ล้ม 25 สส.พรรคประชาชน ฝ่ายค้านทรุด โอกาสรัฐบาล สมการเปลี่ยน?

ล้ม 25 สส.พรรคประชาชน ฝ่ายค้านทรุด โอกาสรัฐบาล สมการเปลี่ยน?

สมการการเมืองไทยอาจเปลี่ยนไปหรือไม่ กรณี 25 สส.พรรคประชาชน อยู่ในข่ายกลุ่ม 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ต้องพ้นจากกระดานการเมืองไทย ซึ่งมีผลต่อฉากทัศน์การเมืองไทย

KEY

POINTS

  • จับตา 25 สส.ที่ถูกตรวจสอบปมปัญหาจริยธรรมกรณีเข้าชื่อแก้ไข ป.อาญา มาตรา 112 มีผลทำให้ พรรคประชาชน 143 เสียง เหลือ 118 เสียง  ส่งผลให้ สส.ฝ่ายค้านอ่อนกำลังลง

 

  • พรรคร่วมรัฐบาล 321 เสียง อาจเข้มแข็งขึ้น กรณี สส.25 คนของพรรคประชาชนถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือถูกตัดสิทธิทางการเมือง ทำให้สมการการเมืองไทยอาจเปลี่ยนไป
  • เกมการเมืองจะพลิกทันที  เพราะ สส.ในสภาฯ เท่าที่มีอยู่จะเหลือเพียง 468 คน เสียงกึ่งหนึ่งในสภา คือ 234 คน
  • ฉากทัศน์การเมืองไทยอาจมีการดีดสมการร่วมรัฐบาลใหม่อีกครั้งได้หลัง 25 สส.ก๊กสีส้มต้องพ้นกระดานการเมืองไทย

 

เกมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ส.ส.ร.ต้องล่มลง 2 วันติด ในห้วงวาเลนไทน์ 13-14 ก.พ.2568

เพราะติดขัดการงัดข้อประลองกำลังกันในหมู่ พรรคการเมือง 3 ก๊ก ประกอบด้วย ก๊กแดง ค่ายเพื่อไทย ก๊กน้ำเงิน ค่ายภูมิใจไทย และ สว.สีน้ำเงิน ไม่ต่ำกว่า 130-170 คน และก๊กสีส้ม ค่ายพรรคประชาชน ผนึกกับ สว.พันธุ์ใหม่ อีก 10 กว่าเสียง

จบเกมรัฐสภา ชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้พลางก่อน 

ตัดภาพมาเป็นฉากทัศน์กลไกองค์กรอิสระ อย่างคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็เริ่มขยับเส้นขยับสาย หลังได้ “สุชาติ ตระกูลเกษมสุข” เป็นประธานกรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่

คดีร้อน กลุ่ม 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ก็เริ่มเดินหน้าทันที

ล่าสุด ป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาถึง 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ในคดีฝ่าฝืนจริยธรรม จากกระบวนการลงชื่อเพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2564 โดยขีดเส้นให้บรรดา สส.และอดีต สส.ต้องส่งหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามาภายใน 15 วัน และสามารถขยายเวลาเพิ่มได้อีก 15 วัน

ในจำนวนกลุ่ม 44 สส.ก้าวไกลนี้ มี 25 สส.ที่ยังเป็น สส.อยู่ในปัจจุบัน และสังกัดพรรคประชาชน หลังพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2567

ล้ม 25 สส.พรรคประชาชน ฝ่ายค้านทรุด โอกาสรัฐบาล สมการเปลี่ยน?

25 สส.พรรคประชาชนที่ยังต้องลุ้นระทึก ผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ สส.เวลานี้ ประกอบด้วย

สส.บัญชีรายชื่อ 17 คน ส่วนใหญ่เป็นคีย์แมนแกนนำของพรรค 1.ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ 2.ศิริกัญญา ตันสกุล 3.สุรวาท ทองบุ 4.นิติพล ผิวเหมาะ 5.ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล 6.รังสิมันต์ โรม 7.วาโย อัศวรุ่งเรือง 8.วรรณวิภา ไม้สน 9.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร 10.สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ 

11.ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ 12.ณัฐวุฒิ บัวประทุม 13.วรภพ วิริยะโรจน์ 14.คำพอง เทพาคำ 15.ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ 16.องค์การ ชัยบุตร 17. มานพ คีรีภูวดล

สส.เขตอีก 8 คน 18.วุฒินันท์ บุญชู สส.สมุทรปราการ เขต 4 19.เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม.เขต 24  20.ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. เขต 27 21.ศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด เขต1 22.จรัส คุ้มไข่น้ำ สส.ชลบุรี เขต 8 23.ธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. เขต18 24.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี เขต 3 และ 25.จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา เขต 4

กรณีเลวร้ายที่สุด หากเรื่องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีสิทธิถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีพ สส.ของพรรคประชาชนจะหายไปจากสภาฯ ถึง 25 คน เหลือยอด สส. 118 คน จากปัจจุบันมียอดเป็นอันดับ 1 ในคือ 143 คน และยังต้องเลือกตั้งซ่อม สส.อีก 8 เขต

