สมช.ตกผลึก 6 ข้อ พบหลักฐาน จ่ายไฟแก๊งคอลเซนเตอร์ ส่งต่อ กฟภ.-มท.ปัดโยนไปมา

สมช.ตกผลึก 6 ข้อ พบหลักฐาน จ่ายไฟแก๊งคอลเซนเตอร์ ส่งต่อ กฟภ.-มท.ปัดโยนไปมา

"สมช.” สรุปข้อมูลความมั่นคงเสนอ กฟภ. - มท. พิจารณาตัดไฟ ควบคู่ตั้งกรรมการร่วม 2 ฝ่ายไทย - เมียนมา เช็คจุดมีปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำต้องมีก่อนหลักฐานชัดเจนก่อนเสนอ ครม.ตัดไฟ ปัดโยนไปมา

3 ก.พ.2568 นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประมวลข้อมูลด้านความมั่นคงเพื่อส่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) โดยตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย กฟภ. กองทัพ และหน่วยงานด้านการข่าวเข้าร่วม ที่ทำเนียบรัฐบาล

หลังเสร็จสิ้นการประชุม นายฉัตรชัย แถลงว่า การประชุมวันนี้เป็นการกลั่นกรองข้อมูลด้านความมั่นคงที่เชื่อถือได้ ให้เกิดความรอบคอบยิ่งขึ้น ซึ่ง สมช.มีข้อมูลจะส่งให้กระทรวงมหาดไทย และกฟภ.อยู่แล้ว ซึ่งกระทรวงมหาดไทยขอข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ค้ามุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อไปประกอบการพิจารณา

วันนี้ที่ประชุมมีข้อมูลที่จะส่งให้กระทรวงมหาดไทย 6 ข้อ ให้เร็วที่สุด ตามเงื่อนไขตามกฎหมาย และสัญญาที่ระบุไว้ ที่จะดำเนินการกับบริษัทคู่สัญญา ได้แก่ 

1.ข้อมูลที่เกี่ยวกับความมั่นคงพื้นที่ตั้ง จุดต่างๆ ที่เชื่อได้ว่า มีหลักฐานระดับหนึ่ง ที่เกี่ยวพันกับอาชญากรข้ามชาติ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีหลายจุดตั้งแต่ทางฝั่งแม่สาย เมียวดี พญาตองซู 

2.อาจมีความเชื่อมโยงของบุคคลที่เกี่ยวบริษัทสัมปทาน กลุ่มที่เป็นกลุ่มแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และบ่อนกาสิโนทั้งหลาย ก็มีความเกี่ยวกันระดับหนึ่ง ในเรื่องตัวบุคคล ที่อาจมีความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงกับการจำหน่ายไฟ ภายในเมียนมา  

3. พบว่ามีความต้องการขอใช้ไฟเพิ่มขึ้นผิดปกติ แต่เราไม่อนุมัติ เพราะไม่สามารถอธิบายได้ว่า เอาไปทำอะไร 

4.แม้ที่ผ่านมาทางรัฐบาลไทย และ กฟภ.เคยมีการตัดไฟไปแล้ว ที่ชเวก๊กโก และเคเคปาร์ค แต่ปรากฎเขายังประกอบกิจการได้ ซึ่งอาจใช้น้ำมันปั่นไฟ  

5.พบว่าสัดส่วนการใช้ไฟตามจุดต่างๆ เป็นอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณา 

6.จุดที่เคยตัดไฟไปแล้ว พบหลักฐานบางอย่างว่า มีหาไฟจากแหล่งอื่นไปทดแทน  

นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติอีก 3 เรื่อง

1. สมช.จะประมวลข้อมูลด้านความมั่นคงให้ กฟภ.ประกอบการพิจารณา

2. ให้กฟภ.นำข้อมูลไปเจรจากับบริษัทคู่สัญญา เพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสม ให้เป็นไปตามหลักของสัญญา ตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ตามเงื่อนไขของ กฟภ. เช่นอาจมีการงดการจ่ายไฟ และถ้ามีการงดจ่ายไฟจะงดแบบไหน เป็นไปตามระเบียบกฟภ.และสัญญา แต่ทั้งหมดต้องคำนึงถึงผลกระทบประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านด้วย จึงต้องดูให้เหมาะสม

