อว่า “พรรคกู้ชาติกัมพูชา” หรือ ซีเอ็นอาร์พี (Cambodia National Rescue Party - CNRP) ใจกลาง กทม.
ที่สำคัญยังถูกฝ่ายต่อต้าน ย้อนศรปลุกกระแสทวงคืนเกาะกูด อยู่ใกล้พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ที่รัฐบาลไทย-กัมพูชา มีแผนขุดน้ำมันมาแบ่งสันปันส่วนในอนาคต ผลประโยชน์ร่วมฮุนเซน-ทักษิณ
เป็นที่รู้กันดีว่า กลเกมของ “ฮุน เซน” ยามใดที่เสถียรภาพการเมืองระส่ำ การปลุกกระแสรักชาติ จุดไฟชายแดนไทย-กัมพูชา จะเป็นเครื่องมือในการกู้กระแสนิยม ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่ได้ผลชะงัด เช่นเดียวกับกรณีปราสาทตาเมือนธม
ควบคู่ไปกับข่าวลอบโจมตีบ้านพักฮุน เซน ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งประธานวุฒิสภา จนมีการออกมาตรการควบคุมการใช้โดรน เพราะเชื่อว่าเป็นอุปกรณ์ใช้ปฏิบัติการ
กรณีล่าสุด ปมร้อนปราสาทตาเมือนธม ดูเหมือนจะจบลงด้วยดี เมื่อมีการปรับความเข้าใจกันระหว่างสองฝ่าย
“เนียม จันญาดา” ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย พร้อมคณะทหารกัมพูชา นำโดย พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ ผบ.พลน้อย ร.42 และทหารไทย นำโดย พ.ท.จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผบ.กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 (ผบ.ร.23 พัน4) ได้พูดคุยเคลียร์ปัญหากันบนปราสาทตาเมือนธม ต่างฝ่ายต่างจับไม้จับมือ ตบบ่า โอบไหล่ ก่อนแยกย้าย
เป็นไปตามความคาดหมาย คนกัมพูชา ยก พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ ผบ.พลน้อย ร.42 เป็นฮีโร่ ที่กล้าท้าทายทหารไทย เรียกความนิยม “ฮุนเซน” กระเตื้องขึ้นมาทันตาเห็น
แต่เพียงไม่นาน นายกฯ ฮุน มาเนต กลับโดนทัวร์กัมพูชาลงยับ เมื่อปรากฏข่าวในสื่อต่างประเทศ อ้างคำพูด “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ระบุว่า Phumtham said HunManet regretted the “TaMuen Thom” lncident
จึงเป็นที่มา การชี้แจงด่วน โดย พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ไม่ได้โทรศัพท์มาแสดงความเสียใจ หรือขอโทษไทยแต่อย่างใด เพียงแต่ รัฐมนตรีกลาโหมภูมิธรรม ต้องการสื่อสารว่า ทำอย่างไรให้พื้นที่ดังกล่าวมีความปกติ ไม่มีการแสดงกิจกรรมเช่นนี้อีก
สำทับด้วย การออกมาให้สัมภาษณ์ของ “ภูมิธรรม” ที่ย้ำว่า "สิ่งที่อยากให้แก้ข่าวก็คือ ท่านฮุน มาเนต ไม่ได้โทรศัพท์มาขอโทษเรา และเรื่องนี้ไม่มีอะไรที่กล่าวเลยไปถึงขนาดนั้น เพียงแต่เราอยากให้ตรงนี้สมูท และยืนยันไปแล้วว่า ความสัมพันธ์ของเรา และกัมพูชาในทุกระดับชั้น พูดคุยกันได้ดี เป็นปกติ อยากฝากให้ช่วยเคลียร์ ซึ่งขณะนี้เราแก้ปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ต้องร่วมมือกันกับทุกฝ่าย เมื่อมีข่าวออกมา เข้าใจว่าสื่ออาจจะไม่ได้ตั้งใจ หรือบางส่วนอาจจะมีการคลาดเคลื่อนในการพูด อีกอย่างตอนนี้ ก็จะมีข่าวแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งผมไม่สบายใจ” ภูมิธรรม กล่าว
ว่ากันว่า เรื่องอ่อนไหวที่ส่งผลต่อการเมือง โดยเฉพาะฝั่งกัมพูชา ที่“ฮุน มาเนต” โดนถล่มอย่างหนัก ถึงกับต้องต่อสายถึง “ภูมิธรรม” เพื่อสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมทั้งขีดเส้นให้แก้ข่าวภายในวันที่ 20 ก.พ.68 ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันที
คงต้องจับตาความเคลื่อนไหวว่า “ฮุน มาเนต” ยังติดใจประเด็นใดอีกหรือไม่ เมื่อฝั่งไทยเคลียร์ปม “ไม่ได้ขอโทษ” ไปแล้ว
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเมืองภายในกัมพูชาที่ระอุเดือดขึ้นมาอีกครั้งตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ว่าด้วยสงครามการเมืองชาตินิยม ระหว่าง สม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านพลัดถิ่น กับ ฮุน เซน ผู้นำจิตวิญญาณ พรรคประชาชนกัมพูชา
อ่านเกมการเมืองในวันนี้ ก็จะเข้าใจปรากฏการณ์ “ตาเมือนธม” ที่เรื่องดินแดน และแผนที่ มักถูกใช้เพื่อหาประโยชน์ทางการเมือง อยู่ที่ฝ่ายใดจะพลาด พ่ายเกมอำนาจ จนกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







