ผบ.ตร.ตั้งกก.สอบข้อเท็จจริง ปม'พล.ต.ต.' โยงเมียวดีคอมเพล็กซ์ ขีดเส้น 30 วัน

ผบ.ตร. สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง "พล.ต.ต." โยงธุรกิจเมียวดีคอมเพล็กซ์หรือไม่ "บิ๊กเต่า"เป็นประธาน ขีดเส้นภายใน 30 วัน พร้อมขยายผล
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีหนังสือคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 61/2568 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง วันที่ 11 ก.พ.2568 เนื้อหาระบุว่า
ด้วยปรากฏจากการรายงานการตรวจสอบข้อมูลประเด็นทางสื่อสังคมออนไลน์ กรณีเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรววจแห่งชาติ (โซเชียลมีเดีย) ตรวจพบการนำเสนอข่าวบนสื่อสังคมออนไลน์ ในประเด็นเกี่ยวกับนายตำรวจยศ พล.ต.ต.มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจเมียวดีคอมเพล็กซ์ ซึ่งภายหลังได้เปิดเผยชื่อคือ พล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 5 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 5
โดยมีรายละเอียด ดังนี้
(1) รายการคลุกวงใน อินไซต์ข่าว ซึ่งได้เผยแพร่วิดิโอ บนแพลตฟอร์มยูทูป ชื่อช่อง Zaabnews เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 มีความยาว 16.24 นาที นำเสนอประเด็น “บ่อน แก๊งคอลฯ จะปราบยังไงไหว เมื่อตำรวจไทยคลุกวงในกับโจร จะไม่ให้จีน ‘หยามกันถึงถิ่น’ ได้ไง” ซึ่งในเนื้อหามีการกล่าวถึงตำรวจของไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจการพนันในเมียวดี ตั้งแต่ทางเมียวดีเปิดให้บริการใหม่ ๆ เป็นตำรวจที่อยู่ในอำเภอแม่สอด มียศเป็น พล.ต.ต.เรียกกันว่า นายพล ต. โดยแม่สอดเป็นเส้นทางของส่วยทั้งหลายที่มีอำนาจแถวนั้นรวมถึงที่กรุงเทพฯด้วย
(2) เว็บไซต์ thaipbs ได้นำเสนอข่าวโดยมีประเด็นนำเสนอคือ “รังสิมันต์” แย้มข้อมูลตำรวจยศ “พลตำรวจตรี” เอี่ยวธุรกิจกาสิโนเมียวดี เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568
นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ระบุถึงปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทยว่า ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์นี้กระทบต่อประเทศไทยอย่างมาก
สำหรับประเด็นเรื่องนายตำรวจยศ “พลตำรวจตรี” ที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ และกาสิโนดังกล่าวนั้น ในส่วนของกรรมาธิการ ก็มีบทบาทหน้าที่ในเรื่องของการรวบรวมข้อมูล และให้เวลากับรัฐบาลในการจัดการ โดยยืนยันว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้รวบรวมเอกสารพยานหลักฐานทั้งหมดไว้ โดยให้กลไกของสภาฯดำเนินการ และอาจจะใช้กลไกอื่นด้วยหรือไม่ให้รอติดตาม แต่ยืนยันว่าไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน
(3) เว็บไซต์ nationtv ได้นำเสนอข่าว เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 โดยมีประเด็นนำเสนอว่า ใครคือ “นายพล ต.” ตัวละครสำคัญโยง “เมียวดีคอมเพล็กซ์” ซึ่งมีการกล่าวหาว่า มีนายตำรวจระดับ "นายพล" เกี่ยวข้อง โดยมีตัวย่อออกมาว่า"นายพล ต."เป็นหุ้นส่วนในอัครสถานบันเทิงและบ่อนกาสิโนนาม "เมียวดีคอมเพล็กซ์" หนึ่งในห้าเขตเศรษฐกิจชายแดน ที่ว่ากันว่า เป็นแหล่งฟอกเงิน และธุรกิจผิดกฎหมายขนาดใหญ่ ริมชายแดนไทย – เมียนมา
(4) เว็บไซต์ pptvhd36 นำเสนอประเด็น เปิดใจ “ผู้การต๊ะ” ชี้แจงทุกปมเมียวดีคอมเพล็กซ์ ทีมข่าวพีพีทีวี ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ หรือ “ผู้การต๊ะ” อดีตผู้บังคับการกองตรวจราชการ 5 หรือจเรตำรวจภาค 5 ซึ่งเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 มีคำสั่งโยกย้ายมาเป็นผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 6 หรือจเรตำรวจภาค 6
ผู้การต๊ะให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว เรื่องของ “เมียวดีคอมเพล็กซ์” ว่า “พี่ไม่ได้อยากเข้าไปเป็นประเด็น เพราะเรื่องที่ถูกโยงตอนนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับพี่อยู่แล้ว ธุรกิจเป็นธุรกิจที่ต่างประเทศ ชื่อพี่ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ด้วยซ้ำไป ถ้าพี่ทำอะไรผิดกฎหมายเนี่ย มันโดนตรวจสอบมาตั้งแต่หลายปี”
ดังนั้น เพื่อให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอสำหรับการพิจารณาพฤติการณ์ และหลักฐานในเบื้องต้นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกระทำผิดวินัยหรือไม่ ประการใด อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 63 มาตรา 105 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วยบุคคล ดังต่อไปนี้
(1) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นประธานกรรมการ
(2) พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ รักษาราชการแทน ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นกรรมการ
(3) พ.ต.อ.ศราวุธ ศรีสุขศิริพันธ์ รองผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นกรรมการ
(4) พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รองผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นกรรมการ
(5) พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รองผู้บังคับการปราบปราม เป็นกรรมการ
(6) พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นกรรมการ
(7) พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผู้กำกับการ 3กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นกรรมการ
(8) พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นกรรมการ
(9) พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราบปราม เป็นกรรมการ
(10) พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นกรรมการและเลขานุการ
(11) พ.ต.ท.พงศ์ปณต บัวแก้ว รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 4 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
(12) พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
(13) พ.ต.ท.ธนายุทธ ชูเฉลิม รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 6 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
(14) พ.ต.ท.อำนวย วิชิตโสภณ สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
(15) พ.ต.ท. ไสว จันทร์มา สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
(16) ว่าที่ พ.ต.ท.กิตติพงศ์ ศิลาพันธุ์ สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
(17) พ.ต.ต.อัครพล ปัทมานุสรณ์ สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
(18) พ.ต.ต.กิตติกร วงศ์สุนทรทรัพย์ สารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการ 4 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
(19) ร.ต.อ.นราวิชญ์ เปี้ยสุ รองสารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามเป็นผู้ช่วยเลขานุการ
(20) ร.ต.อ.ภิรวัฒน์ พักประไพ รองสารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการ 4 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ประธานกรรมการรับทราบคำสั่ง แล้วเสนอรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป
อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เห็นว่ากรณีมีมูลว่าข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกระทำผิดวินัยในเรื่องอื่น นอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการตรวจสอบข้อข้อเท็จจริงพิจารณาในเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำในเรื่องที่ตรวจสอบนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว
สั่ง ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568