ล่าสุดเป็นเรื่องดี ที่กฟภ.ทำงานเชิงรุก โดยแจ้งไปที่บริษัทคู่สัญญาว่า เรามีความกังวลต่อพื้นที่ดังกล่าวว่า ใช้ไฟไม่ถูกต้อง และไม่เป็นไปตามสัญญา ซึ่งกฟภ.มีหนังสือแจ้งไปแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

3.ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานกับรัฐบาลเมียนมา ไปกำชับบริษัทคู่สัญญา ที่รัฐบาลเมียนมาอนุมัติให้มาสัมปทานกับกฟภ. เพื่อให้รัฐบาลเมียนมาตรวจสอบว่า มีการใช้ไฟไม่เหมาะสม 

รวมถึงมีคณะทำงานร่วมจากฝั่งไทย และเมียนมาเข้าไปดูพื้นที่ร่วมกันว่า จุดไหนมีปัญหา เพื่อจะรับทราบปัญหาร่วมกัน ทั้งหมดเป็นมาตรการเฉพาะ กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างกฟภ.และบริษัทคู่สัญญา ใน 3 พื้นที่หลัก ได้แก่ ท่าขี้เหล็ก-แม่สาย  แม่สอด-เมียวดี  และพญาตองซู   

“จากข้อมูลทั้งหมด ในวันนี้จะส่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานสภาความมั่นคงต่อไป เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป” นายฉัตรชัย กล่าว   

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ หมดขั้นตอนของสมช.หรือยัง ต่อไปจะได้ไม่ต้องโยนกันไปมา นายฉัตรชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ไม่ได้โยนกันไปมา ต่างคนต่างมีหน้าที่ ซึ่งข้อกฎหมาย และกระบวนการเป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีขั้นตอนที่ชัดเจน

ที่เคยถามว่า ใครมีอำนาจในการตัดไฟ ก็คือต้องดูข้อกฎหมาย ส่วนกฟภ.จะตัดไฟหรือไม่ ก็ต้องรอผลจากมติที่ประชุมในวันนี้ ว่าไปเจรจาแล้ว ได้ผลอย่างไร เพื่อมาประเมินอีกครั้ง 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหลังจากส่งเรื่องให้ กฟภ.ไปแล้ว สมช. ประเมินหรือไม่ว่าจะใช้เวลากี่สัปดาห์ในการตัดไฟ นายฉัตรชัย กล่าวว่า จะทำให้เร็วที่สุด เราจะรีบสรุปผลประชุมไป เพื่อจะรีบไปเจรจากับคู่สัญญา โดยกฟภ.จะใช้มติที่ประชุมวันนี้ไปอ้างอิงได้ ได้แก่ ข้อมูลความมั่นคง มติที่ประชุมวันนี้ และระเบียบกฎหมายของกฟภ. และมติครม.ที่เคยอนุมัติให้ขายไฟแก่ประเทศเพื่อนบ้าน    

เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ประชุมในวันนี้ เพียงพอที่จะตัดไฟได้หรือไม่ เลขาธิการสมช. กล่าวว่า ในกระบวนการ ต้องไปถามคู่สัญญาด้วย มีคณะกรรมการที่ตั้งไปตรวจสอบ ให้เกิดความชัดเจน  

ขณะที่นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)  กล่าวว่า ปัจจุบันที่ กฟภ.มีข้อมูล บริษัทที่ได้สัมปทานจากเมียนมาไปนั้น ถ้าเป็นที่เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน มีอยู่ 1 บริษัท คือ บริษัท อัลลัว กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด และที่แม่สอด จ.ตาก มีทั้งหมด 2 บริษัท ส่วนที่เมืองพญาตองซู เมียนมา ก็มีอีก 1 บริษัท รวมทั้งหมด 4 บริษัท

ตอนนี้ในส่วนของข้อมูลความมั่นคง จากการที่ได้รับในที่ประชุมมา ก็มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และกฟภ.จะนำไปใช้ในการดำเนินการต่อไป     

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้ระยะเวลาในการตัดไฟเท่าไหร่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า หากผิดกฎหมายก็สามารถตัดได้ แต่ในกระบวนการต่าง ๆ ต้องมีความรอบคอบ รัดกุม และจะดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้    

