'วันนอร์' เผยขั้นตอน รัฐสภา พักแก้ รธน. ไปทำประชามติ หากผ่านวาระแรกได้

"วันนอร์" ย้ำการตัดสินใจ บรรจุร่างแก้ รธน.ม.256 เป็นไปตามขั้นตอน แย้มจะพักการแก้ รธน. เพื่อทำประชามติ หาก "รัฐสภา" รับหลักการวาระแรก
ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงข้อกังวลในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวดใหม่ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า ตนได้รับญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ญัตติ คือ 1.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และคณะ และ 2.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะ โดยจากการที่ได้หารือกับวิป 3 ฝ่าย และผู้แทนคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 8 ก.พ.68 ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในวันที่13-14 ก.พ.68 นี้ โดยวางกรอบเวลาพิจารณาทั้งสิ้น 19 ชั่วโมง ส่วนข้อกังวลดังกล่าว เป็นเรื่องของความเห็น ตนไม่ทราบว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในประเด็นใด หรือมาจากกลุ่มไหน
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า หากมาจากสมาชิกรัฐสภาจะต้องมีผู้เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 40 คน และประธานรัฐสภาต้องหารือในที่ประชุมร่วมของรัฐสภา ว่าจะมีผู้เห็นด้วยให้ประธานรัฐสภาส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ หากเสียงข้างมากเห็นว่าควรส่ง ประธานต้องดำเนินการส่งไปยังศาล
เมื่อถามว่าขั้นตอนดังกล่าวจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพื่อความสบายใจ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบความเห็น แต่ละฝ่ายอาจไม่เหมือนกัน แต่ความเห็นของประธานรัฐสภาเห็นว่าควรจะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ และให้พิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา เพราะก่อนหน้านี้ได้นำเอาญัตติทั้ง 2 ไปหารือในที่ประชุมของที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของประธานสภาฯ แล้ว เสียงข้างมากเห็นว่าบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระเพื่อพิจารณาได้ ขณะเดียวกันระยะเวลาที่ผ่านมา มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าควรจะบรรจุ
"ผมชี้แจงในที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายไปแล้วถึงเหตุผลที่ตัดสินใจแบบนี้ ส่วนการที่จะบอกว่าให้ไปทำประชามติเสียก่อนถึงจะบรรจุการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้ ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เขาใช้คำว่าถ้าสภาต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับให้ไปถามประชาชนก่อน ดังนั้นคำว่าสภาฯ มีความต้องการจะแก้ ต้องตีความสภาฯหมายถึงอะไร ก็ต้องหมายความว่าที่ประชุมของรัฐสภาเสียงข้างมาก ซึ่งต้องบรรจุ แต่ถ้าเสนอกฎหมายรัฐธรรมนูญมาอย่างเดียว ก็เป็นความต้องการของพรรคการเมือง หรือประชาชน เรายังไม่ทราบว่ารัฐสภาต้องการจะแก้หรือไม่" นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
ประธานรัฐสภา กล่าวด้วยว่า อำนาจการบรรจุญัตติเป็นอำนาจของประธานรัฐสภา หากเรื่องยังไม่บรรจุจะไปถามศาลรัฐธรรมนูญทำไม และหากถามศาลรัฐธรรมนูญว่าควรทำประชามติ 2 หรือ 3 ครั้ง ศาลรัฐธรรมนูญบอกให้วินิจฉัยเอาเอง ตนจึงตีความว่าหากให้รัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญต้องถามมติจากรัฐสภา ดังนั้นต้องมีการประชุม ถ้าวาระแรกในชั้นรับหลักการต้องเสียงข้างมาก และ สว.เห็นชอบด้วย เกิน 1 ใน 3 คือ 67คนขึ้นไป หากคนไม่เห็นด้วยเกินกว่า 1 ใน 3 ถือว่าญัตติก็ต้องตกไปในวาระแรก ไม่ต้องไปถามประชามติจากประชาชนแล้ว
"แต่หากวาระแรกผ่าน แสดงว่าต้องการแล้ว ผมหยุดกระบวนการของรัฐสภา แล้วนำความต้องการไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทำประชามติต่อประชาชนว่าจะเห็นชอบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ ในมาตรา 256 และหมวด15/1 ถ้าประชาชนเห็นด้วยก็เดินหน้าต่อ แต่หากไม่เห็นด้วย ก็ยุติทั้งหมด จะได้ไม่ต้องเสียเงินทำประชามติหลายรอบ" ประธานรัฐสภา กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