นักการเมืองในรัฐสภา ก็เริ่มมีการวิเคราะห์ถึงการเดินเกมไวแตกหักของพรรคประชาชนในช่วงนี้ ทั้งเกมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเดินหน้าลงมติในวาระที่ 1 โดยไม่เห็นด้วยกับการทำองค์ประชุมล่ม หรือแม้แต่ส่งญัตติไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่การเร่งรีบเปิดสภาฯ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

เป็นเพราะ สส.พรรคประชาชน เริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเองเป็นอย่างดีว่า โอกาสที่จะถูก ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาฯ มีอยู่สูง

ยิ่งถ้าส่งเรื่องไป แล้วศาลฎีกาเกิดประทับรับคำร้อง พร้อมมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. จะทำให้ พรรคประชาชน อ่อนกำลังลงทันที        

ที่สำคัญ สส.พรรคฝ่ายค้านจะเหลือเพียง 147 คน จาก 172 เสียง ประกอบด้วย พรรคประชาชน 143 เสียง เหลือ 118 เสียง  พรรคพลังประชารัฐ 20 เสียง  พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง  พรรคเป็นธรรม 1 เสียง  พรรคไทยก้าวหน้า 1 เสียง และพรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลมี 321 เสียง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 142 เสียง  พรรคภูมิใจไทย 69 เสียง (ยอดเต็ม 71 เสียง) รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง ประชาธิปัตย์ 25 เสียง  พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง  พรรคประชาชาติ 9 เสียง  พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง  พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง  พรรคกล้าธรรม 24  และพรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 รวม 321 เสียง

ปัจจุบัน สส.ในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งหมดที่มีอยู่คือ 493 มี สส.ถูกหยุดทำหน้าที่ไป 2 คน ของพรรคภูมิใจไทย (สุวรรณา กุมภิโร  สส.บึงกาฬ  เขต 2 และมุกดาวรรณ เลื่องศรีนิล สส.นครศรีธรรมราช เขต 8)

ล้ม 25 สส.พรรคประชาชน ฝ่ายค้านทรุด โอกาสรัฐบาล สมการเปลี่ยน?

เกมการเมืองจะพลิกทันที ถ้า 25 สส.พรรคประชาชนต้องถูกพักงานไปก่อน สส.ในสภาฯ เท่าที่มีอยู่จะเหลือเพียง 468 คน เสียงกึ่งหนึ่งในสภา คือ 234 คน

ฉากทัศน์ในเวลานั้น การเมืองไทยคงเกิดอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง พรรคร่วมรัฐบาล 321 เสียงจะเข้มแข็งขึ้น ขณะที่ฝ่ายค้าน โดยก๊กสีส้มถูกตัดแต้ม สส. และอ่อนกำลังลง ส่วนพรรครัฐบาลมีเสียงที่ล้นเกินกึ่งหนึ่งเกือบ 100 เสียง

คณิตศาสตร์การเมืองไทย รัฐบาลแข็งขึ้น ฝ่ายค้านอ่อนลงเช่นนี้ ไม่น่าเกิดได้อย่างฉับไว และคงไม่น่าจะเกิดการลงดาบจาก ป.ป.ช.ได้เร็ววันนี้

ทว่า อุบัติเหตุหลัง ก๊กส้มอ่อนกำลังลง เมื่อยอด สส.ในสภาฯ ลดลง หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ 25 สส.พรรคประชาชน เท่ากับการเมืองไทยจะต้องมีการเลือกตั้งซ่อม สส.ใน 8 เขตพื้นที่เก่าของก๊กสีส้ม

ล้ม 25 สส.พรรคประชาชน ฝ่ายค้านทรุด โอกาสรัฐบาล สมการเปลี่ยน?

เกมการต่อสู้ในศึกเลือกตั้งซ่อม พรรคประชาชนไม่ค่อยได้เปรียบทางการเมือง เพราะไร้ปัจจัยผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า จึงมีโอกาสที่พรรคสีส้มจะไม่ประสบชัยชนะครบทั้ง 8 เขต มีโอกาสที่พรรคร่วมรัฐบาลจะได้เสียงเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งซ่อมดังกล่าว

ยิ่งมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า พรรคพลังประชารัฐ 20 เสียง นาทีนี้เหลือเพียง “ลุงบ้านป่า” เพียงเสียงเดียวแล้ว ก็น่าดีดลูกคิดสมการการเมืองใหม่ไม่น้อยกับฉากทัศน์หลัง สส.สีส้มในสภาฯ ต้องลดลง

รอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลจะสมานบาดแผลมากขึ้น หรือจะแตกหักร้าวหนักเลยทันที ก่อนปี 2570 จะมีการเลือกตั้งใหญ่ คงเป็นเรื่องที่นายใหญ่ ผู้มีอำนาจการตัดสินใจในรัฐบาล และนักเลงการเมืองข้างกายบิ๊กรัฐบาลต้องตัดสินใจให้รอบคอบในครานั้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์