อบจ.ขยายแผล พรรคร่วมฯ ศึก ‘บ้านใหญ่’ ทุบ‘นายใหญ่’

ศึกนายก อบจ.ในหลายสนาม บ่งบอกชัดเจนถึงความไม่ลงรอย ผ่านเกมช่วงชิงพื้นที่ของบรรดาเครือข่ายพรรคร่วมฯ ที่จับมือเข้าสู่อำนาจบริหาร ทั้งที่ต่างมุ่งหวังปักธงท้องถิ่น เพื่อต่อยอด สร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
KEY
POINTS
- ศึกนายก อบจ. กลายเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าการเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไปจะดุเดือดเลือดพล่าน
- การฟาดฟันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ใส่กันเต็มที่ ร่องรอยความแค้นยังเหลือเต็มประดา
- รอบนี้แชมป์เก่าหลายคนที่ชนะฉิวเฉียด เจอแรงกดดันจะทำงานแบบเดิมไม่ได้ เมื่อคู่แข่งเข้มแข็งขึ้น ประชาชนก็พร้อมเปลี่ยนได้เสมอ
สังเวียนเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศ ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อ 1 ก.พ. ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ที่ขับเคี่ยวแข่งขันดุเดือดหลายพื้นที่ ต่างฝ่ายต่างหมดทรัพยากรกันมโฬหาร
แตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ ที่บรรดาแชมป์เก่า หรือคนบ้านใหญ่ เข้าป้ายกันแบบสบายๆ ไร้คู่แข่ง กลยุทธ์กระสุนดินดำ ถูกใช้แค่พอเป็นพิธี ยิงเหมือนแจกน้ำจิ้ม แต่รอบนี้ ยิงเล็กไม่ได้ ต้องยิงใหญ่ ราวน้ำป่าไหลหลาก ทั้งคนแพ้ คนชนะ เดินตัวปลิวกันเป็นแถว จะมีบ้างบางคนรู้จักเก็บ เลยเหลือหน้าตักอยู่บ้าง
มวยคู่เอกสนามท้องถิ่น หนีไม่พ้นเพื่อไทยกับค่ายน้ำเงิน ที่มีเดิมพันหลายจังหวัด ทักษิณ ชินวัตร ลงทุนลงแรงตะลอนปราศรัยหาเสียง ประกาศจับจอง ทวงคืนพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ โดยเฉพาะศรีสะเกษ ยุทธศาสตร์ขอเหมายกจังหวัด ตั้งแต่นายก อบจ. ถึงการเลือกตั้ง สส. รอบหน้า ทำท่าสะดุด
ไล่หนูตีงูเห่ารอบนี้แป้ก ภูมิใจไทย ที่แม้จะเลือกยุทธศาตร์ไม่ออกหน้า ไม่ส่งในนามพรรค ปล่อยวิชิต ไตรสรณกุล สู้กับวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ จนชนะบดเด็กนายใหญ่ แบบสะใจกองเชียร์
งานนี้ สส.ศรีสะเกษ เพื่อไทย อาจต้องตอบคำถามนายใหญ่กันมากหน่อย ทำไมคะแนนไม่ออกอย่างที่คาดหวัง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ มีการลงคาถา เป่ากระหม่อมกันแล้ว ทำนองว่า ใครไม่ช่วย หรือคะแนนไม่งอกอย่างที่ควรจะเป็น รอบหน้าไม่ส่งลง สส.
