‘นายกฯ’ สั่ง เข้มมาตรการ แก้ PM2.5 หลังภาคเหนือ-ตะวันตก เริ่มเผา

‘นายกฯ’ สั่ง เข้มมาตรการ แก้ PM2.5 หลังภาคเหนือ-ตะวันตก เริ่มเผา

“แพทองธาร” นั่งหัวโต๊ะ ถก แก้ PM2.5 ชี้ สถานการณ์ใน กทม.-ปริมณฑล ดีขึ้น แต่ภาคเหนือ-ตะวันตก เริ่มเผา สั่ง เข้มมาตรการต่อเนื่อง

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นางนฤมล ภิญโญสิวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วม 

โดยภายหลังการประชุม นายประเสริฐ แถลงผลการประชุม ว่า ขณะนี้ สถานการณ์ PM 2.5 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลดีขึ้น ปริมาณที่ปรากฏก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ประเด็นที่จะตามมาคือ พื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันตก เริ่มมีการเผาป่าเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่คณะกรรมการต้องรับมือ ดังนั้น ในการประชุมนายกฯ ได้มีข้อสั่งการหลายเรื่อง ในเบื้องต้นให้มีการดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นต่อเนื่องต่อไปเพื่อให้เกณฑ์การรับมือสถานการณ์ เหตุการณ์ที่จะเกิดล่วงหน้า

1.นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยได้ติดตามสถานการณ์การเผาป่าในเขตพื้นที่ต่างๆ โดยการทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อแนะนำให้เกษตรกร รวมถึงการติดตามการเผาป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ

2.มอบหมายให้กระทรวงดีอี รายงานและ ติดตามการเผาแบบภาพรวมเป็นระยะๆและให้รายงานตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรี

3.สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดูถึงการเผาป่าในพื้นที่ต่างๆ ทั้งที่เกิดจากธรรมชาติและเป็นเหตุการณ์ที่มนุษย์ทำขึ้น และสั่งการให้มีการดูแลในพื้นที่ป่าอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

4.สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์งดซื้อสินค้าผลผลิตที่เกิดจากการเผารวมถึงวัตถุดิบที่ใช้ในอาหารสัตว์ โดยขอร้องต่อผู้ประกอบการไม่ให้ซื้อวัตถุดิบที่เกิดจากการเผา

ในส่วนพื้นที่กทม.ได้มีการควบคุมฝุ่น ที่เกิดจากการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมก่อสร้าง รถเก่าที่ปล่อยควันดำ นอกจากนี้ ยังสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศทำงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าจุด Hot Spot อันดับหนึ่งอยู่บริเวณประเทศกัมพูชา ตามมาด้วย พื้นที่ที่ติดกับประเทศเมียนมาและสปป.ลาว ทั้งนี้ นายกฯ ขอให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและให้ความรู้กับประชาชนในการติดตาม เรื่องการแจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในกรณีที่พบเห็นการเผาหรือกิจกรรมใดๆที่ก่อให้เกิด PM 2.5 เพิ่มเติมมากขึ้น

นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้มีมาตรการต่างๆให้รับทราบ ซึ่งมาตรการหลายอย่างเห็นผลดี เช่นภายหลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรมที่ไม่รับซื้ออ้อยที่เผาเกิน 25% ก็ดำเนินการได้ตามเป้าทุกอย่าง ซึ่งในรอบปลายปีไม่เคยมีการเผาอ้อยได้ต่ำขนาดนี้ นอกจากนี้ยังมีการปิดโรงงานที่อุดรธานี เพราะฉะนั้นมาตรการเหล่านี้ส่งผลให้ภาพรวมปริมาณฝุ่นในกรุงเทพฯไปได้ดี สิ่งที่ต้องเผื่อวันต่อไปคือไฟป่าที่จะเกิดในภาคเหนือและภาคตะวันตก

ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ที่ประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ  (ปภ.ช.) จะยืนยันว่าสถานการณ์ ฝนจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆแต่นายกรัฐมนตรีได้กำชับว่า ขอให้เขียนแผนล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงเดือน ต.ค.- ธ.ค. ต้องไม่มีสถานการณ์ที่เป็นอยู่ อย่างน้อยก็ขอให้ลดลง 50% หากทำได้ตั้งแต่ช่วงต้นปี จะทำให้ในช่วง 8-9 เดือนหลังจากนี้ PM 2.5 จะหายไปจากข่าวสารของบ้านเมืองได้ มีการบังคับใช้กฎหมายอยู่ใกล้ชิดซึ่งทุกวันนี้ก็มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างใกล้ชิด