เมื่อถามต่อว่า กฟภ.จะตั้งคณะกรรมการลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยหรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่กฟภ.ที่จะต้องตั้งคณะกรรมการ จะต้องเป็นทางสภาความมั่นคงแห่งชาติที่จะต้องตั้ง โดย สมช.จะมีมติตั้งคณะกรรมการร่วมกันทุกฝ่าย และจะไปตรวจสอบร่วมกัน   

เมื่อถามอีกว่า การตรวจสอบเห็นได้ชัดหรือไม่ว่า มีการนำไฟฟ้าไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องตามสัญญา นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ลงพื้นที่ แต่ได้มีการเตรียมการจะลงไปในพื้นที่แล้ว

เมื่อถามต่อว่า จะต้องมีการลงไปในพื้นที่ก่อนใช่หรือไม่ ถึงจะมีอำนาจในการตัดสินใจได้ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็มีข้อมูลที่จะดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ส่วนจะมีการงดจ่ายไฟหรือไม่ ก็ต้องลงไปตรวจสอบในพื้นที่ ย้ำว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด 

เมื่อถามอีกว่า ประชาชนตั้งคำถามว่า ปัจจุบันได้มีข้อมูล และหลักฐานมากพอสมควรแล้ว หากกฟภ. ลงไปตรวจพื้นที่ จะตัดไฟได้เลยหรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องมองในเรื่องของกฎหมาย และมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) พอแล้วเสร็จ เราจะเสนอ งดจ่ายไฟ และจะดำเนินการในเรื่องของนโยบาย หาก ครม.มีมติงดจ่ายไฟ ก็สามารถงดจ่ายไฟได้ทันที

เมื่อถามอีกว่า ในส่วนของการลงพื้นที่ จะลงไปในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านใช่หรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า จะต้องลงไปตรวจสอบในพื้นที่จริง เพื่อให้มีการตรวจสอบอย่างถูกต้อง ว่าบริษัทที่ได้สัมปทานไปนั้น ยืนยันว่ามันไม่มีการจ่ายไฟ โดยหากมีการสอบถามไปแล้วยังไม่มีคำตอบกลับมา เราจะถือว่าเป็นการทำผิดสัญญา และจะทำการงดจ่ายไฟ ถ้าหากตอบกลับมาว่าไม่มี เราก็จะต้องทำการตรวจสอบว่า จริงหรือไม่ ที่ได้กล่าวมาว่า ไม่มีตามที่ระบุ 

ผู้สื่อข่าวถามถึง รายละเอียดสัญญา มีการระบุหรือไม่ว่า หากนำไฟฟ้าไปใช้ผิดประเภท จะมีการตัดไฟ หรือการเลิกให้บริการ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ในสัญญาระบุว่า หากนำไปใช้ และกระทบกับความมั่นคงจะมีการตัดไฟ 

เมื่อถามต่อว่า มีโอกาสที่จะการกระทบกับความมั่นคง และจะมีการเสนอต่อครม.ให้มีมติงดการจ่ายไฟก่อนหรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ต้องดูจากหลักฐานทั้งหมดแล้วมารวบรวม  

ต่อข้อถามว่า เรื่องทั้งหมดนี้จะจบที่ กฟภ.ตัดสินใจใช่หรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ถ้าเป็นการงดจ่ายไฟระดับประเทศ ยังไงก็ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม. 

เมื่อถามว่า จะลงพื้นที่เมื่อไหร่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า จะลงพื้นที่เร็วที่สุดและยังมีหลายหน่วยงานที่ต้องพูดคุย ตนยังตอบไม่ได้ แต่ทางคณะกรรมการของกฟภ.ลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้วในวันนี้ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยไม่ได้ข้ามไปที่ชายแดน แต่ขอย้ำว่า จะลงพื้นที่ฝ่ายเดียวไม่ได้ จะต้องไปทุกๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง    

ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์พยายามขอต่อไฟจากจุดที่เคยแล้ว หรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ถึงจะมีการขอจริง เราก็ไม่ให้แน่นอน และกำลังจะมีการพิจารณาว่า ไฟฟ้าที่ใช้อยู่นั้น หากมีการผิดสัญญา เราจะใช้เงื่อนไขนี้ ในการไม่จ่ายไฟต่อ