หรือในพื้นที่ภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี ระหว่าง ป้าโส หรือ โสภา กาญจนะ ศรีภรรยาของ ชุมพล กาญจนะ จากรวมไทยสร้างชาติ ที่ฝังแค้นดอกสอง เอาชนะ กำนันศักดิ์ พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว จากค่ายธรรมนัส นายใหญ่แห่งกล้าธรรม
ถ้าจำกันได้ ในช่วงเลือกตั้งใหญ่ ปี 66 ชุมพล และกำนันศักดิ์ใส่เสื้อรวมไทยฯ ด้วยกัน ทั้งที่คู่นี้ไม่ถูกกัน นั่นเพราะบารมีของไตรรงค์ สุวรรณคีรี เลยเกิดภาพสมานฉันท์ชั่วครู่ สุดท้ายเกมแตกหักเกิดขึ้น จากกรณีที่ชุมพลให้การสนับสุน พิชัย ชมภูพล จากภูมิใจไทย จนได้เป็น สส.สุราษฎร์ฯ แบบคาดไม่ถึง เป้าหมายเพื่อสกัด อนงค์นาถ จ่าแก้ว ลูกสาวกำนันศักดิ์ จนต้องต่างคนต่างอยู่
ไล่ลงมาที่พัทลุง แชมป์เก่าบ้านใหญ่ วิสุทธิ์ ธรรมเพชร ค่ายรวมไทยฯ รอบนี้เหนื่อยใช่เล่น เมื่อต้องสู้กับ สาโรจน์ สามารถ ที่ได้ค่ายน้ำเงินและอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หนุนเต็มที่ พยายามให้เกิดโดมิโน่ นครศรีฯ โมเดล แต่บริบท 2 พื้นที่ต่างกัน ตำแหน่งนายก อบจ.เมืองลุง เลยไม่เปลี่ยนมือ
การขับเคี่ยวในพื้นที่ด้ามขวานดุเดือดที่สุดต้องยกให้ที่นราธิวาส กูเซ็ง ยาวอหะซัน ป้องกันตำแหน่งได้อีกสมัย ด้วยแรงหนุนจากประชาชาติ เอาชนะอับดุลลักษณ์ สะอิ ที่ได้แรงหนุนจากแกนนำภูมิใจไทยและกล้าธรรม แถมได้ ธรรมนัส พรหมเผ่า และชาดา ไทยเศรษฐ์ นำทัพลงไปปราศรัยด้วยเอง เพื่อการันตีความเชื่อมั่นว่าของถึง แต่ปรากฎว่า แชมป์เก่ายังไว้ลาย เอาชนะไปได้แบบหืดขึ้นคอ 187,139 ต่อ 177,771 ห่างกันแค่ 9,368 คะแนนเท่านั้น
ในพื้นที่ชายแดนใต้ ฐานที่มั่นสำคัญของประชาชาติ เจอความท้าทายมาโดยตลอดจากค่ายน้ำเงิน ต่อสู้ในเชิงนโยบายกันมาตั้งแต่เรื่องกัญชาเสรี ที่ขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม และในช่วงหลัง แรงกระเพื่อมภายในประชาชาติ จากแกนนำบางกลุ่ม เริ่มมีความไม่พอใจบทบาทของทวี สอดส่อง ในตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม อยากให้มีการเปลี่ยนตัว ตรงนี้ก็อาจเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ ทวี ต้องออกแรงช่วยกูเซ็ง เพื่อสร้างบารมีให้เป็นที่ยอมรับจากลูกพรรคมากขึ้น
นอกจากนั้น ในพื้นที่ปัตตานี เศรษฐ์ อัลยุฟรี ที่เพิ่งชนะเลือกตั้ง นายก อบจ. กระแสข่าวหนาหูว่าได้แรงหนุนจากค่ายน้ำเงินด้วยอีกคน
สะท้อนให้เห็นว่า ศึกนายก อบจ.ในหลายสนาม บ่งบอกชัดเจนถึงความไม่ลงรอย ผ่านเกมช่วงชิงพื้นที่ของบรรดาเครือข่ายพรรคร่วมฯ ที่จับมือเข้าสู่อำนาจบริหาร ทั้งที่ต่างมุ่งหวังปักธงท้องถิ่น เพื่อต่อยอด สร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผู้ชนะนายก อบจ.ในหลายจังหวัด รอบนี้เจอแรงกดดันมากกว่าเก่าแน่ๆ โดยเฉพาะคนที่ชนะกันมาแบบเฉียดฉิว หรือห่างไม่มาก ล้วนเป็นปัจจัยชี้วัดว่า คู่แข่งพลิกแซงได้ทุกเมื่อ และประชาชนพร้อมเปลี่ยน ถ้ายังบริหารงานแบบเดิมๆ