ภูมิธรรม พอใจตัดไฟ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ระส่ำ ย้ำ เจ้าหน้า บล็อคน้ำมันเบ็ดเสร็จ

“ภูมิธรรม” พอใจตัดไฟฟ้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ระส่ำ ลดใช้ไฟ ย้ำ เจ้าหน้าบล็อคสินค้าเป็นองค์ประกอบน้ำมันเบ็ดเสร็จ พร้อมรับผู้ป่วยฉุกเฉินจากเมียนมา รักษาตัว รพ.แม่สอด
6 ก.พ.68 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมติดตาม และกำชับการปฎิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติด และอาชญากรรมชายแดน ถึงผลลัพธ์มาตรการการตัดไฟฟ้า 5 จุดว่า วันนี้ที่มาประชุมร่วมกันมาทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง, กสทช.และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งตอนนี้ได้ดำเนินการตามมาตรการอย่างเต็มที่ ขณะที่ฝ่ายทหาร และตำรวจตระเวนชายแดนก็กำลังซีลชายแดนอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันผลกระทบจะเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้กำลังไปตามแผนการของเรา
ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่บอกว่า รัฐบาลได้ดำเนินการล่าช้านั้น เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสิทธิมนุษยธรรม เนื่องจากในพื้นที่มีโรงพยาบาล ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเราก็ได้คาดการณ์มาอยู่แล้ว จึงได้ดำเนินการล่าช้า ส่วนสาเหตุที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติเสร็จสิ้นแล้ว ยังไม่ตัดไฟฟ้าเลย เพราะว่า ต้องใช้กระบวนการแจ้ง เพื่อสื่อสารกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศแจ้งรัฐบาลเมียนมา และให้ กฟภ. แจ้งกับบริษัทคู่สัญญา ซึ่งสิ่งที่ยืนยันได้จาก สมช.คือ เรื่องนี้เป็นภัยคุกคาม จึงเป็นเงื่อนไขให้ได้ดำเนินการ และทุกส่วนได้ดำเนินการไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ (5 ก.พ.68) โดยเป็นไปตามกฏหมายธุรกิจและความมั่นคง
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่า เมื่อวานนี้ที่เมืองชเวโก๊กโก่ มีการใช้ไฟฟ้าลดลงครึ่งหนึ่ง ไม่ว่า จะเป็นการกักตุนไฟฟ้าเพื่อใช้ หรืออย่างไรก็ตามแสดงให้เห็นว่า มาตรการนี้กระทบต่อเขา แต่ยังไม่ประสบปัญหามากนัก เพราะยังมีไฟฟ้าบางส่วนใช้อยู่ และ ยืนยันว่า
ไทย พร้อมรับป่วยฉุกเฉินจากเมียนมา มารักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่สอด โดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม
นายภูมิธรรม ยังย้ำว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เคร่งครัดกับการดำเนินดำเนินการอย่างเต็มที่ หากมีปัญหาจะมีทั้งคุณ และโทษ ขอให้ทำงานเต็มความสามารถ ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรม ส่วน ผลกระทบกับเศรษฐกิจชายแดนนั้นขอประเมินก่อน
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า เรื่องของสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ดำเนินการตัดสัญญาณตั้งแต่ปี 2566 แล้ว แต่ไม่ได้มีความต่อเนื่อง ซึ่งช่วงเช้าตอนนี้ได้พูดคุยกับ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ที่ได้แจ้งว่า ภายในเดือนนี้ สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่เป็นปัญหาทั้งหมดจะต้องถูกตัดออก ส่วนที่มีความจำเป็นบางส่วนก็จะต้องมีการลดระดับลงมาในการส่งสัญญาณ ซึ่งเป็นไปตามสภาพของแต่ละพื้นที่
ส่วนเรื่องของการซื้อขายน้ำมันจาก สปป.ลาว แล้วข้ามมาที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ตนได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่มี เป็นแค่ข่าวลือโคมลอย
ส่วนที่ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 พบว่า มีการซื้อน้ำมันจาก สปป.ลาวจริง ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของรัฐบาลเมียนมา หากปล่อยให้มีการซื้อ และเกิดแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้อย่าคิดมาก อย่าไปจินตนาการ แต่ขอให้ดูว่า ประเทศเราได้ประโยชน์อะไร ช่วยกันแก้ไขดีกว่า