ถ้าหากนำไปขายไฟในรูปแบบที่ผิดกฎหมาย เราจะไม่ต่อสัญญาด้วยซ้ำ ฉะนั้นหากการงดจ่ายไฟและมีข้อมูลยืนยันว่า นำไฟไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย เราจะไม่ขายไฟต่ออยู่แล้ว

เมื่อถามอีกว่า ระยะสัญญาจะหมดในช่วงปีไหน นายประสิทธิ์ กล่าวว่า สัญญา จะเป็นสัญญาแต่ละจุดพื้นที่ไป อยู่ที่ระยะเวลา 1-3 ปี แต่ส่วนใหญ่จะ 5 ปี 

ด้าน นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงถึงอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดในการร่วมกับหน่วยงาน เพื่อตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าว่า หากมีข้อมูลข้อเท็จจริง ทางการข่าว และเห็นชัดว่า อะไรมีการนำกระแสไฟฟ้าจากฝั่งไทยไปใช้ ในกิจกรรมที่เป็นอาชญากรรม หรือกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ทางกระทรวงมหาดไทยสามารถรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ มาประกอบการพิจารณา

เพราะกฟภ. มีสัญญาที่ระบุไว้ว่า เราสามารถที่จะเลิกหรืองด และบังคับตามสัญญาในการจ่ายกระแสไฟฟ้า แล้วถ้าพบว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคง ดังนั้นจึงนำข้อมูลเข้ามาพูดคุยกับ สภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อรวบรวมข้อมูล ให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้รับทราบว่า การใช้ไฟในพื้นที่นั้น ๆ กระทบต่อความมั่นคงหรือไม่

ก่อนจะให้การไฟฟ้านำข้อมูลเหล่านี้ ไปพิจารณาตามสัญญา หากมีความชัดเจนก็สามารถดำเนินการตามสัญญาได้เลย หรือหากยังไม่มีความชัดเจนมากพอ ก็ต้องไปสอบถามคู่สัญญา รวมทั้งลงไปตรวจสอบพื้นที่ เพราะบางครั้งคู่สัญญาอาจจะตอบว่าไม่กระทบ แต่จะช่วยได้หรือไม่ ก็ต้องนำข้อมูลมาประกอบกับทาง สมช.   

นอกจากนี้ หากข้อมูลยังไม่ชัดอีก ก็ต้องมีการตั้งทีมลงไปตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้บริสุทธิ์ที่ใช้ไฟ และผู้ที่ทุจริตใช้ไฟโดยไม่ชอบ 

นายชำนาญวิทย์ กล่าวต่อว่า แนวทางเหล่านี้ กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 โดยการทำหนังสือไปสอบถามยังหลายหน่วยงาน ทั้งแนวทางการตัดน้ำตัดไฟรวมถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ต หากได้ข้อสรุป ก็เชื่อว่าจะสามารถดำเนินการตามสัญญาได้ทันที    

เมื่อถามว่า อำนาจการตัดไฟอยู่ที่กฟภ.หรือต้องนำเข้าที่ประชุมครม. นายชำนาญวิทย์ กล่าวว่า ต้องดูมติ ครม.เพราะตอนที่อนุญาตให้ขายไฟ คือครม. เพราะฉะนั้น การที่จะงดขาย ต้องไปดูว่า ตอนอนุญาตมีเงื่อนไขอย่างไร ซึ่งตามมติ ครม. มีการพูดถึงเรื่องความมั่นคง จึงถูกนำมาเขียนไว้ในสัญญา ทำให้ต้องพ่วงกับ สมช.

ดังนั้น เรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศ จะต้องถามทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศ และสมช. เพื่อนำมาประกอบ ว่าผิดตามเงื่อนไข หรือไม่ หากพบก็สามารถบังคับตามเงื่อนไขได้ทันที พร้อมย้ำว่า การจะตัดไฟได้ ต้องยึดตามสัญญา ซึ่งในสัญญาระบุไว้ประตูเดียว ว่าจะต้องกระทบต่อความมั่นคงเท่านั้น    

เมื่อถามย้ำ ว่าบุคคลที่จะมีอำนาจเซ็นในการตัดไฟฟ้าได้คือ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ใช่หรือไม่ นายชำนาญวิทย์ กล่าวว่า "ก็คุม สมช."