ล่า ‘มาสเตอร์มายด์’ เมืองบาป โจทย์หิน ‘จีนกดดันไทย’

พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก สั่งเกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา หลังรัฐบาลไทยตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ตัดน้ำมัน ที่หล่อเลี้ยงอาชญากรรมข้ามชาติ แหล่งแก๊งคอลเซนเตอร์ พนันออนไลน์ ค้ามนุษย์

เพียง 2 วัน ชาวเมียนมา ฝั่งเมียวดีที่เล็งเห็นผลกระทบในอนาคต เริ่มกักตุนน้ำมัน ส่วนเมืองชเวโก๊กโก่ ลดการใช้ไฟฟ้าลง 40% ไม่ปรากฏภาพตึก China view ที่เคยเปิดไฟสว่างไสวเป็นเอกลักษณ์ในยามค่ำคืน

ส่วนรัฐบาลไทย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เน้นย้ำกองกำลังป้องกันชายแดน ตำรวจ ฝ่ายปกครอง บูรณาการ ซีลชายแดนเข้มข้น เตรียมพร้อมรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

ต้องยอมรับว่า “ภูมิธรรม” ตัดสินใจลงนามในคำสั่งดังกล่าว ท่ามกลางแรงกดดันหลายด้าน ทั้งเสียงก่นด่าคนภายในประเทศที่ได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งคอลเซนเตอร์ จนสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก

การจับตาของนานาชาติ หลังคนในประเทศตัวเองตกเป็นเหยื่อ หวัง “รัฐบาลไทย” ออกมาแอ็กชัน ทลายแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติติดชายแดนไทยเสียที

โดยเฉพาะการเข้ามาเดินสายของ “หลิว จงอี” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าพบ และขอความร่วมมือกับหน่วยงานสำคัญของไทย ทั้ง กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 

(ปปส.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงกลาโหม 

มองเผินๆ เหมือนมาประสานงาน ให้ข้อมูล แต่ข้อเท็จจริงคือ การกดดันไทย 4 ประเด็น

1.ขอให้ทางการไทย ตัดบริการสาธารณูปโภค เช่น ตัดไฟฟ้า ตัดน้ำประปา ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่แก๊งคอลเซนเตอร์ ใช้ในการกระทำความผิดในฝั่งเมียนมา

2.ขอให้ทางการไทยเจรจากับชนกลุ่มน้อย ที่ปกครองบริเวณชายแดนเมียนมา ปล่อยตัวชาวจีนที่ถูกหลอกไปทำงานออกมา ประมาณ 3,000 - 5,000 คน

3.ตั้งศูนย์ประสานงาน ระหว่างไทย-จีน ที่บริเวณชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก

4.ขอให้จับกุมชาวจีน ที่เป็นตัวการใหญ่ เกี่ยวกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่บริเวณชายแดนประเทศเมียนมา หรือ “มาสเตอร์ มายด์”

ต้องยอมรับว่าข้อเสนอของ “หลิว จงอี” สร้างความหนักใจ “ภูมิธรรม” และหน่วยงานความมั่นคงไทยไม่น้อย

กับผลกระทบที่จะตามมาบริเวณชายแดนไทย มีผู้อพยพ โรคระบาด ความเสียหายด้านเศรษฐกิจ การปิดด่าน ท่าข้ามฝั่งเมียนมาที่ยังประเมินตัวเลขไม่ได้

หน่วยงานความมั่นคงไทย ประเมินว่า การตัดการให้บริการสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำมัน อินเทอร์เน็ต เป็นเพียงมาตรการหนึ่ง ส่งผลให้การดำเนินการของแก๊งคอลเซนเตอร์สะดุดลง โดยมาตรการนี้จะบังคับใช้ไปจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

หมายความว่า ให้มีการกดดันกันเองเป็นการภายใน ทั้งส่วนราชการรัฐบาลเมียนมา ประชาชน และชนกลุ่มน้อย ที่ได้รับความเดือดร้อน จากการไม่มีไฟฟ้า น้ำมัน อินเทอร์เน็ต คาดว่าสถานการณ์นี้ จะนำไปสู่การออกมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งเสนอมายังฝ่ายไทย เพื่อเป็นการการันตีว่า สาธารณูปโภคเหล่านี้ จะไม่ถูกส่งไปให้แก๊งคอลเซนเตอร์

ขณะเดียวกันหน่วยงานความมั่นคง ยังมองอีกด้านว่า กองบัญชาการใหญ่ หรือคนที่เป็นมาสเตอร์ มายด์ ทำหน้าที่ดูแลควบคุมแหล่งศูนย์รวมอาชญากรรมดังกล่าว อาจใช้น้ำมันกักตุนไว้ปั่นไฟไปอีกสักระยะ และใช้วิธีลากไฟมาจากลาว จีน มาทดแทน เช่น บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ประเทศลาว ติดพื้นที่เชียงราย ส่วนพื้นที่ด้านบน ลากมาจากจีน

“เขาคิดกันเป็นระบบ ก่อนจะมาลงหลักปักฐานพื้นที่ติดชายแดนไทย ตั้งศูนย์กลางดังกล่าว มีแผนรองรับไว้แล้ว เขาลงทุนเป็น 1,000 ล้าน สร้างเมืองใหม่ขึ้นมา ดังนั้นต้องหาทางหนีทีไล่ หากเกิดปัญหาจะหาทางแก้ไขอย่างไร แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญกลุ่มพวกนี้เงินหนา เขาสามารถเปลี่ยนมาใช้โซลาร์เซลล์ หรือพลังงานทดแทนอื่นได้” แหล่งข่าวความมั่นคงระบุ พร้อมย้ำว่า

สิ่งที่น่ากังวลใจ ถ้าฝั่งเมียนมาปิดด่าน ท่าข้ามทั้งหมด ด้วยเหตุผลไม่มีไฟฟ้าใช้ รัฐบาลไทยจะเสียเปรียบทันที เพราะกระทบเศรษฐกิจชายแดน ที่ผ่านมาเราได้เปรียบดุลการค้ามาตลอด ในระยะยาว ประชาชนในพื้นที่ฝั่งไทยจะเดือดร้อน

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานความมั่นคง ยังต้องใช้เวลาอีกระยะประเมินสถานการณ์ คาดว่าไม่เกิน 1 เดือน คงเห็นชัดเจนขึ้น เพราะการตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต น้ำมัน เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

เมื่อเป้าหมาย คือ ทลายแหล่งศูนย์รวมอาชญากรรมข้ามชาติชายแดนไทย-เมียนมาให้สิ้นซาก แต่งานหินคือ การหาตัว “มาสเตอร์มายด์” ส่งให้ทางการจีน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์