เกมแหย่‘หนู’ ยั่ว‘น้ำเงิน’ พรรคร่วมฯเดือด ตบไม่จูบ

กลายเป็นของแสลงนักการเมืองแทบทุกยุคทุกสมัย สำหรับกรณีที่ดิน ส.ป.ก. ใครพลาดเมื่อไหร่ ก็มักถูกฉกฉวยมาเป็นอาวุธเล่นงานในทางการเมือง

คิวล่าสุด ที่ดินแถบเขาใหญ่หลายหมื่นไร่ กำลังโดน "ธนดล สุวัณณะฤทธิ์" คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานการขับเคลื่อน การตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน ล็อกเป้า

ทนายหนุ่มออกตัวแรงเตรียมลุยตรวจสอบที่ดินของสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ต แอนด์ คันทรี คลับ ของครอบครัว "อนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าภูมิใจไทย และแปลงอื่นๆ ว่าทับซ้อนพื้นที่ส.ป.ก. หรือได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่อย่างไร

เรื่องนี้ทำเอาหนูหัวเสีย ฟาดงวงฟาดงา ด่ากราดหน้าตัวเมีย มองว่าเรื่องนี้มีใบสั่งทางการเมืองแน่นอน พร้อมประกาศลงบัญชีแค้นดอกทบต้น เอาคืนเมื่อไหร่เมื่อนั้น

หลายคนแปลกใจ ทำไมอนุทิน ถึงได้ออกอาการปรี๊ดแตกขนาดนี้ ทีเรื่องเขากระโดง ยังเก็บทรงได้ดีแบบหนังคนละเรื่อง ทั้งที่เรื่องสนามกอล์ฟของตัวเอง ดูมั่นอกมั่นใจนักหนา ว่าได้ที่ดินมาอย่างถูกต้อง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวล

ธนดล คนปลุกโทสะเสี่ยหนู คือมือทำงานของธรรมนัส พรหมเผ่า และนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้สร้างปรากฎการณ์สะเทือนบ้านป่ามาแล้ว เมื่อครั้งลุยตรวจสอบไร่ภูนับดาว ที่สระบุรี โยงหวานใจบิ๊กการเมือง เล่นจนพลังประชารัฐอยู่ไม่สุข จำใจขับ 20 สส.ก๊วนผู้กอง ไปสังกัดกล้าธรรม หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบเป็นเป่าสาก

เกมจี้ใจดำอนุทิน จนพ่นคำว่าหน้าตัวเมียออกจากปาก คอการเมืองคงไม่ได้เข้าใจว่าด่าธนดล อยู่แล้ว แต่น่าจะเข้าใจได้ว่าต้องการกระทบไปถึงเจ้านายของธนดล หรือเจ้านายของเจ้านายธนดล อะไรทำนองนั้น

บรรยากาศในพรรคร่วมฯ ที่นำโดยเพื่อไทย เหมือนพยายามสั่งสอน หรือเอาคืนสีน้ำเงิน ที่ขวางทางสวรรค์นายใหญ่หลายเรื่อง ท่าทีของกล้าธรรม ที่ประกาศเป็นพันธมิตรเพื่อไทย ในการแก้รัฐธรรมนูญ ยิ่งชัดเจนว่า 2 พรรคเหนียวแน่น

แล้วถ้าย้อนไปฟังบางประโยคจากปากธรรมนัส ก่อนหน้านี้ว่า “พรรคร่วมบางพรรคที่ค้านบ่อยๆ ก็ควรจะแยกออกไป ไม่ใช่มีอะไรก็คัดค้านตลอด ผมไม่ชอบหล่อคนเดียว ดังนั้นพรรคไหนไม่เห็นด้วยบ่อยๆ ก็ควรจะแยกออกไป”

สอดคล้องกับที่ทักษิณ ชินวัตร เคยปรามอนุทินและภูมิใจไทย หลังออกโรงค้าน ร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม เพื่อปิดประตูรัฐประหาร ว่า “รีบหล่อเร็วไปนิด ขอให้หล่อช้าๆ หน่อย พรรคร่วมรัฐบาลต้องฝึกการทำงานร่วมกัน”

ตัวของอนุทิน เองก็พอรับรู้สัญญาณเตือนจากทักษิณมา ไม่มากก็น้อยถึงการวางท่าทีต่างๆ โดยเฉพาะหลังจากมี สว.สีน้ำเงิน หลายอย่างเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

“ธรรมนัส” ที่ถูกพูดถึงกันว่า เป็นมือทำงานลับให้“ทักษิณ” คราวนี้มีเป้าใหญ่ให้จัดการ เพื่อเสถียรภาพรัฐบาลผสม

ตลอดหลายปีที่อนุทิน และภูมิใจไทย ร่วมรัฐบาลตั้งแต่รัฐบาลก่อน ก็มีหลายเรื่องที่ถือว่าตัวเองได้เปรียบเกมต่อรอง การจะขยับทำอะไร มักไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด แต่มาวันนี้อำนาจต่อรองสีน้ำเงิน ไม่ได้ด้อยไปกว่ายุคก่อน และใครก็รู้ว่ารัฐบาลนี้จำเป็นต้องอาศัยค่ายภูมิ แต่ทำไมถึงโดนลูบคมจากคนกันเองแบบนี้ ก็น่าคิดว่าเงื่อนไขเปลี่ยนหรือไม่

หรือเป็นไปได้ว่า เกมใต้ดินของเครือข่ายนายใหญ่ กำลังซุ่มเดินหมากตุนเสียง สส.จากทุกสารทิศให้ได้มากที่สุด เผื่อเหลือเผื่อขาดในวันที่ไม่มีสีน้ำเงิน สส.อีสานสายลุงป้อม ก็ทยอยโชว์ตัวนั่งกับผู้กองและกล้าธรรมในสภาฯ

แล้วก็ไม่แน่ว่า หากมีการเขย่าโครงสร้างพรรคร่วมฯ จนหายไปอีกพรรคหนึ่ง สส.พรรคนั้น อาจแหกมติ“ครูใหญ่” มาหนุนรัฐบาลนำโดยเพื่อไทยก็ได้ เพราะความขุ่นข้องหมองใจของคนในพรรคจำนวนไม่น้อยในกลุ่มที่ไม่ใช่ลูกรักลูกเทพ ต่างมีความรู้สึกเดียวกัน คืออึดอัด แต่ทำอะไรไม่ได้ 

การเปิดหน้าชกกับเจ้าของพรรคไปก็ไม่คุ้ม รอจังหวะเหมาะๆ เข้าทาง อาจได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอีกมากรออยู่

เกมเช็กบิลที่ดิน ส.ป.ก.จะได้ผล จนก๊วนน้ำเงินเดินตรงคีย์รัฐบาล หรือจะยิ่งเพิ่มความบาดหมางในพรรคร่วมฯ เพราะชื่อชั้นค่ายนี้เหลี่ยมคูการเมืองแพรวพราว ถ้าตีไม่ตาย สุดท้ายก็แผ่แม่เบี้ยอยู่วันยังค่ำ