ขณะที่การซื้อขายไฟฟ้าที่จังหวัดตาก เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเป็นไปได้ยากมาก ที่จะนำเสาส่งไฟฟ้ามาจาก สปป.ลาว คาดว่าจะไม่คุ้มค่า ซึ่งหากจะแก้ปัญหานี้ให้สำเร็จทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ซึ่งตนได้พูดคุยกับนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และจะคุยกับเมียนมาด้วย ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอเพราะเราเคยเสนอว่าต้องมีการพูดคุยกับ สปป.ลาว และทางการกัมพูชาด้วย ซึ่งหากคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไกลเกินไป ก็ดำเนินการเท่านี้ไปก่อน
หากคิดไกลไปถึงการย้ายฐานแก๊งคอลเซนเตอร์ไปประเทศกัมพูชา ก็ต้องไปคิดอีกมาตรการหนึ่ง ต่างประเทศก็วิธีการ ตนไม่กังวลอะไร และไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ เพราะตนพูดไปชัดแล้วว่า ให้เพิ่มมาตรการที่เข้มข้นขึ้น
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการข้ามมาฝั่งไทย เพื่อมาซื้อน้ำมันค่อนข้างเยอะ จะมีมาตรการอย่างไรต่อไป นายภูมิธรรม ระบุว่า ขอดูก่อน คิดว่าประชาชนไทยไม่เดือดร้อนอะไร ส่วนนี้ได้ยินข่าวว่าเขาเข้ามาเติมน้ำมัน และเมื่อดูจากที่เราปฏิบัติแล้ว เรายังผ่อนปรน หากนำรถเข้ามายังประเทศไทย และเติมน้ำมันใส่ถังกลับไป ซึ่งหลังจากประเมินแล้ว ค่อยว่ากันอีกที
ขณะนี้เราควบคุมสินค้าออกทั้งหมด คำว่าน้ำมัน ในพระราชบัญญัติ หมายถึงองค์ประกอบทั้งหมด ทั้งแก๊ส เบนซิน ดีเซล รวมถึงโซลาร์เซลล์ด้วย จึงคิดว่าเราพยามทำให้ครบถ้วน และบอกทุกคนแล้วว่า ในทางปฏิบัติมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ให้ประสานเราได้ และให้ สมช. เป็นตัวจัดการแก้ปัญหา วันนี้มาดูก็พึงพอใจ และคิดว่าทุกคนพร้อมแล้ว หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกประชุมเจ้าของท่าข้ามทั้ง 59 ท่า ซึ่งเป็นจุดผ่อนปรน ก็จะดำเนินการทันที โดยส่วนมากจะไปหนักที่จังหวัดกาญจนบุรี
นายภูมิธรรม กล่าวถึง ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในการเป็นตัวชี้วัดของมาตรการเหล่านี้ ว่า ทำให้เต็มที่มากที่สุด ขอประเมินมาตรการที่สอดรับกับความเป็นจริง พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ก็เสร็จได้ จึงบอกให้ทุกคนรายงานสถานการณ์เฉพาะหน้ากันตลอด และหากมีอะไรเปลี่ยนแปลง จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ส่วนคนที่จะทะลักเข้ามาเพิ่มขึ้นในประเทศไทยนั้น เขารับทราบตั้งแต่วันที่ตัดไฟฟ้าแล้ว ทั้งตำรวจตระเวนชายแดน และทหาร ก็ได้เตรียมการกับแม่ทัพภาคต่าง ๆ เพื่อซีลตรงนั้นให้แน่นหนา และรองรับเหตุการณ์ รวมถึงได้คุยกับประเทศที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่จะปล่อยตัวเหยื่อมา 61 คนนั้นก็มีหลายชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจีน ตนเองได้ให้หลักการเบื้องต้นไปแล้วว่า หากจะรับเข้ามา ต้องมีประเทศเจ้าของรับกลับ และผ่านกระบวนการตรวจสอบต่าง ๆ ดูเครือข่ายเพื่อนำข้อมูลมาขยายผลในการทำงาน แต่ประเทศเหล่านั้น ต้องมายินดีรับตัวกลับต่อไป พร้อมย้ำว่า อย่างไรก็ต้องเข้ากระบวนการคัดกรองของเรา ซึ่งก็มีการเตรียมการแล้ว เช่นเดียวกับคนไทยที่ถูกจับในเมียนมาทั้ง 4 คน จะไปเรียกร้องให้ปล่อยตัวทีเดียวไม่ได้ จะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองก่อน
จากนั้นนายภูมิธรรม ลงพื้นที่จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย - พม่า แห่งที่2 - อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ซึ่งทาง กฟภ. ได้ทำการตัดระบบให้เห็นชัดเจน เพื่อความสบายใจ
ในส่วนของทหารได้มีการจัดวางกำลังแนวชายแดน ซึ่งสถานการณ์ 2 ฝั่ง นายภูมิธรรม ย้ำว่า ไม่มีจุดเสี่ยงอันตราย แต่ไทยได้ตรึงกำลังทหารและตำรวจเอาไว้ ซึ่งเขตชายแดนนั้นปกติ พร้อมสอบถามเจ้าหน้าที่ทหารว่า หนักใจหรือไม่ โดยทางทหาร ยืนยันว่า “ไม่หนักใจ”
อย่างไรก็ตามระหว่างนายภูมิธรรม
ตรวจพื้นที่ เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) ทำการปล่อยตัวเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวต่างชาติ 61 คน ผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 เพื่อเข้ากระบวนการกลไกคัดกรองการส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM